ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 117
ตอนที่ 117 พบกันอีกครั้ง
เมื่อสิ้นสุดคําพูดที่น่าสะพรึงกลัวชนให้หวาดผวานี้แล้ว…ความเงียบก็เข้ามาปกคลุม ไปทั่วทั้งห้องการคุกคามของสิ่งที่น่ากลัวในจินตนาการที่เป็นอันตรายเต็มไปทั่วในอากาศ
เกิดอะไรขึ้น!? พวกเขาเป็นอะไรตาย!?
ตายยังไงกันแน่!?
ใครเป็นสมาชิกที่จับ “ต้นไทรมนุษย์รูปร่างผิดปกติ” มาได้กันแน่?
แล้วที่สําคัญ! ใครเป็นสมาชิกที่ขนส่งคนที่ติดโรคมาที่นี่กัน?
คนของฝ่ายปฏิบัติการหรือคนจากหน่วยการปฏิบัติการเคลื่อนที่?
เกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้นนี้ กู้จวินรู้สึกว่ามันรุนแรงที่สุด เพราะในบรรดาทั้งเก้าคนที่ผ่านเข้ารอบเข้ามาในเฟคต้าที่นั่งอยู่ตรงนี้ เขาเป็นคนเดียวที่มีโอกาสได้เห็นโรคต้นไทรมนุษย์สมบูรณ์แบบใกล้ ๆ ตอนนั้นเขาจําไม่ได้ว่าเขาเห็นบาดแผลภายนอกหรือบาดแผลจากปืนบนต้นไม้ และศาสตราจารย์ฉินยังบอกด้วยว่ามันตายจากการทดลองในที่ที่ขาดออกซิเจน และจากนั้นมันก็ถูกเก็บเอาไว้เพื่อศึกษาต่อ แต่ถ้าใครไปสัมผัสเข้ากับน้ําสีดําของต้นไทรมนุษย์ที่มีรูปร่างผิดปกติก็อาจจะติดเชื้อได้ทันที
“ การเข้าสู่ “หน่วยการปฏิบัติการเคลื่อนที่” ไม่ใช่เรื่องง่าย” พี่ชายเฉียงกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจังบ่งบอกได้ดีว่ามันยากจริงๆ “ พวกคุณทุกคนในที่นี้ก็รู้ดีว่าอาจขึ้นเป็นคนที่อยู่ใกล้ประตูบานนั้นมากที่สุด แล้วทําไมพวกคุณไม่เอาเขามาเป็นเป้าหมายชีวิตในตอนนี้ซะเลยล่ะ?”
กลุ่มเด็กนักศึกษาที่เหลือพยักหน้ากันระวิง แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้น้อยใจ หรือ เศร้าใจที่ถูกประเมินค่าต่ําแบบนี้! ท้ายที่สุดหลังจากใช้เวลาหนึ่งเดือนของการฝึกอบรมร่วมกันบางสิ่งอาจพูดได้โดยไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย
แน่นอนว่าโจวเจียเฉียงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของเด็กพวกนี้รวมถึงกู้จวินมากเกินไปเพราะการที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้มันก็ยังดีกว่าอาการน่าเบื่อ และอีกอย่างพวกเขายังเด็กนัก…ควรจะมีอารมณ์เหมือนกับเด็ก เขาไม่อยากบีบบังคับให้เด็กทั้งหมดเคร่งเครียดจนเกินไปบางครั้งอารมณ์บางอย่างก็จําเป็นในสายงานของพวกเขา มันจะช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง!
“งั้นผมขอถามพี่ชายเฉียงหน่อยครับ! ผมจะมีโอกาสเข้าร่วมหน่วยการปฏิบัติการเคลื่อนที่ในอนาคตอันใกล้นี้ใช่ไหมครับ!?” กู้จวินอดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่านี่จะไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสําหรับการถามก็ตาม แต่เขาก็อยากรู้จริงๆ
นั่นก็เพราะในตอนนี้ไม่มีคนใดได้รับการแจ้งให้เข้ารับตําแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมใน “งานภาคสนาม” ตอนแรกกู้จวินยังสงสัยอยู่ว่าทําไมชาเรียนอบรมของเขามันถึงหนักนัก! ถามเพื่อนคนอื่น ก็ไม่มีใครรู้สักคน…เนื้อหาที่พวกเขาเรียนก็ต่างจากกู้จวินด้วย!
