ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 495 จิ้งจอกสวรรค์เผชิญหน้ากับจิ้งจอกโลหิต
บทที่ 495 จิ้งจอกสวรรค์เผชิญหน้ากับจิ้งจอกโลหิต
บทที่ 495 จิ้งจอกสวรรค์เผชิญหน้ากับจิ้งจอกโลหิต
เทียนเม่ยเอ๋อร์ยื่นมือขวา แล้วกระบี่ยาวก็ทะลวงผ่านอากาศก่อนจะกลับมาอยู่ที่มือของนาง
เทียนเม่ยเอ๋อร์หรี่ตาขณะเผชิญหน้ากับเหลิ่งเหยียน
เหลิ่งเหยียนละสายตาจากเทียนเม่ยเอ๋อร์ทันทีที่สบตากัน แม้เขาคาดหวังว่านางจะมาช่วย แต่ตัวเองจะมีหน้าไปขอความช่วยเหลือได้อย่างไรเล่า?!
เทียนเม่ยเอ๋อร์เพียงเหลือบมองเหลิ่งเหยียน จากนั้นจึงจับจ้องไปยังประตูที่ค่อย ๆ เปิดออก
ประตูเรียบง่ายและหนักอึ้งเปิดออก กลิ่นอายสีดำปกคลุมอากาศธาตุขณะกลุ่มสีแดงขนาดเล็กกระจายออกมาจากภายในนั้น
กลุ่มความคิดชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมาจากมันอย่างต่อเนื่อง
“คฤหาสน์จิ้งจอกโลหิตหรือ?”
เทียนเม่ยเอ๋อร์พึมพำด้วยสายตาเคร่งขรึม
นางเพียงเคยได้ยินท่านพ่อเอ่ยถึงคฤหาสน์จิ้งจอกโลหิตแห่งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
วิญญาณชั่วร้ายที่ถูกจองจำอยู่ในนั้นคือตนที่ก่อกวนหุบเขาบูรพาเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
หลังจากถูกกำราบมาหนึ่งหมื่นปี บัดนี้ประตูถูกเปิดออกแล้ว บรรยากาศรอบข้างสั่นไหว กลิ่นอายประหนึ่งขุนเขาขนาดเล็กใหญ่กดทับลงมา!
ดูเหมือนว่าวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ภายในนั้นจะไม่ได้อ่อนแอลงมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!
หากวิญญาณชั่วร้ายเช่นนั้นปรากฏขึ้น เรื่องราวย่อมไม่ง่ายเสียแล้ว!
เทียนเม่ยเอ๋อร์คิ้วขมวดขณะมองประตูที่ค่อยเปิดออก นางทราบว่ามันสายเกินกว่าจะหยุดในตอนนี้!
เพียงหนึ่งอึดใจ นางก็ตัดสินใจได้!
ร่างของเทียนเม่ยเอ๋อร์วูบไหวก่อนจะร่อนลงอยู่ตรงหน้าเหลิ่งเหยียน
สตรีสวมชุดเกราะสีแดงดูสง่างาม บัดนี้นางยืนอยู่หน้าประตูยักษ์ หมอกสีดำยังคงกระจายออกจากทั้งสองด้าน เผยให้เห็นร่างสูงโปร่ง!
กระบี่ยาวของเทียนเม่ยเอ๋อร์เคลื่อนไหวไปมาจนเกิดเสียงดัง มันเป็นการบ่งบอกว่านางกำลังต่อสู้เพียงลำพัง!
ทันทีที่สิ้นคำ ทุกคนก็เข้าใจว่าเทียนเม่ยเอ๋อร์หมายความว่าอย่างไร!
นางอยากยื้อสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเหล่านี้ไว้ด้วยตัวเองเพื่อให้พวกเขามีโอกาสรอด!
แม่ทัพทั้งหลายลุกขึ้นเพื่ออยากเอ่ยบางอย่าง
ดวงตาของเทียนเม่ยเอ๋อร์เบิกกว้างเต็มไปด้วยแรงกดดันในฐานะจิ้งจอกสวรรค์สูงสุด
“พวกเจ้าที่เหลือไปพร้อมกัน! ใครก็ตามที่กล้าขัดคำสั่งข้าจะต้องตาย!”
“นี่คือคำสั่ง สมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์คนใดที่สมคบคิดกับซู่เฟิงจะต้องถูกฆ่า!”
คำพูดของเทียนเม่ยเอ๋อร์ให้ความรู้สึกหนักอึ้งราวกับหินยักษ์จมลงไปในทะเล ทำให้คลื่นขนาดใหญ่นับพันก่อตัวขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า!
“นายท่าน! น้อมรับคำสั่ง!”
