ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 378 กู่จินเจายังไม่ตาย!
บทที่ 378 กู่จินเจายังไม่ตาย!
บทที่ 378 กู่จินเจายังไม่ตาย!
เจียงเชียนชิวยิ่งเดือดดาลเมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่ตอบ
เขาหรี่ตาลง
แน่นอนว่าถ้ามีคนแรกที่ไม่เชื่อฟังก็ต้องมีคนที่สอง!
ถ้าเช่นนี้ก็ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู!
ต้องทำให้พวกเขารู้ว่าจักรพรรดิแท้จริงในแดนมัชฌิมแห่งนี้คือผู้ใด!
พลังของเจียงเชียนชิวทะยานถึงจุดสูงสุดทันที!
“เจ้า…”
เมื่อสิ้นเสียงของเจียงเชียนชิว เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง
“เจ้าหรือ? เหอะ… เพิ่งผ่านไปไม่ทันไร แต่ยามนี้มีใครกล้ามาเรียกข้าว่าเจ้าแล้วหรือ?”
เสียงดังกล่าวทั้งเร็วและปราศจากกลิ่นอาย เจียงเชียนชิวจึงหันหลังแล้วตวัดง้าวทันที แต่กลับไม่พบสิ่งใด
หัวใจของเขาเต้นระรัวขณะเหงื่อผุดขึ้นบนแผ่นหลัง
“อึก”
เจียงเชียนชิวกลืนน้ำลาย
หลี่เจียงหนานซึ่งยืนอยู่ข้างกายขมวดคิ้ว เมื่อเห็นความวิตกที่เกิดขึ้นปุบปับของอีกฝ่าย “ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”
เจียงเชียนชิวตกตะลึง แม้เสียงเมื่อครู่จะเบา แต่เขากลับได้ยินชัดเจน!
หลี่เจียงหนานส่ายหน้า “ไม่มีเสียงอะไรเลย”
เจียงเชียนชิวตรวจสอบทุกสิ่งรอบข้างอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จากนั้นจึงหันกลับมามองฮ่วนซิงไป๋
“นี่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า สีหน้าอย่างกับคนเห็นผีก็ไม่ปาน? ดูจากสีหน้าตกอกตกใจแล้ว หรือว่ามีใครบางคนถูกขโมยสิ่งใดไป?”
ฮ่วนซิงไป๋ขยับปากเอ่ยประชดประชัน
เจียงเชียนชิวกำลังจะกวาดล้างตระกูลฮ่วน แต่เสียงเมื่อครู่ดังขึ้นในหูอีกครั้ง
“ตระกูลเจียงหรือ? เหอะ… ก็แค่ขยะ…”
เจียงเชียนชิวหันหลังอย่างระแวดระวังขณะดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ “ใคร?! ใครเป็นคนพูด?! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงแห่งโทสะดังก้องไปทั้งท้องนภาจนกระจายไปทั่วทุกหนแห่งในแดนมัชฌิม
ทุกคนมองเจียงเชียนชิวด้วยสีหน้าซับซ้อน พวกเขาต่างก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร
เจียงเชียนชิวผู้นี้เสียสติไปอีกคนแล้วหรือ?!
“เจ้าไม่คิดจะออกมาหรือ!”
เจียงเชียนชิวลุกขึ้นด้วยโทสะ กลิ่นอายไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออกมาจากข้างกาย เพียงชั่วพริบตา แสงสีทองนับไม่ถ้วนก็ทะยานออกมาจากทั่วปฐพี เข้าสังหารทุกคนอย่างไร้จุดหมาย!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ผ่านไปสักพัก ทั่วทั้งแดนมัชฌิมก็ถูกพลังนี้กวาดล้าง ทำให้ตระกูลทั้งหลายต้องกางค่ายกลพิทักษ์เพื่อหยุดยั้งคนเสียสติผู้นี้!
แสงสีทองทะยานสู่ท้องนภา แต่กลับไม่กระทบสิ่งใดในอากาศ
เจียงเชียนชิวพลันเข้าใจขึ้นมา “เจ้าแสร้งทำตัวเป็นผีด้วยการซ่อนตัวจากข้าใช่หรือไม่?!”
