ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 132
ตอนที่ 132 โลกที่มืดมิด
ทันทีที่เข้ามาในอุโมงค์ใต้โพรงไม้ สิ่งแรกที่ทุกคนในทีมสํารวจของหน่วนนักล่าอสูรรับรู้ก็คือความมืด มันมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเดินไปข้างหน้าหรือเดินไปข้างหลังก็มองไม่เห็นทั้งสิ้น กู้จวินเดินไปข้างหน้าและรู้สึกว่าตัวเองถูกกลืนกินและถูกล้อมรอบไปในความมืดมิดที่น่าหวาดผวา
กู้จวินไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับร่างกายของเขาและเขามีสติสัมปชัญญะที่ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงสังเกตเห็นความเงียบที่ล้อมรอบร่างกาย แม้แต่เสียงก้าวเดินของเขาก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆแสงสีขาวที่แทบจะสังเกตเห็นได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาเคลื่อนตัวไปในทิศทางนั้นราวกับถูกสะกดจิต จากนั้นเสียงเบาๆ ของการสนทนาทําลายความเงียบ
ทันใดนั้นกู้จวินก็พบว่าตัวเองออกมาจากอุโมงค์เรียบร้อย และเบื้องหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยผู้คน เขาเห็นหัวหน้าเสวี่ยและหน่วยนักล่าอสูรคนอื่น ๆ ที่กําลังยืนอยู่ต่อหน้าเขากู้จวินพอที่จะอ่านปากพวกเขาได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเพิ่งออกมาจากอุโมงค์หรือเปล่า ทําให้เขารู้สึกเวียนหัวและภาพตรงหน้าคล้ายกับภาพที่กําลังขยับได้และมืดมัว แต่เมื่อเขาตั้งสติดูดีๆและสูดหายใจเข้าปอดลึกๆภาพตรงหน้าก็กลับมาชัดเจนเหมือนเดิมและเขาก็เริ่มได้ยินบทสนทนาที่เหล่านักล่าอสูรคนอื่นๆกําลังคุยกันแล้ว
หลังจากกู้จวินหายใจเข้าลึก ๆ ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือการมองไปรอบ ๆ ทางเดินภายในโพรงต้นไม้เน่าอยู่ด้านหลังเขาแห่งนี้ มันเป็นลําต้นของต้นไม้ต้นใหญ่ที่ตายแล้ว มันมีรูต้นไม้ผุๆ อยู่ด้านล่าง มันยากที่จะบอกว่ามันคือต้นไม้ชนิดใด ใต้เท้าของเขามีสิ่งสกปรกสีดําคล้ำ มันไม่ได้เป็นโคลนตมเหมือนดั่งดินอย่างที่เขาเคยคิดและตามที่หัวหน้าเสวี่ยบอกได้ยินเขาบอกว่ามันไม่ได้ให้กลิ่นเหม็นใด ๆ ออกมา
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันทําให้กู้จวินนึกถึงความตายที่น่ากลัวมาแทนที่ นั่นก็เพราะสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดมันได้ตายไปนานแล้ว! นั่นเป็นคําอธิบายเดียวว่าทําไมสัญญาณของการมีชีวิตทั้งหมดของพหุ้นที่ในวงกลมใหญ่นี้ถึงได้หายสาปสูญไปหมด ถือนี่กลายเป็นดินแดนแห่งความตายไปเต็มรูปแบบแล้ว
หน่วยสํารวจของหน่วยนักล่าอสูรได้เก็บตัวอย่างหลายๆอย่างจากสถานที่แห่งนี้ในการเดินทางครั้งก่อนเพื่อตรวจสอบแล้ว มีการจัดประเภทความหนาแน่นของดิน หินและต้นไม้ แต่ไม่สามารถระบุอายุของมันได้
ปัจจุบันสิ่งสกปรกอย่างเช่น “ดิน” ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดที่พบบนโลกมีอายุมากถึงสามสิบเจ็ดร้อยล้านปีก่อน มันเป็นเพียงเศษดินที่พบในหินในกรีนแลนด์ อายุของโลกอยู่ที่ประมาณสี่สิบหกร้อยล้านปีแต่ดินที่นี่เก่ากว่านั้นมาก
โดยวิธีการพิสูจน์นั้น ถ้าจําไม่ผิดน่าจะเป็นการใช้ ไอโซโทปวิทยุ” มันเป็นหนึ่งในวิธีการตรวจสอบที่ค่อนข้างปลอดภัย ทว่า! วิธีนั้นมันไร้ประโยชน์ พื้นที่ผิดปกตินี้ไม่ได้อยู่บนโลกนี้เสียหน่อย.. อย่างน้อยมันก็อยู่ในโลกใต้ดิน
“ฟู่!!” กู้จวินมองเข้าไปในระยะไกลและสิ่งที่ปรากฏในสายตาของเขาก็คือ ดินแดนที่แห้งแล้งแห่งนี้ มันเป็นเหมือนเงาของปีศาจยักษ์ ด้านบนก็เหมือนท้องฟ้าเป็นสีขาวอมเทาและมันน่าสนใจเป็นอย่างมาก เขารู้ว่านี่เป็นหนึ่งในพื้นที่ใต้โพรงไม้และมีแนวโน้มว่ามันอาจจะเป็นเส้นทางที่ก้าวผ่านไปยัง ต่างโลก” มันจึงดูไม่เหมือนชั้นเมฆตามปกติ แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนถูกปกคลุมใต้เพดานมากกว่า นี่คือหอคอยที่ว่างเปล่าและลอยอยู่บนท้องฟ้าหรือเป็นกรงขังสําหรับสาวกนอกรีตกันแน่?