โฉวโยวเป็นคนนำคุกเข่าและก้มศีรษะให้กับเทียนเม่ยเอ๋อร์
สมาชิกจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหลายต่างพากันคุกเข่าและตะโกนเสียงดังเช่นกัน
ความเจ็บปวดและความขุ่นเคืองปรากฏอยู่ในสายตาของแต่ละคน
สิ่งที่เจ็บปวดก็คือในฐานะคนของจิ้งจอกสวรรค์ พวกเขาส่วนใหญ่คือองครักษ์ของราชสำนัก แต่ในช่วงวิกฤติเช่นนี้กลับทำได้เพียงยืนอยู่ใต้ปีกของจักรพรรดิเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
สิ่งที่ขุ่นเคืองก็คือวิญญาณจิ้งจอกสวรรค์รอบข้างที่ยังไม่สูญสลายไป กำลังบอกว่าซู่เฟิงได้ก่ออาชญากรรมแบบใดเอาไว้บ้าง!
“ไป!”
โฉวโยวทรุดตัวพร้อมกับร่ำไห้อย่างหนัก จากนั้นจึงวิ่งไปทางเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างเด็ดเดี่ยว
คนที่เหลือทำตามโดยไม่กล้าขัดคำสั่งแม้แต่น้อย
ทุกกลิ่นอายที่ต้องแบกรับคือสิ่งที่เทียนเม่ยเอ๋อร์ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง!
ทันทีที่ผู้คนจากไป ประตูที่เรียบง่ายและหนักอึ้งก็เปิดออก!
กลุ่มหมอกสีดำสูญสลายก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเกลียวแสงสีแดง
เหลิ่งเหยียนนอนลงกับพื้นโดยมีเทียนเม่ยเอ๋อร์อยู่ด้านหน้า เขารู้สึกมีความหวังเล็กน้อยว่านางจะสามารถช่วยชีวิตตนเองได้
ในตอนนี้ เทียนเม่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วและมองไปทางเหลิ่งเหยียน
“ทะ… ท่านจักรพรรดินี”
เหลิ่งเหยียนกลืนน้ำลายขณะตะโกนด้วยเสียงอันแผ่วเบา
ริมฝีปากสีแดงของเทียนเม่ยเอ๋อร์คลี่ออกเล็กน้อย “เจ้าเรียกผู้อื่นว่าท่านจักรพรรดิมากี่คนแล้ว?”
เหลิ่งเหยียนตกตะลึงชั่วขณะหัวใจเต้นระรัว
เทียนเม่ยเอ๋อร์ยังคงเอ่ยต่อ
“เมื่อจิ้งจอกโลหิตออกมา หากมันได้รับเลือดเนื้อก็จะยิ่งเพิ่มเป็นปรปักษ์มากขึ้น”
ประโยคที่ไร้ความหมายนั่นกลับทำให้เหลิ่งเหยียนยิ่งตกตะลึง
จักรพรรดินีเอ่ยเช่นนี้… หมายความว่าอย่างไร?
ก่อนจะทันได้ตอบสนอง เขาก็เห็นแสงสีขาวคมปลาบวูบไหวทางหางตาตามด้วยเสียง
“โผละ” แล้วความเจ็บปวดก็ท่วมท้นบริเวณคอ
หลังจากนั้น เขารู้สึกว่าโลกตรงหน้ากำลังหมุนก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง โดยตนเองมองดูร่างที่ล้มลงในสภาพไร้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง
เทียนเม่ยเอ๋อร์ค่อย ๆ เก็บกระบี่ขณะหลุบตามองอย่างเหยียดหยัน “จิ้งจอกโลหิตไม่กินศพ”
ทันทีที่สิ้นประโยค สติของเหลิ่งเหยียนก็หายไป
“โฮก!”
เสียงคำรามดังลอดออกมาจากภายในประตู แล้วพลังของมันระเบิดออกมาจนสั่นสะเทือนทั่วทั้งดินแดนจิ้งจอกสวรรค์!
สีหน้าของเทียนเม่ยเอ๋อร์มืดมนขณะกุมกระบี่ด้วยมือทั้งสอง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
ในตอนนี้ ฝ่ามือของจิ้งจอกโลหิตยักษ์ก็ออกมาจากประตูขนาดใหญ่!
หมอกอันหนักอึ้งที่ปกคลุมร่างขนาดใหญ่ของมันมีสิ่งที่เหมือนกับดวงอาทิตย์สีแดงโลหิตขณะวูบไหวอยู่ภายใน โดยกลิ่นชั่วร้ายทรงพลังยังคงแผ่ซ่านออกมาจนเทียบเท่ากับเทียนเม่ยเอ๋อร์
แรงกดดันดังกล่าวกดทับเทียนเม่ยเอ๋อร์ต่อต้านพลังส่วนใหญ่ที่นางเพิ่งสร้างขึ้นแทบจะในทันที!
