ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 407 ชิงไหวชิงพริบ
บทที่ 407 ชิงไหวชิงพริบ
บทที่ 407 ชิงไหวชิงพริบ
ทั้งสองคนเลือกที่จะบอกอีกฝ่ายโดยใช้วิธีตรงไปตรงมาที่สุด ประหนึ่งหากข้าใช้วิธีนี้แล้วเจ้าจะใช้วิธีไหน
เจตนาของชิวสิงคือบอกลู่หยวนว่าหากมาที่นี่ ข้าจะมอบผลประโยชน์บางส่วนให้ แต่เจ้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง!
ไม่ว่าอย่างไร หากเจ้ามาตระกูลชิวในครั้งนี้ ข้าจะต้องหาทางลงมือได้แน่นอน!
ทั้งสองคนในยามนี้คล้ายกับกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน เบื้องหน้าของพวกเขาคือกระดานหมากรุกที่มีตัวหมากถูกวางเรียงกันอย่างต่อเนื่อง พวกมันถูกเรียงเป็นกองทัพเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย
ใครก็ตามที่เคลื่อนตัวหมากโจมตีก่อน จะเป็นการเปิดฉากเกมกระดานหมากล้อมอย่างเป็นทางการ!
ผ่านไปสักพัก มุมปากของลู่หยวนคลี่ยิ้มพร้อมกับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ เขานำกระบี่อัสนีอำพันคำรนเก็บเข้าฝัก จากนั้นจดจำตำแหน่งที่เหลือทีละแห่ง
หลังจากจดจำเสร็จแล้ว ลู่หยวนจึงเดินตรงไปที่เตียงแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ
กู่อี้เจี้ยนผู้อยู่นอกห้องโถงไม่ทราบว่าลู่หยวนกำลังเผชิญกับอะไร นางจึงยังคงเฝ้าระวังอยู่ด้านข้างโดยที่ไม่ขยับไปไหน
…
ตกกลางคืน
ชิวเซี่ยวเทียนเรียกชิวชิงหลีเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ชิวเซี่ยวเทียนนั่งมองชิงชิวหลีอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาลังเล
ชิวชิงหลีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางปกติ จากนั้นหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นจิบ ไม่มีวี่แววว่าจะปริปากแม้แต่น้อย
ชิวเซี่ยวเทียนเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“ชิงหลี ตระกูลในยามนี้ตกอยู่ในความระส่ำระสาย ท่านบรรพชนจึงเลือกที่จะตรวจสอบเจ้าเพื่อคลายความกังวลให้กับพวกเขา”
“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านบรรพชนเอ่ยปากเองว่าตำแหน่งของลูกจะไม่สั่นคลอน นับจากนี้ไป ทั่วทั้งตระกูลชิวจะเป็นของลูก ลูกไม่ใช่เด็กอีกต่อไป แต่เป็นประมุขน้อยของตระกูลชิว! ลูกควรเปิดใจให้กว้าง อย่าได้โกรธเคืองกับเรื่องพวกนี้”
ชิวชิงหลีพลันแย้มยิ้มออกมา “ท่านพ่อ เหตุใดลูกต้องระบายโทสะด้วยเล่า?”
ชิวเซี่ยวเทียนมองชิวชิงหลีด้วยความประหลาดใจ เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าหลังจากประสบกับเหตุการณ์เหล่านี้ ชิวชิงหลีจะต้องมีท่าทีเย็นชาอย่างเลี่ยงไม่ได้
แน่นอนว่าหากมองผิวเผินก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ภายในส่วนลึกจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนปฐพีแน่นอน!
แต่เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ชิวเซี่ยวเทียนจึงไม่ทราบว่าจะตอบสนองอย่างไร
ท้ายที่สุด ชิวเซี่ยวเทียนจึงได้ข้อสรุปว่าชิวชิงหลีไม่พึงพอใจกับการตรวจสอบของตระกูล
ถึงอย่างไร แม้มีผู้คนไม่มากถูกส่งออกไปจนไม่เกิดอันตรายกับชิวชิงหลี แต่พวกองครักษ์ที่เคยตามติดนางมานานกว่าสิบปีต่างถูกถอดถอนจนสิ้น!