ขอบฟ้ารอบตัวพวกเขาถูกสกัดกั้นโดยกําแพงหิน แม้ว่าพวกเขาจะหันศรีษะไปข้างหลังแต่พวกเขาก็มองไม่เห็นด้านบนของกําแพงอยู่ กําแพงสูงที่เห็นจากในระยะไกลและบัดนี้มันได้ทําให้จิตใจของทุกคนเริ่มว้าเหว่
“อาจวิ้น! นี่เป็นครั้งแรกสําหรับการสํารวจ คุณสบายดีไหม?” เสียงของเสวี่ยป้าดังออกมาจากสายสื่อสารของกู้จวิน ดังนั้นกู้จวินจึงเดาว่าเขาสามารถใช้การสื่อสารแบบไร้สายได้ตามปกติในพื้น
“ สบายดีครับ” กู้จวินตอบไปงั้นๆ ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ตายงั้นก็นับว่าสบายดีมั้ง!?
เสวี่ยป้าพยักหน้าให้เขาแล้วรายงานกลับไปยังฐานของตนเองในขณะที่เปิดช่องการสื่อสารแบบเต็มกําลัง
“ตามคําสั่งหน่วยนักล่าอสูรมาถึงโพรงพื้นที่ผิดปกติใต้โพรงไม้ในกําแพงแล้ว ทุกคนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเรากําลังวางแผนที่จะแยกเป็นทีมสองทีม ทีม A จะมุ่งหน้าไปยังกําแพงพร้อมกับล่ามภาษาต่างโลก ในขณะที่ทีม B จะอยู่ด้านหลังเพื่อป้องกันอุโมงค์ถล่ม”
ข้อความของพวกเขาสามารถส่งออกไปที่ฐานทัพในหมู่บ้านและในหมู่บ้านก็จะส่งไปที่อื่นได้ แต่ไม่สามารถรับการตอบกลับจากภายนอกได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นการสื่อสารทางเดียว
การกําหนดสมาชิกของแต่ละทีมได้ถูกตัดสินไปแล้วเมื่อพวกเขาอยู่ข้างนอกไม่สิ ตั้งแต่เริ่มเดินทางพวกเขาก็เริ่มจัดทีมล่วงหน้าแล้ว โดยคนทั้งหมดมีสิบหกคน
ทีม A จะมีสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยสมาชิกด้านการสืบสวนและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ทีม B มีหกคน ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสมาชิกที่รับผิดชอบหน้าที่เบ็ดเตล็ด ทั้งสองทีมมีสมาชิกคอยให้การสนับสนุน และทุกคนมีปืนรัดที่หน้าอกพร้อมยิงอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าก่อนหน้านี้วิดีโอที่ถ่ายกลับมาจะผิดเพี้ยนไป แต่ทั้งสองทีมก็มีสมาชิกที่จับภาพทุกอย่างด้วยกล้องและอักวิดีโอ โดยภาพและวีดีโอพวกนี้จะถูกส่งออกไปในรูปแบบคลื่นวิทยุภาคพื้นดิน จริงๆแล้วกู้จวินไม่มั่นใจเลยว่าควรจะแยกทางกันดีไหม พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าในหนังสยองขวัญส่วนใหญ่สิ่งเลวร้ายมักเริ่มต้นก็ต่อเมื่อมีการแยกกลุ่ม
อย่างไรก็ตามเขามองไปที่อุปกรณ์ของทุกคนและบางคนก็ถือ C-4 ด้วย แม้แต่ลุงต้านซึ่งเป็นแค่แพทย์ประจําหน่วยก็มีปืนไรเฟิลจู่โจม CQ
