ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 104
ตอนที่ 104 ศัลยกรรม?
เมื่อยามเย็นย่ำสนธยามาถึง พระอาทิตย์ที่สง่างามยามกลางวันได้ร่วงหล่นทําให้ท้องนภากลายเป็นสีแดงสดราวกับทะเลเลือดที่น่าขนลุกกระจายไปทั่วชั้นบรรยากาศ คล้ายกับว่าโลกใบนี้กําลังจะกลายเป็นขุมนรก
ณ บัดนี้ทางแผนกศัลยกรรมได้ส่งรายงานการผ่าตัดทั้งหมดทุกกลุ่มเสร็จสิ้น และสรุปผลงานทั้งหมดโดยมีอัตราความสําเร็จเฉลี่ยอยู่ที่ 82% ของผู้ป่วยทั้งหมด 624 คน โดยผู้ป่วยกลุ่ม นี้ทั้งหมดเป็นโรคมนุษย์ต้นไทรขั้นสองทั้งนั้น
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทั้งหลายที่ต่อสู้ในแนวหน้าตลอดสามวันที่ผ่านมา ทุกคนก็ ถูกไล่ให้พักผ่อนทันที ทําให้กู้จวิน หวังรั่วเซียงและนักศึกษาฝึกงานคนอื่น ๆ ได้รับคําสั่งให้กลับไปที่หอพักและพักผ่อนให้เต็มที่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องกลับอย่างที่ไม่มีทางเลี่ยง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาก้าวออกจากตึกศัลยกรรมภายในรอบสามวัน ทุกคนล้วนมีใบหน้าเหนื่อยล้า แต่เมื่อเทียบกับการฝึกฝนหลายปีของการเรียนแพทย์ ประสบการณ์ที่ได้ของพวกเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทําให้พวกเขามีฝีมือดีขึ้นมากอย่างน่าตกใจ
และทันทีที่กลับถึงหอพักใช่ฉีซวนที่สวมวิญญาณความเป็น ‘แม่’ ก็ได้ต้มโจ๊กหนึ่ง หม้อใหญ่และที่มีกลิ่นหอมไปทั่วหอพัก ในหม้อโจ๊กมีทั้งหมูสับและผักเขียวชอุ่ม ในขณะที่เคี้ยวและกลืนกินพวกเขาก็รู้สึกสบายปากและท้องอย่างบอกไม่ถูก
และหลังจากที่กินโจ๊กจนหมด เหล่าคนที่เหนื่อยล้าเหล่านี้ก็แยกกันกลับห้องใครห้องมัน ทุกคนรีบกลับไปพักผ่อนโดยไม่พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้แม้สักนิด
ส่วนกู้จวินพอกินเสร็จเขาก็เข้าไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของเขาเอง จากนั้นก็กระโดดนอนลงบนเตียงอย่างง่ายๆ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง แต่ตอนนี้เขาต้องนอนก่อน…ไม่อย่างนั้นคงไม่ไหว
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาหลับตาภาพ ภาพมากมายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาราวกับภาพแห่งฝันร้าย
การตายของหญิงชรา การตายของเด็กชายตัวน้อย แขนที่บิดเบี้ยวและผิดรูป เส้นเลือดที่คดเคี้ยวอย่างกะทันหัน ผิวหนังมีสารสีดําไหลอยู่ข้างใต้…และอื่นๆอีกมากมาย
“ เฮ่อออ…. อีกกกก…” กู้จวินลืมตาขึ้นและมองไปที่เพดานสีขาวบริสุทธิ์ของห้องนอนอย่างเงียบงัน จากนั้นเขาก็คิดแบบปลงตก… ‘ความว่างเปล่าเป็นความงามที่ไม่จีรังเสียจริงๆ’ จะขอพักสักนิดหนึ่งก็กวนใจอยู่ได้
“ อย่าบอกนะว่าหลังจากเขาเข้ามาอยู่ในแผนกเฟคต้าได้แค่ไม่นาน และตอนนี้ฉันกลายเป็นบ้าไปแล้ว” กู้จวินบ่นพึมพํากับตัวเองแล้วถอนหายใจคล้ายตาแก่ปลงโลกเข้าไปในทุกๆที่
อัตราการพัฒนาฝีมือของเขาที่นี่เร็วกว่าการเรียนในโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาล ทั่วไปหลายเท่านัก มันเป็นความท้าทายที่น่าทดลองจริงๆ มันเป็น ‘เกมส์’ ที่น่าสนใจและแตกต่างจากที่เขาเคยเล่นอย่างสิ้นเชิง
เขารู้สึกตัวเหมือนว่าตนเองได้ผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตมาพอสมควร แม้ว่าเขาจะคิดว่าชีวิตของเขามีเรื่องขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่บ้าง ผาดโผนก็พอควร แต่ตอนนี้เขาก็มุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่เขายังไม่สามารถควบคุมอิทธิพลที่มีต่อหัวใจของเขาได้อีกทั้งมันยังทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใต้สํานึกโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย! แต่ตัวเขาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แต่แน่นอนว่าความรู้สึกนี้ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างใต้จิตสํานึกของเขาแน่นอน