ในฐานะผู้ถูกกระทำ แม้ไม่กล้าเปิดปากพูดออกมา แต่เกรงว่าภายในใจของนางคงมีความแค้นสุมอยู่เป็นแน่!
ชิวชิงหลีคือประมุขน้อยของตระกูลชิวและเป็นผู้กำหนดอนาคตของตระกูล นางจะไม่ขุ่นเคืองเพราะเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?!
ด้วยเหตุนี้ ชิวเซี่ยวเทียนจึงเรียกนางมาเพื่อปรับความเข้าใจ
ทว่าเมื่อได้ฟังคำของชิวชิงหลี ดูเหมือนนางจะไม่ได้โกรธเรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่?
ชิวชิงหลียิ้ม “ท่านพ่อกังวลเกินไปแล้ว ลูกไม่เคยขุ่นเคืองตระกูลเพราะเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ลูกจะเป็นประมุขน้อยของตระกูล แต่ถ้าใครในตระกูลเกิดทำตัวน่าสงสัยขึ้นมาก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ลูกเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
เมื่อเห็นชิวชิงหลีเข้าใจเช่นนี้ ชิวเซี่ยวเทียนก็รู้สึกปลาบปลื้มขึ้นมา
“ชิงหลี ถ้าลูกคิดได้เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”
“จริงสิ ตอนนี้ลู่หยวนมาถึงตระกูลชิวแล้ว ลูกก็ไม่จำเป็นต้องติดตามเขาอีกต่อไป กลับไปฝึกที่ลานบ้านของตัวเองเถอะ”
ชิวชิงหลีหลุบตาเล็กน้อยราวกับมีความหมายลึกล้ำบางอย่าง
มันคือการจองจำนาง…
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ชิวชิงหลีตกปากรับคำ จากนั้นเหลือบมองชิวเซี่ยวเทียนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ลูกได้รับโชคชะตามาบางส่วนตอนอยู่ในแดนมัชฌิม เพราะอย่างนั้นจึงต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้เกิดความเข้าใจ”
ชิวเซี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ลูกไปได้เลย”
ชิวชิงหลีลุกขึ้นยืนแล้วทำความเคารพชิวเซี่ยวเทียน “ท่านพ่อ ลูกขอตัวก่อน”
เมื่อสิ้นคำ นางก็จากไป
ชิวเซี่ยวเทียนรู้สึกวางใจขณะมองร่างของชิวชิงหลีหายไป
ท่านบรรพชนเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ส่วนชิวชิงหลีก็ปล่อยวางเรื่องก่อนหน้านี้จนหมด ซึ่งหมายความว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไป เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งได้อย่างปลอดภัย!
ชิวเซี่ยวเทียนไม่ทราบเลยว่าสิ่งที่เอ่ยกับชิวชิงหลีได้ถึงหูของลู่หยวนเป็นที่เรียบร้อย
ชิวชิงหลีสนทนากับลู่หยวนผ่านยันต์ในร่าง จากนั้นจึงถามว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ลู่หยวนคลี่ยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไร เจ้าฝึกไปเถอะ ข้ายังไม่เสร็จในส่วนของตัวเอง เพราะงั้นคงไม่เจอหน้ากันสักพัก!”
ชิวชิงหลีตอบตกลง ก่อนจะมุ่งหน้าไปลานบ้านซึ่งเดิมเป็นของตัวเองอย่างไม่ลังเล
หากเป็นวิญญาณดวงก่อน เกรงว่าคงไม่มีความเด็ดขาดที่จะยืนอยู่ข้างลู่หยวนเหมือนกับชิวชิงหลีในตอนนี้!
