ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 140
ตอนที่ 140 เดินหน้าต่อไป
โรงเรียนไม่ผิด ชื่อเสียงของศาสตราจารย์ฉินนั้นไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนแพทย์หรือมหาวิทยาลัย และแม้แต่กรมการแพทย์เฟคต้าเองต่างให้ความนับถืออย่างสุดหัวใจ เรียกได้ว่าเขาเป็นอาจารย์ในความฝันของใครหลายคน
ฮ่า ฮ่า กู้จวินเขาเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วเป็นพิเศษ ศาสตราจารย์ฉันยังคงรู้สึกขอบคุณมากที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจชวนกู้จวินให้เข้าร่วมเฟคต้า แต่แท้จริงแล้วแผนฝึกอบรมเขาทั้งหมดก็คือการเข้าหน่วยปฏิบัติการณ์เคลื่อนที่
ถ้าอิงตามความสามารถของเจ้าหนุ่มนั่นมันก็ควรเป็นแบบนั้น… เหยาซีเหนียนพยักหน้าทว่าในใจของเขากลับมีความคิดที่ซับซ้อนแอบซ่อนอยู่
ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้มาจากภูมิหลังที่ซับซ้อนและดูยังไงก็อันตรายเช่นนี้พวกเขาก็คงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆกับเด็กหนุ่ม อีกทั้งไม่ต้องเสี่ยงทําตัวเสียมารยาทกับคนมีความสามารถขนาดนี้
พูดตามตรงที่กู้จวินถูกปฏิบัติแย่ๆ เสมอมาตั้งแต่ตอนที่ถูกจับตัวยันมาถึงที่นี่ล้วนเป็ นการบังคับฝ่ายเดียวจากฝ่ายบัญชาการเบื้องบนทั้งนั้น ส่วนสาเหตุก็คือภูมิหลังที่น่าสงสัยและต้องขอบคุณความมีประโยชน์ของเด็กหนุ่มไม่อย่างนั้นอิสระภาพของเขาอาจจะถูกพรากไปก็ได้หรือแม้แต่ชีวิตก็อาจจะอยู่ในความเสี่ยง
แต่สําหรับตอนนี้มันยากที่จะบอกได้ว่ากู้จวินจะเป็นทรัพย์สินของเฟคต้าจริงหรือไม่? แต่เหยาซีเหนียนหวังว่าเขาจะเป็น
เพราะเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ความสามารถและจิตใจที่กล้าแกร่ง อีกทั้งเปี่ยมไปด้วยความสามารถทางการแพทย์ที่ล้นเหลือ…คนแบบนี้ไม่ได้หาได้จากที่ไหนก็ได้บนโลกง่ายๆเรียกได้ว่าเป็นคนที่พันปีจะโผล่มาแค่ครั้งเดียว…. ใช่! เด็กหนุ่มจัดเป็นพวกหายาก และถ้าต้องสูญเสียเขาไปมันคงเป็นอะไรที่น่าเจ็บปวด
รองผู้บัญชาการหยางได้ยินเรื่องราวของกู้จวินมาก่อนถึงยังไงเขาก็สังกัดกร มการแพทย์เช่นกัน ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกู้จวินจากศาสตราจารย์ฉินและหัวหน้าชิวแล้วกู้จวินเคยฝึกอบรมที่กลุ่มคลินิกของเรามาก่อนแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพวกคุณอาจจะประเมินพรส วรรค์ของชายหนุ่มคนนี้ต่ําเกินไป
ขนาดหัวหน้าเพิ่งจากแผนกสืบสวนที่ไม่เกี่ยวข้องการแพทย์….บอกตรงๆว่าเขาเองก็ประทับใจในความสามารถของเด็กหนุ่มนามกู้จวิน แต่! เขาก็เป็นฝ่ายสืบสวนที่มีหน้าที่สอดส่องให้องค์กรปลอดภัย ดังนั้นเขาจําต้องอธิบายและประเมินในทางร้ายไว้ก่อน