แต่ตอนนี้จิ๊กซอร์เริ่มเข้าที่แล้ว กู้จวินเข้าใจว่านี่อาจเป็นเพราะเฟคต้าต้องการฝึกเขา ให้เป็นกองหนุนสําหรับหน่วยการปฏิบัติการเคลื่อนที่ไม่ก็ว่าที่สมาชิกของหน่วยการปฏิบัติการเคลื่อนที่คนต่อไป
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เช่นกัน!” โจวเจียเฉียงยักไหล่พูดตามความจริง “ และนั่นคือความจริง ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการมอบหมายงานของพวกคุณ แต่ฉันขอเตือนนายนะอาจขึ้น! ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไม่เครียดมากเกินไปและพยายามถามเรื่องงานขนาดนี้คุณควรหยุดพักสักวันและไปผ่อนคลายสักพัก!”
แม้แต่พี่ชายเฉียงก็ไม่สามารถช่วยให้คําแนะนํากับเขาได้ !
“ ผู้ที่อยู่ในสายงานของเราต้องคํานึงถึงความสมดุลระหว่างการพักผ่อนและการทํางานให้มากที่สุด” โจวเจียเฉียงอธิบายต่อเพื่อให้เหล่านักศึกษาเข้าใจในความจริงข้อนี้
ส่วนที่เหลือของกลุ่มนักศึกษาเห็นพ้องต้องกัน ด้วยค่า S ที่เจ็ดสิบห้าเขาควรพักผ่อนจริงๆ
กู้จวินได้แต่พยักหน้าคล้อยตามทุกคน นอกจากนี้ในใจของเขาเอง เขายังพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองให้เห็นข้อดีของการพักผ่อน…เพราะที่ผ่านมาเขาเหนื่อยจริงๆ เขาเจอเรื่องที่หนักเกินกว่าที่จะรับไหวมาตั้งนานแล้ว และมันก็อัศจรรย์มากที่เขาทนมาได้จนถึงปานนี้
หลังจากที่โจวเจียเฉียงบรรยายครั้งสุดท้ายกับกลุ่มนักศึกษาที่บัดนี้กลายเป็นพนัก งานรุ่นใหม่แล้วเขาก็ออกไปจัดการกับการงานอื่น ๆ ต่อ
จากนั้นคนจากแผนกสันทนาการก็เข้ามาพาพวกเขาไปยังสถานที่ละลายพฤติกรรม และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาออกจากตึกกรมการแพทย์ในรอบตลอดทั้งเดือน!
จากนั้นพวกเขาขี่รถตู้คันเล็กเพื่อกลับสู่โลกภายนอก โดยเส้นทางที่รถมุ่งไปนั้นทุกคนคาดเดาว่ามันคือเส้นทางไปสู่เมืองทางตะวันออกของประเทศ
หลังจากผ่านและสถานที่ลับทางทหาร ในที่สุดถนนที่พลุกพล่านก็เข้ามาอยู่ในสายตา การจราจรติดขัดเสียงแตรโหยหวน ฝูงชนที่พลุกพล่าน – สิ่งธรรมดา ๆ ที่เคยเป็นสิ่งที่น่ารําคาญในชีวิตประจําวันเหล่านี้ ตอนนี้เพียงแค่เห็นมันก็ได้ถึงความเศร้าหมองมาสู่พวกเขาแล้ว
จากไปไม่กี่เดือนประดุจจากไปสิบปี!
ตอนนี้พวกเขาล้วนรู้สึกว่า อากาศเสียในเมืองตอนนี้ก็ยังรู้สึกสดชื่นมากกว่าอากาศบริสุทธิ์ของเฟคต้าเสียอีก”
หลังจากโลดแล่นบนถนนนานจากกว่าหลายชั่วโมง ทุกคนๆ ก็มาถึงสถานที่จัดงานในที่สุด!!ทว่ามันผิดคาด! นี่ไม่ใช่สถานที่ลับแต่อย่างใด แต่มันคือ ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวในย่านชิงหยุน…แค่มองดูก็รู้แล้วว่าแพงและพรี่เมียมขนาดไหน
เมื่อเหล่ากู้จวินและพรรคพวกมาถึง…มันก็กลายเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ตอนนี้ในห้องบอลรูมที่หรูหราก็เต็มไปด้วยความคึกคัก รอบๆ เต็มไปด้วยผู้คนที่กําลังทํากิจกรรมสนุกสนานกันอยู่โคม ไฟระย้าส่องสว่างไปทั่วห้องโถง และส่องแสงสปอตไลต์ไปบนใบหน้าหนุ่มสาวของสมาชิกใหม่จากแต่ละแผนก ผู้คนเดินไปมาและมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างอบอุ่น อาจจะเพราะปาร์ตี้เป็นแบบบุฟเฟต์ ดังนั้นจึงมีอิสระมากมาย และไร้ข้อบังคับผิดกับกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัยลิบลับ
เหล่าทาสแห่งการแพทย์มองไปที่อาหารอร่อยๆ และขนมที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงามด้วยสายตาที่อยากจะเขมือบไปเสียทุกสิ่ง ห้องบอลรูมนั้นถูกจัดอย่างสวยงาม และเหล่าผู้คนจากแผนกอื่นก็แต่งตัวดีและน่าคบหาทั้งสิ้น! และที่สําคัญที่สุดก็คือ ที่นี่ไม่มีกลิ่นของฟอร์มาลีนและยาฆ่าเชื้อ !!