สิ้นคำ ร่างของเขาก็วูบไหวก่อนจะทะยานออกไป ทำให้อากาศรอบข้างพังทลายในทันที
เพียงชั่วพริบตา เจียงเชียนชิวก็ปรากฏกายเบื้องหน้าอากาศที่สั่นไหวเมื่อครู่!
เขาถืออาวุธด้วยสองมือขณะพลังรอบข้างเคลื่อนมาบรรจบกัน ก่อนกลับคืนสู่ง้าวมังกรครามแปดแดนร้าง
โฮก!
สิ้นเสียงคำราม มังกรสีเขียวซึ่งถูกสลักบนง้าวเล่มนั้นก็มีชีวิตขึ้นมา
มังกรลอยอยู่เหนือง้าวขณะดวงตาสีแดงคล้ายจับจ้องบางอย่าง!
เจียงเชียนชิวฟาดง้าวเข้าไปในอากาศอย่างสุดกำลัง!
“จง! ตาย! เพื่อข้า!”
ตู้ม!
ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างพลันหยุดนิ่งกลางอากาศที่มันฟาดลงไปราวกับกระแทกเข้ากับบางสิ่ง ก่อนจะเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
กลิ่นอายไร้ที่สิ้นสุดกระจายออกไป คลื่นอากาศพลันกระเพื่อมไหวพร้อมกับแสงสีขาวที่สั่นสะเทือนทั่วทั้งแปดทิศ
หลังจากนั้น สีหน้าของเจียงเชียนชิวก็เปลี่ยนไป
เขาเพียงรู้สึกว่าฝ่ามือของตนเกิดอาการชา
บัดนี้เขาคือจักรพรรดิแดนมัชฌิม ซึ่งเป็นผู้ถือครองเส้นชีพจรจักรพรรดิ!
ยิ่งกว่านั้น ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ทะยานสู่ขั้นจ้าวยุทธ์!
น้อยคนนักในโลกใบนี้ที่จะสามารถสร้างคลื่นกระแทกใส่เขาจนเกิดอาการชาได้!
คนผู้นี้เป็นใคร?!
“เจ้าเป็นใครมาจากไหน กล้าเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามหรือไม่?!”
เจียงเชียนชิวถามอย่างเกรี้ยวกราด
เสียงยังคงดังขึ้น
“ใครหรือ?! เจ้าไม่ได้ยินเสียงของข้าหรืออย่างไร?!”
เจียงเชียนชิวพลันตกตะลึง ถึงแม้เสียงยังคงทุ้มต่ำ แต่มันเริ่มชัดมากขึ้น!
จนทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก!
ดูเหมือนเป็นเสียงที่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…
ทันใดนั้น!
ร่างของเจียงเชียนชิวก็แข็งทื่อขณะที่พลังของง้าวในมือก็อ่อนกำลัง!
อากาศพลันเกิดแรงกระเพื่อมจนทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้าน!
เจียงเชียนชิวประคองร่างให้มั่นคง สายตาของเขาพลันเปลี่ยนไปเมื่อมองไปยังพื้นที่บริเวณนั้น
เขาเคยได้ยินเสียงนี้… ทั้งยังคงได้ยินมาแล้วหลายครั้ง!
เจ้าของเสียงนี้ในอดีตทั้งอ่อนแอและขี้โรค แต่กลับแฝงด้วยความสงบและสูงส่งในฐานะจักรพรรดินี
แต่ยามนี้ เสียงนั้นกลับแตกต่างจากวันวาน ราวกับหมาป่าเดียวดายที่กำลังคุกคามโลก!
แม้จะเคยป่วยเป็นโรคที่เกิดจากความบกพร่องโดยกำเนิดจนไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย
แต่บัดนี้เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่กลับฟังดูเหมือนราชันผู้ดูแคลนโลกและปุถุชน!
“กะ…กู่จินเจาหรือ?!”
เจียงเชียนชิวโพล่งชื่อดังกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อ!
“เหอะ… บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าการที่เส้นชีพจรจักรพรรดิตกอยู่ในมือขยะเช่นเจ้ามันช่างเสียของมากแค่ไหน!”
“เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ?!”
เจียงเชียนชิวประหลาดใจขณะตะโกนใส่อากาศ
แต่คนอื่นคล้ายกับไม่ได้ยินคำพูดในความว่างเปล่า พวกเขาได้ยินเพียงเสียงตะโกนของอีกฝ่าย
คราวนี้หลี่เจียงหนานเรียกเจียงเชียนชิว
เจียงเชียนชิวเล่าทุกสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่อย่างไม่ปิดบัง
หลี่เจียงหนานลอบประหลาดใจหลังจากที่ได้ฟัง แต่ภายในใจยังคงบังเกิดความสงสัย
หากกู่จินเจายังไม่ตายจริง แล้วเหตุใดถึงไม่ปรากฏตัวมาสนทนากับเจียงเชียนชิวซึ่ง ๆ หน้าเล่า?!
ก่อนความคิดของหลี่เจียงหนานจะแจ่มชัด ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างจากอากาศ
มันคือกลิ่นอายวิหคเพลิงซึ่งเป็นของตระกูลกู่!
หมู่เมฆสีดำก่อตัวขึ้น เข้าปกคลุมทั่วท้องนภา ส่วนกลุ่มเมฆสีแดงยังคงกดทับลงมายังปฐพีจนแทบจะกลืนกินแดนมัชฌิมเสียสิ้น
เมื่อสายลมแรงพัดผ่านก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางเมฆาสีแดงประหนึ่งราชัน
สตรีนางนี้ไม่สวมเสื้อผ้า มีเพียงกลุ่มเมฆสีแดงที่ปกปิดร่างกายส่วนใหญ่เอาไว้
ผิวพรรณที่ถูกเปิดเผยให้เห็นสีขาวราวกับหยก ขณะเท้าสัมผัสหมู่เมฆาอย่างแผ่วเบา นางเอนกายพร้อมกับหลุบตา สีหน้าปราศจากอารมณ์ ประหนึ่งจักรพรรดินีแห่งโลกาผู้กำลังดูแคลนมดปลวก!
“กู่จินเจาหรือ?!”
ทุกคนตกตะลึง พวกเขาต่างโพล่งนามนั้นออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดเจน!
กู่จินเจาผู้ตายตกไปแล้วกลับมามีชีวิตงั้นหรือ?!
หรือว่านางจะแกล้งตาย?!
แทบทุกคนล้วนมีความคิดเช่นนี้ แต่พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่ากู่จินเจาจะได้อะไรจากการแกล้งตายเช่นนี้?!
เจียงเชียนชิวกระชับง้าวไว้มั่นขณะที่ฝ่ามือสั่นระริก
เขาก็คิดว่ากู่จินเจาแกล้งตายเช่นกัน!
บัดนี้ เจียงเชียนชิวหวาดกลัวด้วยเกรงว่าทุกสิ่งที่ทำมาเป็นแผนที่ผู้อื่นวางเอาไว้!
เขาไม่ใช่ผู้คุมหมาก แต่เป็นเพียงตัวหมากบนกระดานที่ใช้เปลี่ยนสถานการณ์ก็เท่านั้น!
หลี่เจียงหนานตกอยู่ในห้วงความคิดสักพักก่อนจะสงบสติลง เขาหันมามองเจียงเชียนชิวแล้วเอ่ยว่า “อย่าแตกตื่น บัดนี้เจ้าคือจักรพรรดิแดนมัชฌิมแล้ว นี่คือความจริงที่มิอาจสั่นคลอนได้! เส้นชีพจรจักรพรรดิเป็นของเจ้า หาใช่ของกู่จินเจาไม่!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เจียงเชียนชิวรู้สึกโล่งอกขึ้นมา
หลี่เจียงหนานมองไปที่อากาศพลางส่งยิ้มหยันให้กู่จินเจา “พวกข้าคงไม่ต้องพูดจาสุภาพกันแล้ว กู่จินเจา ในเมื่อไม่ได้มาที่นี่เพราะเจียงเชียนชิว แล้วเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลอันใด?!”