ถึงอย่างไร วิญญาณดวงนั้นก็ยึดครองร่างมาตลอด ซึ่งความเมตตาของชิวเซี่ยวเทียนที่มอบให้กับชิวชิงหลีทำให้มันบังเกิดความยินดีเช่นกัน
วิญญาณดวงนี้ไม่เพียงมีนิสัยเย็นชาเท่านั้น แต่ยังคงหมกมุ่นกับความคิดที่จะกลับชาติมาเกิดเพื่อหวนคืนสู่การเป็นปราชญ์เขตเซียน มันแค่บังเอิญมาลงเอยอยู่ที่นี่ หาได้เป็นญาติสนิทมิตรสหายกับชิวเซี่ยวเทียนไม่!
บัดนี้ความเป็นความตายของนางถูกลู่หยวนควบคุมไว้แล้ว
จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลือกระหว่างตระกูลชิวกับลู่หยวน!
ชิวชิงหลีรู้สึกวางใจ
เมื่อนางมาถึงลานบ้าน เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้ว
ทั่วทั้งจวนตระกูลชิวเงียบสงัด นอกจากยามลาดตระเวนตอนกลางคืนแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก
ในพื้นที่ต้องห้ามซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ชิวสิงนั่งขัดสมาธิบนอากาศขณะเฝ้ามองทั่วทั้งจวนตระกูล
สายตาของเขายังคงสลับมองไปมาระหว่างลู่หยวนกับชิวเสวียน
“สามแสนปี… ก็เพื่อรอให้วันนี้มาถึง…”
ชิวสิงพลันแสดงความรู้สึกออกมา
ทาสอารักขาทั้งหลายซึ่งอยู่ข้างกายตั้งใจฟังโดยไม่เอ่ยอะไร
“พวกเจ้าคิดว่าลู่หยวนจะลงมือเมื่อไหร่?”
ความหมายของชิวสิงก็คือลู่หยวนจะไปสถานที่ซึ่งทำเครื่องหมายเอาไว้เพื่อหาโชคชะตาของเผ่ามารเมื่อไหร่!
ทาสอารักขาผู้หนึ่งตอบทันที “ในความเห็นของข้า ลู่หยวนผู้นี้ทั้งหนุ่ม ใจร้อนและควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ มหาโชคชะตามารออยู่ตรงหน้าแล้ว เขาไม่มีทางนิ่งเฉยแน่นอนขอรับ!”
“พรุ่งนี้ อย่างช้าคือพรุ่งนี้ เขาจะต้องลงมือแน่นอน!”
ทาสอารักอีกคนเห็นด้วย
ชิวสิงส่ายหน้าแล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ไม่ เขาจะหาเรื่องทำให้เสียเวลาด้วยการชักนำปัญหาเข้ามา ทำให้ตระกูลหรือกองกำลังของพวกเราเข้าไปพัวพันกับความยุ่งเหยิงเหล่านี้”
“พวกเจ้ามองไม่ออกหรือว่าเด็กคนนี้ขอให้ตระกูลชิวไปจับสตรีศักดิ์สิทธิ์ของสำนักกระบี่ทันทีที่มาถึง!”
ทาสอารักขาเอ่ยอย่างระมัดระวัง “พวกข้าไม่คิดเช่นนั้น ถึงเขาจะบอกความต้องการมา พวกเราก็แค่ตกปากรับคำไว้ จากนั้นก็เมินไปได้”
“เหอะ…”
รอยยิ้มของชิวสิงหายไป ทำให้ทาสอารักขาทั้งหลายหลั่งเหงื่อเย็นออกมาก่อนจะก้มร่างทีละคน
จากนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“เมินเฉยหรือ? หากทำในสิ่งที่เด็กคนนี้ต้องการไม่ได้ เขาจะต้องหาเรื่องทำให้เสียเวลาหรือไม่ก็ทำให้เกิดหายนะอื่นอีก แทนที่จะปล่อยให้เขาคิดแผนการมากไปกว่านี้ สู้ยอมทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการน่าจะดีกว่า พวกเราจะได้มีเวลาเตรียมความพร้อมไปในตัว!”