ในไม่ช้าเด็กผู้ชายทั้งหลายรวมถึงกู้จวินก็ตระหนักถึงความสําคัญของการพักผ่อนหย่อนใจ!พวกเขาแต่ละคนรู้สึกได้ถึงค่า S ของพวกเขาที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ
ตอนนี้มีปัญหาเหลือเพียงอย่างเดียว! นั่นคือพวกเขาจะเข้าหาผู้หญิงอีกครั้งได้อย่างไร?
สาว ๆ ก็สังเกตเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาจากแผนกอื่น ๆ เช่นกัน และไม่มีใครเลยที่ดูหัวล้านเหมือนผู้ชายของแผนกตนเอง อืม! ถ้าไม่หัวล้าน พวกเธอก็จะเล่นด้วยสักหน่อยแล้วกัน!หลังจากแบบนั้นหนุ่มสาวก็เริ่มทักทายกันด้วยมิตรไมตรีที่ดี
กู้จวินที่เพิ่งมาถึงยังคงจมอยู่กับเสียงรอบข้างอย่างตื่นตระหนก และตอนนั้นเอง…จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขาอย่างสนุกสนานจากปากของใครบางคน
“ กู้จวินนนนน! เพื่อนเก่าของฉัน ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
กู้จวินหันกลับไปเห็นร่างที่วิ่งเข้าหาเขา จากนั้นแขนคู่หนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาเพื่อโอบกอดเขาอย่างว่องไวและแนบแน่น
และเขาก็คือ หลี่เยี่ยรุ่ย…ชายในตํานานผู้หายสาปสูญ ซึ่งกู้จวินไม่ได้พบเขามาตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ แต่ตอนนั้นชายคนนี้ได้ตัดผมทรงแอฟโฟรที่ไร้สาระและเกะกะลูกกะตา หากแต่ตอนนี้เขามีผมสั้นที่ดูสะอาดตาเขาอยู่ในชุดลําลองและดูสดชื่นกว่าหลีเยี่ยรุ่ยนเดิมที่เขาเคยพบ พลาสเตอร์รอบแขนขวาของเขาถูกแกะออก แค่ดูจากวิธีที่เขาโบกมือไปมารอบ ๆ ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
“ หลี่เยี่ยรุ่ย” กู้จวินรู้สึกถึงรอยยิ้มที่ริมฝีปากของเขาที่ปรากฏขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าพวกเขาต้องสบายดีและปลอดภัย แต่เขาก็ยังรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นพวกเขามีความสุขด้วยตาของเขาเอง
“ อู่ตั้งงงง! อู่ตั้งงงงงงงง!” หลี่เยี่ยรุ่ยตะโกนสุดเสียงเต็มพลังปอด “ เสี่ยวถัง เสี่ยวถัง! กู้จวินมาแล้วววววว! เขาคือกู้จวินนนนนน”
หวังรั่วเชียง ไช่ฮีชวน และคนอื่น ๆ ที่มากับกู้จวินรู้สึกงุนงงเป็นไก่ตาแตก! เมื่อเห็นชายหญิงอีกสองคนวิ่งมาหากู้จวินและทําสายตามองเขาเหมือนคนกําลังเห็นขุมทรัพย์
นี่เสี่ยกู้ เนื้อหอมขนาดนี้เลยเหรอ?”