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อันที่จริงสมาชิกของ “หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่” ทุกคนได้รับการฝึกฝนทางทหารอย่างเคร่งครัด พวกเขาต้องฝึกฝนให้ทันก่อนที่จะเข้าร่วมกองกําลังหน่วยนี้ และเมื่อเข้าประจําการทุกคนจะกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ทว่าตอนนี้เขาเป็นมือใหม่เพียงคนเดียวในทีม
ที่สําคัญ! เขายังไม่เคยฝึกทหารมาก่อนด้วย
“ ทีม A ตามมา…” เสี่ยป้าเป็นผู้นําทางของทีม A พอเขานําปุ๋ปลูกทีมอีกเก้าคนเดินตามบับและจากนั้นพวกเขาก็เดินทางข้ามพื้นที่รกร้างที่พังทลายนี้ทันที
นอกจากนี้เข็มทิศยังไม่มีประโยชน์ในสถานที่แห่งนี้อีก พวกเขาใช้เส้นทางของต้นไม้ที่เน่าเสียต้นนี้นี่แหละเป็นตัวชี้ทิศทาง พวกเขาพอจําได้ว่ากําแพงที่มีอักขระต่างโลกนั้นน่าจะอยู่ทางทิศเหนือ
จวินเดินตามระหว่างลุงต้านและจางฮั่วชั่ว นอกจากเสียงฝีเท้าที่นุ่มนวลของทีมแล้วก็มี เพียงความเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดหรือเสียงหายใจ
อย่างไรก็ตามหน่วยนักล่าอสูรนี้ยังมีทหารที่มาจากแผนกปฏิบัติการอื่นที่ถูกคัดเข้ามา เช่น ลู่เสี่ยวหนิง โจวอี้ และเกาหมิงเผิง ทั้งสามคนยังคงตื่นตัวในขณะที่พวกเขามองไปยังพื้นที่รอบๆตัว
“ลู่เสี่ยวหนิง” เป็นสมาชิกหญิงที่หายาก เธออายุประมาณสามสิบปีและความสูงและรูปร่างก็ไม่ได้งดงามอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เธอกําลังลากปืนอัตโนมัติเก้าสิบห้านัดและถือจรวดขนาดเล็ก QN-202 ไว้ด้านหลัง มันเป็นกระเป๋าเป้ที่บรรจุขีปนาวุธหกลูกและเครื่องยิงจรวด เธอเป็นตัวแทนที่พร้อมโจมตีและสร้างความเสียหายหลักของทีมและในบางครั้งเธอก็เป็น “วีรบุรุษ” มากกว่าผู้ชายทุกคนในที่นี้
ระหว่างทางกู้จวินก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาหันไปถามเสวี่ยป้ทันที
หัวหน้าหลังครับ…ที่นี่มีรอบกลางวันและกลางคืนไหมครับ?”
“ ไม่มี!” ลุงต้านสะดุ้งตอบแทน “ นั่นไม่ใช่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดหรือ? สถานที่แห่งนี้มีความสว่างเท่ากันเสมอและท้องฟ้าก็มีสีสม่ำเสมออยู่ตลอด แทบไม่เคยเห็นอะไรผิดแปลก”
และพอพูดจบ ทุกคนก็ต่างได้ยิน!
โดยเฉพาะลู่เสี่ยวหนิง เธอบ่นด้วยความไม่พอใจ
“ ลุงต้านคุณเป็นหมอของพวกเรานะ! แล้วทําไมคุณถึงยืนกรานที่จะสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวต้อนรับพวกเราแบบนี้ หาแ? คุณทําแบบนี้เพื่อหาทางเกษียณหรือเปล่า?? เป็นแผนที่ดีมาก!”