ตอนนี้เขาเข้าใจสิ่งที่พี่ชายเฉียงพูดมากขึ้น “ ยิ่งผู้คนเพิ่มความรู้ความเข้าใจภายในมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทําให้หัวใจของพวกเขาหนักขึ้นเท่านั้น” และตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นเลย…เขาหนักใจจริงๆ
หลังจากมองไปที่เพดานนานพอสมควร กู้จวินก็รวบรวมพลังของเขาเพื่อจัดการงาน ที่เกี่ยวข้องกับระบบไปให้จบๆซะจะได้ไม่กังวลแล้วนอนเสียที
การดําเนินการผ่าตัด 20 ครั้งในสามวัน มีความสําเร็จและความล้มเหลวมากมายและความเชี่ยวชาญของมือแห่งความชํานาญก็บรรลุระดับที่สองที่คะแนน 20,000 / 30000
ความสามารถขของมือนี้เพิ่มขึ้นรวม 13,000 คะแนนและผลงานการผ่าตัดของเขาก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามความสามารถที่แปลกประหลาดและท้าทายพระเจ้าแบบนี้ มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนแรก แต่กลายเป็นความท้าทายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ที่จะก้าวหน้าในช่วงหลัง…มัน ราวกับลูกอมที่เปลือกนอกหวานแต่ด้านในเปรี้ยว…แต่เมื่อปมแล้วก็คายไม่ได้ จําต้องกินต่อไปแบบนั้น
ในขณะนี้เขายังขาดความสามารถของมืออีก 10,000 คะแนนในการบรรลุระดับที่สาม แต่ในตอนนี้เขาเชื่อว่าเขาทําได้!! ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันเขาเชื่อว่าคงอีกไม่นาน
เมื่อได้เห็นคะแนนการพัฒนาของมือแห่งชํานาญแล้ว กู้จวินก็เปิดรายการงานผลศัลยกรรมและบิดมันอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์การผ่าตัดที่มีค่า แต่เขาไม่อยากมองย้อนกลับไปในตอนนี้ แค่ภาพฝันร้ายในหัวมันก็มากเกินพออยู่แล้ว!
เขาเปิดบันทึกภารกิจอีกครั้ง! ในสามวันนี้เขาได้ทําแค่ภารกิจปกติ และมันก็สําเร็จแต่เขายังไม่ได้กดรับรางวัล
ในขณะนั้นกู้จวินดึงผ้านวมขึ้นมาและคลุมตัวเองอย่างมิดชิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขากดยอมรับกล่อง “ยาต้านการอักเสบของมนุษย์” ซึ่งคล้ายกับยาเฉพาะที่สําหรับเนื้องอก ที่ก้านสมอง แต่เท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันบรรจุภัณฑ์ยังคงทําจากวัสดุเดิม แต่ เป็นแบบแพ็ค 10 เม็ดแทน ไม่มีคู่มือการใช้งานและเขาไม่สามารถเข้าใจภาษาต่างโลกที่ เขียนบนนั้นอยู่ดี เขาวางกล่องยาลงในกระเป๋าก่อนแล้วเปลี่ยนมาดูอย่างอื่นต่อจิตใจของเขาแวะไปที่ภารกิจลับ”
[รางวัลภารกิจกําลังรอรวบรวม: รูปถ่ายเบลอๆ และทรุดโทรม 1 ใบคลิกเพื่อรับรางวัลของคุณ!]
กู้จวินพยักหน้าในความคิดของเขาเอง และทันใดนั้นก็มีการหลอมรวมกันของแสงและเงาที่รุนแรง ความวุ่นวายโกลาหลซึ่งมาจากพื้นที่ที่ไม่รู้จักบางส่วนทําให้จิตใจของเขาท่วมท้นไปด้วยความกดดันที่แน่นหนา แม้ว่าเขาจะเตรียมพร้อมทางจิตใจมาแล้ว แต่ความรุนแรงระดับนี้ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะกดมือทั้งสองข้างเข้ากับศีรษะที่ปวดและรู้สึกเหมือนกําลังจะ แยกออกจากกัน เขาได้แต่คร่ำครวญอย่างขมขึ้นด้วยความเจ็บปวด
ณ เหนือทะเลแห่งความรู้ของเขา แสงและเงาค่อยๆรวมตัวกันและกลายเป็นวัตถุคล้ายรูปภาพ
“ อ๊ะ…” กู้จวินทนความเจ็บปวดพักใหญ่กว่ามันจะดีขึ้น และเบื้องหน้าที่ปรากฏก็คือ ‘รางวัล’ ที่ใช้พลังงานจิตส่วนใหญ่ในร่างสังเวยเพื่อแลกมันมาอย่างยากลําบาก กู้จวินหวังว่ามันดีกว่าที่เขาหวังไว้!