โดยปกติแล้วกู้จวินย่อมจําทั้งสองคนได้อย่างดี พวกเขาคือ นักกล้ามอู่ตั้งและเจ้า หญิงผู้ก่อกบฏหลินเสี่ยวถังและตอนนี้การแต่งตัวของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลินเสี่ยวถังแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และใบหน้าที่เป็นน้ําแข็งของเธอเมื่อครั้งนั้นหายสาปสูญไปอย่างสิ้นเชิงและเธอกําลังมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ หมอกู้!” อู่ตั้งจับมือกู้จวินแน่นและไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด…เขาจับจนมือกู้จวินเริ่ม เต็มไปด้วยเหงื่อเหนียว “ฉันคิดถึงคุณมากเหลือเกิน! ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้งแล้ว”
จากนั้นมีการแนะนําตัวของหลี่เยี่ยรุ่ยและเพื่อน ๆ ของเขาซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของแผนกสันทนาการ และพวกเขาเป็นสมาชิกระดับ G นั่นหมายความว่าพวกเขาดีกว่านักศึกษาฝึกงานเล็กน้อยและสมาชิกส่วนใหญ่ของแผนกสันทนาการอยู่ที่ภาคตะวันออกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสมาชิกระดับ G แม้ว่าแผนกสันทนาการจะเป็นแผนกที่ใช้เทคนิคที่น้อยที่สุดในเฟคต้า แต่กู้จวินก็ยังคงคิดว่าทั้งสามคนนี้คงอยู่เพื่อฉุดมาตรฐานโดยรวมของเฟคต้า!
“ทุกคน! นี่คือหมอมหาเทพกู้จวิน เขาคือผู้ช่วยชีวิตของฉัน!” หลี่เยี่ยรุ่ยเติมเต็มส่วนที่ เหลือด้วยคําอธิบายที่มีสีสันของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทะเลลองกาน แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงความลับแม้แต่น้อย
“ ตอนนั้นมันวุ่นวายมาก ฉันนถูกเหวี่ยงเหมือนลูกวอลเล่ย์บอลจนกระดูกแทบแหลกเหลวแต่กู้จวินก็เอื้อมมือไปคว้าฉันได้! จากนั้นเขาก็ช่วยฉันห้ามเลือดและพันแผลในขณะที่เรายังอยู่ในเรือดําน้ํา เขาเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง”
นักศึกษากลุ่มไม่แปลกใจเลยที่กู้จวินจะมีความสามารถเช่นนั้น ขณะที่ไช่ฉีชวนฟังเรื่องราวนี้จบเขาก็ถอนหายใจ “ เขาเงียบเหมือนภูเขาในขณะพักผ่อน แต่รวดเร็วเหมือนกระต่ายเมื่อยามเคลื่อนไหว
“ แน่นอน! เขาสุดยอดมาก” อู่ตั้งส่งเสริมคําพูดของหลี่เยี่ยรุ่ยทันที เขารีบกล่าวยกย่องกู้จวินราวกับเขาเป็นพระเจ้า “ ถ้าไม่ใช่เพราะกู้จวิน ฉันคงต้องตายในวันนั้นไปแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้นหวังรั่วเซียงเอ่ยถามกู้จวินทันที “ไหนบอกว่านายไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดไง? นี่นายแอบไปทํางานเหรอ?”
“ อืม! งานหนักเริ่มต้นขึ้นหลังจากหมดวันหยุดนะ” กู้จวินอธิบายด้วยน้ําเสียงสบายๆ
“ อืม” หวังรั่วเซียงพอได้ฟังแล้วก็นิ่งตะลึงงันแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขามีเวลาเตรีย มตัวเพื่อเข้าแข่งขันเพียงแค่ครึ่งเดือนซึ่งน้อยกว่าพวกเขาที่ฝึกมาทั้งปีมาก!!
แน่นอนว่ากู้จวินยังคงมีคําถามลับที่ไม่อยากให้เพื่อนๆ ที่เหลือรู้ เขาจึงบอกกับคนอื่น ๆ โดยตรงแบบไม่ปิดบัง “ ฉันมีธุระต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”
นักศึกษากลุ่มนั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายกันไปหาคนจากแผนกอื่นๆอย่างรวดเร็ว
“ เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราแยกทางกัน?” กู้จวินถามหลี่เยี่ยรุ่ยและเพื่อนของเขาด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“ แล้วพวกคุณเป็นคนส่งโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันจริงๆเหรอ?”