ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 424 สุนัขมารสามหัว
บทที่ 424 สุนัขมารสามหัว
บทที่ 424 สุนัขมารสามหัว
เยวี่ยอู๋ฉือไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน แต่มันช่างรู้สึกคุ้นเคยยิ่ง!
นางยังคงโจมตีต่อไปในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ พลังไร้ที่สิ้นสุดพลันระเบิดใส่เงาที่อยู่เบื้องหน้า!
ประกายกระบี่วูบไหวไปมาชั้นแล้วชั้นเล่า
เพียงหนึ่งถ้วยชาผ่านพ้น เงาเหล่านั้นก็ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะหายไปในอากาศ
ตอนนี้ เสียงคุ้นเคยยิ่งก็ดังขึ้นอีก
เสียงดังกล่าวไร้พลังเหมือนก่อนหน้า และฟังดูอ่อนล้าเต็มที
“กระบี่จันทรา เจ้าติดตามข้ามาเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว บัดนี้ เจ้าเป็นอิสระแล้ว”
อารมณ์ที่ยากจะอธิบายพลันพลุ่งพล่านในใจของเยวี่ยอู๋ฉือราวกับค้นพบบางสิ่ง
ในตอนนี้เองที่ร่างของเยวี่ยอู๋ฉือโงนเงนไปมา ก่อนความโกลาหลทั้งหมดตรงหน้าจะหายไป
นางพลันลืมตาแล้วภาพตรงหน้าก็สั่นไหว จากนั้นทุกอย่างจึงค่อยแจ่มชัดขึ้น
กู่อี้เจี้ยนในยามนี้ยืนสัมผัสหน้าผากของเยวี่ยอู๋ฉือ ในขณะที่คลื่นกระแทกซึ่งเปลี่ยนด้วยปราณกระบี่อันผันผวนยังคงกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
“จัดการกับภวังค์และความฝันให้เรียบร้อย เจ้ามีเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จอยู่”
กู่อี้เจี้ยนเพียงเอ่ยเช่นนั้นก่อนจะหันหลังแล้วจากไป
เมื่อเยวี่ยอู๋ฉือได้สติ นางจึงทราบเช่นกันว่าเป็นอีกฝ่ายที่ดึงตนกลับมาจากความฝัน
ทุกสิ่งที่เพิ่งประสบยังคงตกตะกอนอยู่ในใจ กระทั่งเสียงอันคุ้นเคยนั่นยังคงสะท้อนก้องไม่หยุด
เยวี่ยอู๋ฉือรู้สึกมาตลอดว่ามีบางสิ่งที่ลืมเลือนไปเมื่อนานมาแล้ว
“กระบี่… จันทรา…”
ความคิดของเยวี่ยอู๋ฉือฟุ้งซ่านก่อนจะเอ่ยคำดังกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว
ภายในดินแดนลับ
ลู่หยวนก้าวไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายมารรอบกายยังคงเวียนวนอย่างต่อเนื่องราวกับได้รับการชี้นำ พวกมันรวมตัวกันจนเกิดเป็นโซ่สายหนึ่งพันรอบข้อเท้าของเขาไว้
พลังรอบกายลู่หยวนสั่นไหว พลันเริ่มบดทำลายกลิ่นอายมารจนแตกสลายสิ้น
ในไม่ช้า ก็ไม่มีกลิ่นอายมารใดกล้าเข้าใกล้ลู่หยวนในระยะสิบหมี่
ชายหนุ่มเดินตามแผนที่มาจนถึงตำแหน่งของอาวุธแม่ทัพมารชิ้นต่อไปในเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา!
ทันทีที่ก้าวผ่านค่ายกล ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สถานที่แห่งนี้รกร้าง ไม่ว่ามองไปที่ใดก็มีเพียงความอ้างว้าง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเปล่าเปลี่ยว
ก่อนลู่หยวนจะทันได้ค้นหาว่าอาวุธแม่ทัพมารอยู่ที่ใด เขาก็ได้ยินเสียงหอบหายใจจากทางด้านหลัง พลันตามมาด้วยเสียงคำรามแผ่วเบาส่งมาจากลำคอ
ฟู่!
ลู่หยวนหันมาพบกับสุนัขดุร้ายสามหัวที่ดูเหมือนขุนเขาครึ่งลูกกำลังหมอบอยู่ไกลลิบ
สุนัขตัวนี้ปกคลุมด้วยกลิ่นอายมาร มันมีใบหน้าดุร้าย เขี้ยวและกรงเล็บแหลมคม ดวงตาสีแดงเข้มทั้งสามคู่กำลังจับจ้องมาทางเขา
เมื่อเห็นลู่หยวนหันมามอง มันจึงลุกขึ้นพร้อมกับพลังมารไร้ที่สิ้นสุดกระจายออกไปรอบข้าง
ทันใดนั้น!
สุนัขดุร้ายพลันกระโจนเข้าใส่ด้วยความเร็วที่แม้แต่เจิ้งชิงเทียนยังมองไม่เห็น!
เมื่อครู่มันอยู่ไม่ไกลนัก แต่เพียงพริบตาอสูรร้ายก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าลู่หยวน
ตอนนี้กลิ่นอายมารอันไร้ที่สิ้นสุดทะยานออกมา ก่อนจะกลายเป็นตาข่ายจำนวนนับไม่ถ้วน พันธนาการร่างของอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา
หลังจากนั้นสุนัขมารสามหัวก็อ้าปากพ่นลมหายใจเหม็นชื้นออกมา ราวกับพวกมันจะกลืนกินลู่หยวนในพริบตา!
