ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 361 ลู่หยวนร่วมวง
บทที่ 361 ลู่หยวนร่วมวง
บทที่ 361 ลู่หยวนร่วมวง
“ลู่หยวนหรือ?!”
ฉู่เชิ่งมองผู้ชายที่เดินออกมาจากด้านหลังหลิงอวิ๋น หัวใจของเขาพลันสั่นไหวพร้อมความรู้สึกไร้พลังที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?!
เหตุใดลู่หยวนถึงยังตามมาหลอกหลอนอยู่อีก?!
เมื่อครู่เป็นจังหวะดีที่แทบไม่มีใครสามารถตอบสนองได้!
ยอดฝีมือทั้งสองคนผู้อยู่ใกล้ที่สุดยังมีหน้าซีดราวกับไก่ต้ม แต่เมื่อเขากำลังจะทำสำเร็จ ลู่หยวนกลับออกมาขัดขวาง!
ฉู่เชิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!
อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น!
ลู่หยวนผู้อยู่บนอากาศขมวดคิ้วขณะมองฉู่เชิ่งที่กำลังเดือดดาล ก่อนจะยิ้มเย้ยหยัน
“ข้าอุตส่าห์จัดฉากใหญ่โตขึ้นมาขนาดนี้ จะปล่อยให้มันพังทลายด้วยการปรากฏตัวของเจ้าได้อย่างไร!”
ฉู่เชิ่งย่อมไม่เข้าใจว่าลู่หยวนกำลังพูดเรื่องอะไร แต่หลังจากตรวจสอบทั้งสองคนซึ่งอยู่ข้างกายอีกฝ่าย เขาก็พลันรู้สึกไม่สู้ดี
ลู่หยวนเพียงคนเดียวเขายังเอาชนะไม่ได้ ตอนนี้ยังมีสองคนนี้ที่ทรงพลังกว่ายังมาอยู่ข้างกายอีก เขาจะหาทางเอาชนะได้อย่างไร?!
ขณะทั้งสามคนกำลังเผชิญหน้ากัน พลังกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งลงมาจากท้องนภา!
พลังนั้นเต็มไปด้วยเจตจำนงหอกสูงสุด มันตัดผ่านอากาศก่อนจะมุ่งตรงเข้าหาลู่หยวน
ลู่หยวนสัมผัสได้ถึงเจตจำนงหอกที่กำลังตรงเข้ามา แต่เขายังคงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในอากาศราวกับชายชราผู้มีท่วงท่าสงบนิ่ง
ชิ้ง!
เมื่อพลังสังหารตรงเข้ามา ดวงตางดงามของหลิงอวิ๋นก็กวาดมองพลางขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
นางยกมือขวาพร้อมชูนิ้วชี้ แล้วเจตจำนงหอกซึ่งเข้าใกล้วิถีสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นจากทั่วทั้งแดนมัชฌิม เพียงชั่วพริบตา ทุกคนคล้ายกับเห็นหอกสีทองทะยานตรงสู่ท้องนภาก่อนจะมาอยู่ด้านหลังของนาง!
ทันทีที่เจตจำนงหอกสายนี้ปรากฏ ทั่วทั้งโลกพลันมืดมิด
หลิงอวิ๋นฟาดมือขวาลงไปอย่างเรียบง่าย แล้วเจตจำนงหอกทะลวงสวรรค์ก็พุ่งออกไปปะทะกับเจตจำนงหอกสูงสุดที่กำลังเข้ามาอย่างรุนแรง!
ตู้ม!
เจตจำนงหอกทั้งสองสายปะทะกัน เพียงชั่วพริบตา ทั่วโลกก็สั่นสะเทือน หลังจากนั้น เจตจำนงหอกพลันถูกกวาดล้าง
พรวด!
ต้วนเวิ่นเทียนผู้อยู่ไม่ไกลพลันกระอักโลหิตออกมา
เจตจำนงหอกนี้เค้นพลังของเขาจนเกือบหมดสิ้น!
แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะถูกทำลายได้ในทันที!
ต้วนเวิ่นเทียนมองหลิงอวิ๋นด้วยสายตาซับซ้อน
เขาไม่ได้ปรากฏตัวในแดนมัชฌิมมานับร้อยปี แต่กลับมีผู้สืบทอดวิชาหอกปรากฏตัวขึ้นแล้วหรือ?!
เจตจำนงหอกของหลิงอวิ๋นไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันยังคงเคลื่อนตรงไปข้างหน้า
เงาของหอกแหวกผ่านอากาศ จากนั้นก็ทะลุตัวต้วนเวิ่นเทียนทันที!
อักขระบนชุดเกราะสีดำบนร่างพลันส่องแสงราวกับจะทำหน้าที่ปกป้อง แต่ก่อนจะทันได้ขัดขืน พวกมันก็แตกสลายจนสิ้น!
ร่างของต้วนเวิ่นเทียนกระเด็นออกไปก่อนจะกระแทกกับพื้น ก่อให้เกิดฝุ่นธุลีหลายสิบจั้ง
มู่พ่านซานชำเลืองมองอีกฝ่ายผู้สูญสิ้นความสามารถในการต่อสู้ขณะลอบโคจรปราณวิญญาณ เขาคิดอยู่ในใจว่าจะหาทางจัดการอีกฝ่ายต่อหน้าลู่หยวนอย่างไร!
ตนรู้จักสามคนตรงหน้าเป็นอย่างดี!
ลู่หยวน ลู่เทียนเฟิ่ง หลิงอวิ๋น!
สามคนนี้มาจากสองกองกำลัง ซึ่งมีชื่อว่าตระกูลหลิงแดนมัชฌิม และตระกูลลู่แดนเหนือ!
มู่พ่านซานทราบว่าหลิงอวิ๋นได้เข้าสู่วิถีหอกอำมหิต ซึ่งการไล่ตามมหาวิถีคือสิ่งที่นางให้ความสนใจ เส้นชีพจรจักรพรรดิจึงไม่ดึงดูดความสนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
เช่นนั้นคนที่มาในวันนี้เพื่อต้องการเส้นชีพจรจักรพรรดิก็คือลู่หยวน!
ดวงตาของมู่พ่านซานก็มืดมนลง ทันใดนั้น สิ่งที่ลู่หยวนเพิ่งเอ่ยก็ปรากฏขึ้นในใจ
“จัดฉากหรือ?!”
เพียงชั่วพริบตา ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของมู่พ่านซาน!
เขาเงยหน้ามองลู่หยวนอย่างรวดเร็ว สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เจ้าทำเรื่องทั้งหมดนี้งั้นหรือ?!”
ลู่หยวนยิ้มเย้ยหยันแทนการตอบคำถามของมู่พ่านซาน “เจ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว เหตุใดต้องถามให้มากความเล่า?!”
ทันทีที่สิ้นคำของเขา ลู่เทียนเฟิ่งผู้อยู่ข้างกายก็ส่งสายตามืดมนมาให้
เพียงพริบตา ฟ้าดินยิ่งมืดมิด หมู่เมฆดำไร้ที่สิ้นสุดเคลื่อนลงมาราวกับถูกสวรรค์ปกคลุมเอาไว้!
กระบี่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นท่ามกลางกลุ่มเมฆดังกล่าว!
เจตจำนงกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นจากกระบี่เล่มนั้นก่อนจะถาโถมเข้ามาหามู่พ่านซาน!
ตู้ม!
อากาศรอบตัวมู่พ่านซานพังทลาย ปราณวิญญาณบางส่วนที่เพิ่งรวมตัวก็สลายหายไป!
พรวด!
มู่พ่านซานกระอักโลหิตก่อนพลังซึ่งคอยค้ำจุนเขาบนอากาศจะหายไปในพริบตา
ทั่วทั้งร่างพลันถูกบดขยี้ภายใต้พลังฟาดฟันของกระบี่!