เขาไม่ได้แตะมันแม้แต่นิดและดูมันอยู่ห่างๆ แต่เขาสามารถบอกได้จากระยะไกลว่ามันเป็นภาพถ่ายขาวดํา ด้านหลังของภาพถ่ายเป็นสีเหลืองกรอบบอกถึงอายุของมันที่น่าจะค่อนข้างนานพอตัว บนภาพนั้นมีจุดด่างดํา ภาพเบลอ และมีรอยหยักบริเวณที่ขอบ ดูเหมือนว่าภาพถ่ายนี้มาจากยุคโบราณ ในภาพมีคนหลายสิบคนเรียงแถวสี่หรือห้าแถว บ้างก็นั่ง บ้างก็ยืนและทุกคนหันหน้า เข้าหากล้องเป็นแถว นี่คือภาพหมู่!
เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมดูเหมือนชุดคลุมยาวๆ คล้ายเสื้อผ้าในยุคก่อนสาธารณะรัฐจีน และดูคล้ายกับภาพคนในนิมิตที่กําลังสังเวยคนให้ต้นไทร
นี่คือภาพหมู่ของคนในองค์กรนั้นใช่ไหม? ถ่ายเมื่อไหร่? คนเหล่านี้คือใคร?
กู้จวินมองไปที่ใบหน้าที่เบลอๆ ของคนหลายสิบคน และรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่กําลังคืบคลานเข้ามาหาตัวของเขาอย่างเงียบงัน กู้จวินกําลังคิดว่าในภาพนี้จะมีรูปพ่อและแม่ของเขาอยู่ในรูปถ่ายกลุ่มหรือไม่?
พอดูคนเสร็จเขาก็ให้ความสําคัญกับพื้นหลังในภาพมากกว่า ดูเหมือนว่าสถานที่ที่ถ่ายรูปจะอยู่ตรงหน้าต้นไม้ยักษ์บนชายฝั่ง ผิวน้ำทะเลที่อยู่ไกลๆนั้นดูเหมือนจะมืดมาก และต้นไม้ที่เป็นฉากหลังก็คดเคี้ยวและบิดเบี้ยวพันกัน กิ่งก้านของมันนั้นมีขนาดที่แตกต่างกันแต่ท้ายที่สุดพวกมันล้วนแต่บิดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่ามันคือต้นไทรอีกต้นหนึ่ง!
กู้จวินหยุดชั่วขณะ แต่เขาก็ยังคงคลิกที่รูปถ่ายด้วยความตั้งใจ ภาพสีขาวดําตรงหน้า ถูกเปิดและขยายมากขึ้นเข้าไปอีก…
กู้จวินมองไปที่มัน และราวกับว่าสายฟ้าได้ฟาดลงมาที่หัวใจของเขาอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
คนหลายสิบคนในรูปถ่ายไม่ว่าจะสูงหรือเตี้ย มีกล้ามหรือผอม คนแก่หรือเด็ก ทุกคนมีใบหน้าเหมือนกัน นั่นก็คือใบหน้าของชายชราที่แก่หงักและดูเหี่ยวเฉา
แม้ว่ารูปหน้าของพวกเขาจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง พวกเขาทั้งหมดมีลักษณะใบหน้าที่เหมือนกัน ใบหน้าดูขาดน้ำและไร้ความชุ่มชื่น แก้มของพวกเขาจมลึกลงไปเป็นร่องและบางคนก็ดูผอมจนดูเหมือนว่าใบหน้าของพวกเขากําลังจะจมลงไปในเบ้าตาเช่นเดียวกับกระโหลก พวกเขาทุกคนมีใบหน้าที่เหมือนกันหมด!
“…” กู้จวินมองภาพๆ นี้ด้วยความเงียบงั้นและเต็มไปด้วยความคิด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้เกินสมมติฐานก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ทําไมล่ะ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง? นี่คือภาพถ่ายที่ดัดแปลงทางเทคนิคจากคอมพิวเตอร์ใช่ไหม? แต่ก้นบึงของหัวใจของกู้จวินกลับบอกว่ามันไม่ใช่รูปแต่งทางเทคนิคแน่นอน ทั้งหมดคือของจริง!
หรือว่ามันจะเป็นหน้ากาก? แต่นั่นก็ดูเป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่จะเป็นหน้ากากด้วยซ้ำหรือว่าจะเป็นศัลยกรรม? ความคิดที่บ้าคลั่งอีกอย่างผุดขึ้นในใจของเขา
“ คนเหล่านี้ได้รับการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าเพื่อให้ตัวเองมีลักษณะเช่นนี้หรือไม่นะ? แต่ศัลยกรรมเพื่อให้ตัวเองหน้าแก่เนี่ยนะ?” กู้จวินครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นเขาถอนหายใจแต่กลับไม่โล่งอกอย่างที่เคยเป็นภาพนี้ทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างแท้จริง