แรงกดดันที่มาจากจิ้งจอกโลหิตโหดเหี้ยมเกินไป แล้วความแข็งแกร่งของกลิ่นอายที่เปิดเผยออกมาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าของเทียนเม่ยเอ๋อร์ถึงสิบเท่า!
แค่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้เทียนเม่ยเอ๋อร์สรุปได้ว่าหากยังฝืนสู้ต่อในวันนี้ นางอาจจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตก็ได้!
แล้วใบหน้าของลู่หยวนก็ปรากฏขึ้นในใจ
นางทราบดีว่าเพียงแค่ขอร้องให้อีกฝ่ายมาช่วย ตนเองก็จะรอดชีวิตอย่างแน่นอน!
แต่อึดใจต่อมา เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ส่ายหน้า
ลู่หยวนปกป้องนางมามากแล้วไม่ใช่หรือ?!
นางติดตามลู่หยวนมานาน ระหว่างทางก็ทราบดีว่าผู้ที่สามารถติดตามเขาได้จะต้องทรงพลังไร้ใครเทียบ!
พอมาคิดดูแล้ว ลู่หยวนใช้เวลาเพียงปีเดียวจากขั้นจักรพรรดิยุทธ์เป็นขั้นจ้าวยุทธ์ครึ่งก้าว
แต่แล้วนางในตอนนี้เล่า?
เมื่อเทียบกับลู่หยวนแล้ว นางก็แค่ขยะคนหนึ่ง!
หากยังยืนกรานที่จะพึ่งการปกป้องของลู่หยวน ผลลัพธ์มันก็ยิ่งชัดเจน แม้เขาจะช่วยปกป้องเอาไว้ได้ แต่นางก็จะยิ่งเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ยากขึ้น!
ส่วนคนรอบข้างลู่หยวน ใครเล่าไม่แข็งแกร่งบ้าง?
เสวียนเทียนชวนสามารถกำหนดเจตจำนงแห่งทวยเทพเพื่อวางกลยุทธ์ได้ ฉินอี่หานสามารถตัดสินใจเรื่องราวทั้งหลายได้เทียบเท่ากับจักรพรรดิ ไป๋ชิวเอ๋อร์เก่งเรื่องการรวบรวมข้อมูลและใช้กำลังคน ทุกสิ่งที่นางทำทั้งโหดเหี้ยมและเด็ดขาด!
ฮ่วนซิงไป๋มีคุณสมบัติเทียบเท่าทวยเทพที่ถูกเนรเทศ พละกำลังของเขายังคงเพิ่มขึ้น ส่วนกู่อี้เจี้ยนกับกู่จินเจาล้วนมีสายเลือดของจักรพรรดิ ดังนั้นเรื่องการฝึกยุทธ์ของพวกเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
แม้แต่กู้ชิงหรันที่เพิ่งมาได้ไม่นานก็หมั้นหมายกับลู่หยวน นางสามารถกำราบทุกคนตรงหน้าได้ยามบังเกิดโทสะ! แม้กระทั่งจักรพรรดิหู่เซียวก็ยังต้องยอมจำนน!
สีหน้าของเทียนเม่ยเอ๋อร์มืดมนขณะความคิดนับไม่ถ้วนวูบไหวในใจ
เพียงหนึ่งอึดใจ ความคิดทั้งหลายเกี่ยวกับลู่หยวนก็จางหายไป!
เมื่อเทียนเม่ยเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จิตสังหารของนางก็ยิ่งไร้ขอบเขต!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ก้าวข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อทำการสังหาร หากนางไม่มีพละกำลังที่จะตัดขาของจิ้งจอกโลหิตได้ ตนเองยังควรค่าที่จะยืนอยู่ข้างกายเขางั้นหรือ?!
“โฮก!”
จิ้งจอกโลหิตคำรามอีกครั้ง แล้วทั่วร่างของมันก็ปรากฏ!
มันเต็มไปด้วยโลหิตและวิญญาณชั่วร้าย!
“จิ้งจอกสวรรค์! อำนาจจักรพรรดิ!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์คำรามอย่างคลุ้มคลั่ง แล้วอำนาจจักรพรรดิก็กระจายออกจากร่างขณะด้านหลังนางปรากฏร่างมายาของจิ้งจอกสวรรค์ มันเงยหน้าขึ้นแล้วแผดเสียงคำรามก่อนจะเผชิญหน้ากับจิ้งจอกโลหิต!
————————————-