ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 112
ตอนที่ 112 เรย์บันด์และแลนดอน
“ แลนดอนและฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ว่าแลนดอกจะเป็นคนที่เก่งกาจ และรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ แต่เขาก็ถ่อมตัวและมีอารมณ์ขันอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้คนกล่าวว่าแลนดอนคนนี้เกิดมาเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ วิธีคิดและความสามารถของเขามันสูงล้ําจนเกินกว่าจะเป็น “ทูต” ของเทพธิดาได้ และบางทีเขาอาจจะนําการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่โลกดันยา”
“หลังจากสําเร็จการศึกษาที่สถาบัน ฉันก็กลับไปบ้านเกิดของฉันหรือก็คือเมืองซาร์ในขณะที่แลนดอนยังพักอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันคาร์ลอต ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเวลาที่เขามาอําลาฉัน จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกันแล้ว ”
“เมื่อเช้านี้ฉันได้รับข่าวลับจากพรรคพวกที่เคยร่ําเรียนด้วยกันว่า “บุตรแห่งเหล็กกล้า” เฟรด แลนดอน ฆ่าตัวตายแล้ว! เขาใช้มีดผ่าตัดเชือดคอตัวเอง และประชาชนของประเทศยังคงไม่ทราบข่าวนี้ หากข่าวนี้รั่วไหลออกไปล่ะก็ มันจะเป็นการระเบิดครั้งใหญ่สําหรับพวกเขา”
“แลนดอนทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ให้เหล่าคนข้างหลังอ่าน ตามข่าวลือมันไม่ได้มีอะไรมากมาย มันเป็นเพียงการเขียนความคิดของเขา และข้อมูลที่เขารวบรวมมาจากซากปรักหักพังที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่ชื่อริเกอร์ เกี่ยวกับเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของเขา ฉันเองก็ไม่ได้รับแจ้ง ฉันเดาว่าเป็นเพราะเขาไม่สามารถทนทุกข์ทรมานกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นและการแพร่กระจายของโรคระบาดที่ผู้คนไอเป็นเลือดได้อีกต่อไป ถ้าบุตรแห่งเหล็กกล้าหมดศรัทธาแล้ว ต่อไปฉันจะทําอย่างไร?ท้ายที่สุดฉันก็หนีออกมาให้ไกลจากที่นั่น…”
“เฮ้อ!!” หลังจากจบหน้าแรกของบันทึกกู้จวินก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกจากห้องนอนไปหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็นมาดื่มกิน
บันทึกที่เขาได้จากระบบแผ่นนี้แตกต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง แต่ในฐานะนักศึกษาแพทย์ เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างมากภายใต้ลายมือที่ดูมั่นคงของชายที่ชื่อ [เรย์บันดี้ เพตร้า] ชายคนนี้คงมาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องโรคประหลาดและสัตว์ประหลาดพวกนั้น แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถหาเนื้อหาการวินิจฉัยที่มีค่าใดๆได้เขาจึงเขียนระบายอารมณ์ลงไปแทน
กู้จวินจิบเครื่องดื่มพร้อมกับมองท้องฟ้าออกจากนอกระเบียง เขาเห็นดวงอาทิตย์ตกเป็นสีแดงเหมือนเลือด
[สีแดงเหมือนเลือด] คํานี้จะว่าไปก็คล้ายกับคําในภาษาต่างโลกเลย ดูเหมือนว่าคํานี้อาจจะมาจากโลกอื่นหรืออารยธรรมอื่น หลังจากดูท้องฟ้าผ่อนคลายหัวใจ เขาก็จิบน้ําและหันไปที่หน้าถัดไปของบันทึก
“ ปีแห่งกุหลาบที่ 8 เดือนพฤศจิกายน [เรย์บันดี้ เพตตร้า]
“ในเวลาเพียงสิบวัน เมืองซาร์ก็ต้องยอมจํานนต่อโรคนี้ บ้านเกิดของฉันเมืองซาร์ เพราะมีอะไรบางอย่างที่ดูดีและมีเอกลักษณ์จึงได้รับการขนานนามเป็นพิเศษว่าเมืองแห่งดอกไม้ ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวง แต่ก็ไม่หนาวเท่าเมืองอื่นเช่นกัน ผู้คนในเมืองซาร์ใช้ทุกโอกาสที่พวกเขาสามารถคว้าได้เพื่อทําความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ดังนั้นในท้ายที่สุด ทุกคนในเมืองนี้ก็เป็นเพื่อนกันและกัน”
“ ในช่วงฤดูดอกไม้บานของทุกปี ผู้คนต่างพากันเก็บดอกไม้สดในสวนเพื่อมอบให้แก่กัน แม้แต่ขอทานจรจัดที่ซอมซ่อที่สุดบนถนนก็ยังถูกล้อมรอบไปด้วยช่อดอกไม้ในช่วงฤดูดอกไม้บาน และดอกไม้ที่บานก็มีสารพัดชนิด เช่น ดอกไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ดอกไม้สีทอง ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกลิลลี่และ ดอกจันทร์ ..