มู่พ่านซานและต้วนเวิ่นเทียนต่างก็ตัดสินได้ทันทีว่าลู่หยวนในยามนี้อันตรายยิ่งกว่าฉู่เชิ่ง!
หากเป็นฉู่เชิ่ง พวกเขายังพอต่อสู้และสังหารอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าเป็นลู่หยวน…
ชายคนนี้มีความช่วยเหลือจากภายนอกมากเกินไป!
หากเขาลงมือ กองกำลังจำนวนมากจะเคลื่อนไหวตาม หากคนพวกนั้นลงมือ ต่อให้ทั้งสองพยายามสุดความสามารถก็ยังเป็นเรื่องที่ชวนให้ปวดหัว!
นอกจากนี้พวกตนกำลังประมือกันจนใกล้ถึงแก่ความตาย!
ต้วนเวิ่นเทียนจึงเดิมพันกับการโจมตีสุดท้าย ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถแตะต้องชุดของลู่หยวนได้!
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่ามู่พ่านซานอยู่ในสภาพเป็นตายไม่ต่างกัน เขาจึงเหลือบมองไปทางอื่น
บริเวณที่เขาจับจ้องเป็นพื้นที่โล่งซึ่งไม่มีอะไร
เนตรเทวะซึ่งอยู่ในดวงตาของลู่หยวนยังคงขยับไปมา ก่อนจะส่องแสงสีแดงเจิดจ้า!
“เจ้าจะเสนอหน้ามาเองหรือว่าข้าเป็นคนเชิญมา?!”
หลิงอวิ๋นกับลู่เทียนเฟิ่งต่างมองไปทางบริเวณที่ลู่หยวนจับจ้อง แต่พวกเขากลับไม่พบความผิดปกติ!
ผ่านไปสามอึดใจ พลันมีความผันผวนปรากฏในพื้นที่ดังกล่าว!
ร่างจำนวนมากซึ่งสวมชุดคลุมสีดำปกคลุมร่างกายปรากฏขึ้น
คนเหล่านั้นไม่มีความผันผวนของกลิ่นอายแม้แต่น้อยประหนึ่งเป็นคนธรรมดา
แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ก็คือพวกเขาต่างสวมหน้ากากแปลกประหลาด
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก!”
ผู้นำเอ่ยด้วยความสุภาพ โดยไม่มีกลิ่นอายสังหารเวียนวนอยู่รอบกาย ราวกับเป็นเพียงคนที่เดินผ่านมา!
ลู่หยวนยิ้ม “เลิกทำตัวเหลวไหลเสียที เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไยต้องสุภาพด้วยเล่า? รีบลงมือเสีย วันนี้พวกเราอาจได้เห็นพิธีขึ้นครองบัลลังก์ของแดนมัชฌิมก็เป็นได้!”
“สิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่พูดมานับว่ามีเหตุผล”
ทันทีที่สิ้นคำ กลุ่มคนสวมหน้ากากเหล่านั้นก็หายไปจากที่ที่เคยอยู่!
ลู่เทียนเฟิ่งซึ่งเดิมมีสีหน้าเกียจคร้านพลันขมวดคิ้วด้วยท่าทางจริงจังขึ้นมา
แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งเช่นเขายังมองไม่เห็นร่องรอยของอีกฝ่าย!
หลิงอวิ๋นกุมหอกทันทีที่คนเหล่านั้นหายไป เจตจำนงหอกสูงสุดพลันปกคลุมลู่หยวนเอาไว้!
ผ่านไปหลายอึดใจ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวรอบ ๆ
ทางด้านสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นได้ถอยห่างออกไปนานแล้ว พวกเขายืนอยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยขณะมองการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์!
ยามนี้พวกเขารู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจ หากลู่หยวนได้เส้นชีพจรจักรพรรดิขึ้นมา ย่อมไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าคนชุดดำเหล่านั้นที่ไม่ทราบแม้แต่จุดกำเนิดได้ไปครอง พวกตนก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเช่นกัน!