เจิ้งชิงเทียนปรากฏตัวผ่านหอคอยอสูรสวรรค์ จากนั้นนางก็ยื่นมือออกไป แล้วพลังมารรอบกายก็รวมตัวกันเป็นรูปทรงกระบี่ยาวทันที
กระบี่เข้าขวางปากสุนัขดุร้ายสามหัว!
โฮก!
สุนัขดุร้ายสามหัวพุ่งตรงเข้ากัดกระบี่ยาวที่เจิ้งชิงเทียนถือเอาไว้
กลิ่นเหม็นยังคงคละคลุ้งเช่นเดียวกับน้ำลายที่ไหลเยิ้ม
เจิ้งชิงเทียนขมวดคิ้วขณะออกแรงขัดขืนมากขึ้น
ภายในใจของนางตอนนี้รู้สึกหนักอึ้ง
ถึงแม้นางจะติดตามลู่หยวนไปได้เพียงสองแห่ง แต่วิญญาณดวงก่อนหน้ากับสุนัขมารสามหัวในตอนนี้ต่างก็เป็นกองกำลังหลักของเผ่ามารที่ปรากฏในสงครามเมื่อสามแสนปีก่อน!
หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ในตอนนั้น แม้เจิ้งชิงเทียนจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดและถูกผนึกไว้ในหอคอยอสูรสวรรค์ แต่นางก็พอทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก
ราชันมารถึงแก่ความตาย แม่ทัพมารทั้งแปดสูญสลาย กองทัพสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่ตายก็ถูกผนึกเอาไว้
บัดนี้แผ่นดินหยวนหงคือโลกที่กระจ่างใสไร้มลทิน
นอกจากเมล็ดพันธุ์มารอย่างลู่หยวนกับอาวุธมารที่อาจจะเป็นอาวุธยอดเยี่ยมที่สุดในสายตาโลกแล้วก็แทบไม่มีสัตว์ประหลาดอื่นอีก!
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับปรากฏในตระกูลชิวถึงสองแห่งแล้ว!
วิญญาณดวงก่อนยังพอจะอธิบายได้ว่าเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ที่ถูกทิ้งไว้โดยกระบี่คู่
แต่สุนัขมารสามหัวตัวนี้คล้ายกับถูกเลี้ยงโดยมนุษย์!
ถึงอย่างไรสุนัขมารคือสิ่งมีชีวิตที่จำเป็นต้องกินเพื่ออยู่รอด!
ดินแดนลับแห่งนี้คงอยู่เพื่อผนึกอาวุธมารไว้เท่านั้น!
นอกจากอาวุธที่ถูกผนึกเอาไว้แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก!
หากสุนัขมารสามหัวใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็คงตายไปนานแล้ว!
ต้องมีใครบางคนจงใจเลี้ยงมันเอาไว้แน่นอน!
ส่วนเป็นใครนั้น คำตอบก็แน่ชัดอยู่แล้ว
ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลชิว สมาชิกในตระกูลอาจจะไม่ทราบ แต่ชิวสิงจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร?!
เมื่อเจิ้งชิงเทียนคิดถึงตรงนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะเดือดดาลขณะมุมปากเหยียดยิ้มหยัน
อดีตพวกพ้องของนางช่างร้ายกาจนัก!
พวกเขาไม่เพียงทำร้ายนางในตอนนั้น ตอนนี้ยังจะเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้อีก!
การกลายเป็นเทพ
เจิ้งชิงเทียนคิดถึงข่าวลือในตอนนั้นอีกครั้ง หลังจากใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ นางก็จำได้ว่าคนที่แพร่งพรายนั้นเป็นใคร!
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิวสิง!
ในตอนนั้น ชิวสิงติดตามเจิ้งชิงเทียนเพื่อต่อสู้กับเผ่ามาร เขาดูจะค้นพบความลับนี้ในซากปรักหักพังโบราณ
ชิวสิงในตอนนั้นยังคงไม่ประสีประสา ดังนั้นหลังจากทราบข่าว เขาจึงวิ่งกลับมาบอกคนจากวิถีคุณธรรมทันที
แต่ทุกคนในตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไร และต่างคิดแค่จะสังหารสัตว์ประหลาดทั้งหลายอย่างไร
แม้แต่ตัวเจิ้งชิงเทียนก็ไม่ได้สนใจชิวสิงเช่นกัน
หลังจากนั้น ชิวสิงก็ไม่ถูกกล่าวถึงอีก
ทุกคนต่างคิดว่าคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นของชิวสิง แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านมาสามแสนปี เขาจะใช้วิธีบางอย่างเพื่อทำให้ตัวเองรอดชีวิตเพื่อยืนยันข่าวลือที่ตนได้เห็นมากับตา!
ในใจของเจิ้งชิงเทียนเกิดความปั่นป่วนขึ้น สุนัขดุร้ายสามหัวพลันอ้าปากกว้าง และคลื่นพลังมารอันบ้าคลั่งจะปกคลุมรอบกายนางเอาไว้!
ร่างของเจิ้งชิงเทียนถูกพันธนาการชั่วขณะ ทำให้พลังมารที่ไหลเวียนอยู่ในร่างหยุดนิ่ง
สุนัขมารสามหัวฉวยโอกาสกัดอย่างรุนแรง!
เคร้ง!
เมื่อสิ้นเสียง กระบี่ยาวก็แตกสลาย!
มันอ้าปากหมายจะกลืนเจิ้งชิงเทียนเข้าไปทั้งเป็น!
ทันใดนั้น หมัดทรงพลังประหนึ่งสามารถทะลวงสวรรค์ได้ก็ซัดเข้ามา!
การโจมตีนั้นรวดเร็วเสียจนแม้แต่เจิ้งชิงเทียนหรือสุนัขมารสามหัวก็ไม่ทันสังเกตเห็น!