“แน่นอนว่าในปีแห่งดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบสีสดใสจะบานสะพรั่งอย่างสวยงามในทุกมุมของเมืองซาร์ และบรรดาชาวบ้านเมืองก็เอาดอกไม้มาประดับเส้นผมของตนเองด้วย ครั้งหนึ่ง ฉันเคยมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมนี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองซาร์แบบนี้ แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันมีต่อมันคือความเกลียดชัง!! ความสุขอันบริสุทธิ์ในอดีตได้กลายเป็นความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในสิบวันที่ผ่านมา”
“ คนแรกที่ตายคือ ลุงจอห์นสัน เขามีร้านขายรองเท้าอยู่ที่ “ถนนดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วง” เมื่อใดก็ตามที่ฉันเดินผ่านไป เขาจะถามฉันเกี่ยวกับชีวิตของฉันและการเติบโตของฉันด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่นและแนะนํารองเท้าใหม่ที่เพิ่งมาถึงร้านของเขาให้ฉันฟัง แต่จากนั้นลุงก็ตาย มิหนําซ้ํา! ลุงจอห์นสันไม่เคยไปสถานที่ใดๆที่มีการบันทึกการระบาดมาก่อน ในความเป็นจริงเขาไม่เคยออกจากเมืองซาร์เลยในชีวิตของเขา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ติดเชื้อ
“นี่คือจุดเริ่มต้นของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของโรคระบาดที่ไอเป็นเลือด เริ่มจากอาการบวมน้ําในปอด ซึ่งทําให้การทํางานของปอดอ่อนแอลง (เนื้อหาขาดหายไป) ยุบ… การเก็บเลือดในช่องปาก…สุดท้ายเลือดจะรั่วออกจากผิวหนังบริเวณหน้าอก และนั่นคือจุดสิ้นสุดของชีวิตของเหยื่อ”
“โอ้! หมอผู้ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์จากคาร์ลอต!”
“เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าไอเป็นเลือดนี้เป็นไวรัสหรือโรคพยาธิ เราไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับวิธีการแพร่เชื้อของมัน ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศหรือผ่านการกลืนกินมัน เราทําอะไรไม่ถูก”
“ ไม่กี่วันที่ผ่านมา “มิลา” เสียชีวิต “คาร์เตอร์” เสียชีวิต “ออสติน” ตาย “โทนี่ “เสียชีวิต”.. เพื่อนๆทุกคนที่ฉันรู้จักจากไปทีละคน ดอกกุหลาบทั้งหมดในเมืองเหี่ยวเฉาอย่างน่าหวาดผวา แต่เมืองนี้ยังคงสดใสเพราะมันถูกทาสีแดงด้วยเลือดของเหยื่อ”
6 จากนั้นก็เป็นพ่อแม่ของฉัน…พวกเขาเสียชีวิตในความดูแลของฉัน ตอนนี้ฉันเป็นห่วงลินดามาก วันนี้เธอมีอาการไอ ได้โปรด! ไม่ใช่! เธอไม่ …
“ เทพธิดาแห่งชีวิต ถ้าคุณอยู่ที่นั่นจริงๆฉันขอร้องล่ะ…”
“ ฟิ้ว” กู้จวินอ่านตีความหน้าที่สองเสร็จ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหนักอึ้งแต่เขาก็ยังต้องข่มความในใจจนขมวดคิ้วเพื่อพลิกไปยังหน้าที่สาม
ซึ่งหน้าบันทึกนี้เป็นปีกล้วยไม้ เดือนกุมภาพันธ์
หากลองสมมติฐานเล่นๆ ปีกล้วยไม้นั้นถัดจากปีกุหลาบ และหนึ่งที่ประกอบด้วย สิบสองเดือน จากนั้นหนึ่งปีผ่านไปก็จะเปลี่ยนชื่อปีใช่ไหม?