คนกลุ่มนั้นหัวเราะอย่างผ่อนคลาย…อย่างน้อยกลางปาก็มีเรื่องขบขับ
“ ฮ่า ฮ่า ถ้าเกษียญแล้วฉันจะเล่าเรื่องตลกเพื่อคลายความตึงเครียดให้พวกเธอได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคําพูดของลู่เสี่ยวหนิง…ลุงต้านก็คิดออก ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เขาก็ชิงเบิดตัวด้วยการเล่าเรื่องตลกเสียเลย และพอเขาเล่าเรื่องตลก ทุกคนหัวเราะกันอย่างสะใจ… บางคนถึงกับหัวเราะจนหน้างอคอหักหาย นั่นทําให้บรรยากาศการหัวเราะยิ่งดังขึ้นไปอีก แม้กระทั่งเจ้าชายน้ำแข็งอย่างกู้จวินยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันร่างกายและจักจี้ นี่คงเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของชายวัยชราควรที่จะพึงมี
ขนาดหัวหน้าเสวี่ยป้ายังหัวเราะดังที่สุด…. เขาไม่เจออะไรตลกแบบนี้มานานมากแล้ว และในความเป็นจริงไก็ด้พิสูจน์แล้วว่ามันมีประสิทธิภาพในการลดความตึงเครียดของพวกเขา
ระยะทาง 1,037 เมตรนั้นไม่ไกลนัก หลังจากเดินไปสิบนาที พวกเขาก็มาถึงด้านหน้ากําแพงเรียบร้อย
ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างออกไปจากหน้ากําแพงมาประมาณยี่สิบก้าว
และก่อนหน้านั้นกู้จวินได้เห็นความยิ่งใหญ่ของกําแพงนี้นานแล้ว มันถูกสร้างขึ้นจากแผ่นหินสีเทาขนาดใหญ่และแทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างแผ่นหิน
มันช่างเป็นงานก่อสร้างเป็นที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง มันสูงมากจนมองไม่เห็นด้านบนเพราะมันโค้งลงทั้งสองข้าง
ทว่า! หลังจากยืนอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนก็ยังไม่มีวี่แววของความทรุดโทรมxikdEบนผนังขนาดและรูปลักษณ์ของกําแพงวงกลมนี้ไกลเกินกว่าที่มนุษย์สร้างขึ้นในสมัยโบราณ เช่นเดียวกับสิ่งสกปรกที่อยู่ใต้เท้าของพวกเธอ และนักธรณีวิทยาไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือหินชนิดใดและพวกเขาไม่รู้ว่าทําไมแผ่นหินทุกแผ่นจึงมีลวดลายพิเศษอยู่แบบนี้
เมื่อกลุ่มสํารวจมาถึงใต้กําแพง เสวียป้าก็ชี้และพูดอีกทางทันที “อาจวิ้น! แถวของอักขระต่างประเทศอยู่ตรงนั้น”
“ ฉันจะไปดูครับ” กู้จวินยังคงเคลื่อนไหวต่อไป โดยมีเสวี่ยป้าและลู่เสี่ยวหนิงเฝ้าอยู่ข้างๆเขา เมื่อเขาห่างออกไปสิบก้าว กู้จวินก็สามารถมองเห็นตัวอักษรต่างประเทศบนผนังได้แล้วชัดเจน มันเป็นสีเข้มและมีลายมือที่ยุ่งเหยิง…ดูเหมือนจะถูกแกะสลักบนหินก้อนใหญ่ที่ชั้นล่างสุดของผนังหินนี่ จากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว และหลังจากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงมือถือที่สั่นไหวและมีชีวิตขึ้นมาต่อหน้าเขา
“อ้าวยังไม่ตายหรือ! เอาเป็นว่าโรคที่ลึกลับนั้นเต็มไปด้วยสิ่งโกหก… ตอนนี้เขากําลังเจอกับมหันตภัยร้ายแรงที่กําลังเกิดขึ้นเพราะความแปลกประหลาดของมัน หัวหน้าคนนี้แม้จะนําทหารออกไปมากมายเพื่อกู้สถานการณ์ แต่ท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยการถูกประหารในที่สาธารณะ
“ อาจวิ้นๆ คุณเข้าใจไหม”? เสวี่ยป้าถามความคาดหวังที่บริสุทธิ์และความเร่งด่วนก็ปรากฏขึ้นชัดเจนในน้ำเสียงของเขา ตอนนี้ลู่เสี่ยวหนิงและลุงต้านก็นั่งฟังอยู่เช่นกัน
“ ใช่! ฉันพอทําได้” กู้จวินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กําลังจะท่องคําสั่งเพื่อแปลกประโยคอยู่ดีๆ แต่….
เหตุการณ์ร้ายแรงก็เกิดอย่างกะทันหัน หินขนาดยักษ์ที่มีอักขระต่างประเทศพังทลายและจมลงไปในดิน สถานที่ที่หินยักษ์เคยตั้งอยู่กลายเป็นทางเข้าใต้ดินเปล่าๆไปแล้ว ทําให้เส้นทางในตอนนี้ราวกับว่ามีบันไดหินที่นําไปสู่เหวที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งกลุ่มต้องประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ จากนั้นก็มีสายด่วนมาจากสมาชิกของทีม B
“ หัวหน้าครับ! ต้นไม้ล้มลงอย่างกะทันหัน ดูเหมือนว่าอุโมงค์จะพังลงมา … แสงสว่างหายไปแล้ว อุโมงค์หายไปแล้ว!”