“ ปีกล้วยไม้ 5 กุมภาพันธ์ [เรย์บันดี เพตตร้า]
“ เป็นเวลาสามเดือนแล้วที่ลินดาเสียชีวิตจากอาการไอเป็นเลือด ฉันไม่อยากจะเขียนเรื่องนี้เท่าไหร่นัก…ฉันรู้จักลินดาในวัยเยาว์ของเรา เธอนับว่าเป็นเพื่อนในวัยเด็ก เธอไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีภูมิหลังที่ดีเท่าไหร่ เธอเป็นลูกสาวของช่างตีเหล็ก เมื่อฉันพบเธอครั้งแรกที่ถนนกุหลาบ ฉันคุกเข่าต่อหน้าเสน่ห์ของเธอ ฉันตกหลุมรักเธออย่างสุดซึ้งตั้งแต่แรกพบ เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาวธรรมดาหากแต่เธอสวยงามราวกับเป็นนางไม้ รอยยิ้มของเธอบริสุทธิ์และจริงใจอย่างมาก ต่อมา ฉันพบว่าเธอเป็นพี่สาวคนโตของเด็กๆทุกคนในชุมชนถนนกุหลาบ เธอใช้เวลาว่างๆของเธอดูแลเด็กๆทั้งวันเพื่อให้พ่อแม่ได้ไปทํางานของพวกเขา และนี่คือบุคลิกที่มีเสน่ห์ที่ดึงฉันไปหาเธอ เมื่อฉันพบเธอครั้งแรก ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย แต่ฉันตัดสินใจว่าจะเอาเธอมาเป็นภรรยาของฉัน”
“การตามจีบลินดาของฉันประสบความสําเร็จมาก แม้ว่าฉันจะไม่เก่งกาจเท่าแลนดอน แต่ก็มีจุดดีจุดเด่นที่ลินดาชื่นชมฉัน ในช่วงสองสามปีที่ฉันเรียนที่สถาบันคาร์ลอต เรายังคงติดต่อสื่อสารกันผ่านตัวอักษรในจดหมาย ฉันรู้ว่าเธอมีความกังวลว่าฉันจะเลือกอยู่ที่เมืองหลวงหลังจากสําเร็จการศึกษา แต่เธอไม่เคยแสดงออกเพราะเธอกลัวว่ามันอาจฉุดรั้งฉันไว้ไม่ให้ก้าวไปสู่อนาคตที่สดใสกว่านี้”
“แต่ความจริงก็คือหัวใจของฉันไม่เคยจากเมืองซาร์ และไม่เคยทิ้งเธอไปไหน จากนี้ และตลอดไป”
“ หลังจากอาการแรกของโรคของลินดาปรากฏขึ้น การลุกลามของโรคก็รวดเร็ว เธอเสียชีวิตในวันที่ห้า ด้วยฝีมือการแพทย์ของฉัน ฉันไม่สามารถทําให้เธออยู่ได้นานกว่านี้สักสองสามวันด้วยซ้ํา! หลังจากลินดาเสียชีวิต ความหวังทั้งหมดของฉันก็พังทลายด้วยเช่นกัน โลกจะจบลงอย่างไรก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสําหรับฉันอีกต่อไป ความสิ้นหวังของฉันแตกต่างจากแลนดอน ฉันอ่านจดหมายลาตายของเขาแล้ว เขามีวิถีการแสวงหาความรู้ที่น่าชื่นชมมากและมีเหตุผลที่น่าชื่นชม ยิ่งกว่าที่อยู่เบื้องหลังการ “ฆ่าตัวตาย” ของเขา แต่ฉันเป็นเพียงมนุษย์! พ่อแม่ ปู่ของฉัน ป้า เพื่อน คนรักของฉัน ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ บางทีฉันอาจจะยังทนอยู่ในโลกนี้ได้ แต่พวกเขาก็จากไปหมดแล้ว แล้วฉันยังจะอยู่ไปทําอะไรอีก”
“ การตายของลินดาทําให้ฉันเข้าใจอะไรบางอย่าง โลกนี้ไม่มีพระเจ้า! แม้ว่าจะมี แต่มันก็ถูกโจมตีโดยปีศาจจนตายไปแล้ว! เพราะพระเจ้าจะไม่มีวันปล่อยให้คนอย่างลินดาตายด้วยท่าทางที่น่าอับอายเช่นนี้! สิ่งสุดท้ายที่เธอบอกฉันคือ “เรย์บันดี้ ฉันขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ได้จนถึงงานแต่งงานของเรา เราวางแผนที่จะผูกผมแต่งงานในเดือนธันวาคมของปีกุหลาบนี้เอง”
“ความตายคือการกลับสู่อ้อมกอดของเทพธิดา ซึ่งเป็นวาสนาของชีวิต? ฉันไม่เชื่อในสิ่งนั้นเลย โลกนี้กําลังกลายเป็นซากปรักหักพังที่แตกสลาย แต่จะมีอะไรให้เศร้าหรือหวาดกลัวอีก?”
“ ความเศร้าและความกลัวทั้งหมดของฉันสลายไปพร้อมกับการจากไปของลินดา ฉันไม่กลัวการล่มสลายของโลกนี้ ฉันกลัวว่าลินดาอาจถูกรังแกในนรกอเวจีหรือจะเกิดอะไรขึ้นหากมีสิ่งที่เลวร้ายกว่าหลังความตาย? ฉันยังเป็นห่วงครอบครัวและเพื่อนๆ ทุกคนกระดูกของพวกเขาละลายกลายเป็นฝุ่นแล้ว และหัวใจของพวกเขาจะไม่เต้นอีกตลอดไป แต่กระดูกของพวกเขาจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งโรค….เพราะโรคมันไม่ใช่เชื้อไวรัส แต่เป็นความตายของคน”
“ พ่อ แม่ แลนดอน ลินดา โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดรอฉันด้วย”
“ เพราะฉัน [เรย์บันดี้ เพตตร้า] จะตายไปกับพวกเธอเอง”