เดี๋ยวก่อนทุกคน ผมมีความคิดหนึ่งอยากจะเสนอ…. ตามหลักของการสืบสวนแล้ว ผมสงสัยว่านี่อาจจะเป็นแผนการของกู้จวิน เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะวางแผนแบบนี้มาโดยตลอด…อย่างเช่นการผ่าตัดของหลินม่อที่เพิ่งเกิดขึ้นไปนี้ เราไม่เห็นการผ่าตัดก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างแถมกู้จวินนั้นก็ยังมีทักษะการแพทย์ที่สูงส่งและเขาอาจจะตบตาเราก็ได้ ดังนั้นการเสนอวิธีการแก้ปัญหาแบบนี้อาจจะดูยากและน่าเหลือเชื่อจนเกินไป จริงๆถ้าตัดขาหลินต่อไปเสียเลยสองข้างทุกอย่างก็จบสิ้นไปแล้ว ตัวหลินมอเองก็จะปลอดภัยด้วย แต่การที่เขายืนยันที่จะทําแบบนี้เขาอาจจะแอบวางปรสิตเอาไว้ในขาอีกข้างของหลินม่อหรือเปล่า….และในระหว่างที่ทุกคนกําลังรอผลการ ผ่าตัดปรสิตวันถัดไป ปรสิตนั่นก็ได้เข้าไปในสมองจากนั้นเขาก็จะแพร่เชื้อไปยังคนอื่นสุดท้ายหน่วยนักล่าอสูรก็ต้องตายกันจนหมด
ใจเย็นก่อนรองผู้บัญชาการเพิ่ง เมื่อได้ยินว่ารองผู้บัญชาเพิ่งเริ่มสงสัยอย่างไร้มูลเหตุ ศาสตราจารย์ฉินก็ขมวดคิ้วทันที ไม่ใช่เขาว่าตัวเขาไว้ใจกู้จวินแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เขาก็เป็นหมอเหมือนกัน เขาเป็นหมอผู้มีหน้าที่ช่วยชีวิตคน เป็นอาชีพที่ต้องเหน็ดเหนื่อยทั้งแรงกายและแรงใจเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่หมดทางสู้ต่อโรคร้ายแบบเดียวกับกู้จวิน
ทว่าสิ่งที่รออยู่หลังจากหมอคนนั้นได้ช่วยผู้คนก็คือความสงสัยอย่างไร้ที่สิ้นสุด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเองก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน และถึงขนาดสงสัยว่าหมอที่ช่วยชีวิตคนกําลังวางแผนร้ายนี่มันเป็นอะไรที่เหลวไหลสิ้นดี ศาสตราจารย์ฉินสายหัวอย่างเบาๆจากนั้นก็มองรองผู้บัญชาการเม งก่อนที่จะกล่าวด้วยความจริงใจ
ฉันเองก็พูดอะไรไม่ได้มาก แต่พวกเราล้วนเป็นคนวงนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสํารวจอย่างแท้จริงดังนั้นพวกเราไม่ควรเดาสุ่มสี่สุ่มห้า และคนที่เข้าใจเรื่องสถานการณ์แบบนี้ได้ดีที่สุดก็คือคนใกล้ตัวอย่างหัวหน้าเสวี่ย พวกเราเองก็อาศัยคําบอกจากเขามาตัดสินเช่นกัน ดังนั้นหัวหน้าเสวี่ยเลือกที่จะเชื่อกู้จวิน ดังนั้นเราก็ควรเชื่อด้วย เพราะมันคงมีอะไรบางอย่างที่ดลใจให้เขาทําเช่นนั้นอาจเป็นไปได้ว่าหัวหน้าเสวี่ยอาจจะเชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือของชายหนุ่มที่ชื่อกู้จวิน…
อืม… หัวหน้าเพิ่งเงียบ ตัวเขาเป็นคนที่ฝึกฝนเสวี่ยป้ามากับมือ ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับสายตาของเสวี่ยป้าเป็นอย่างดี และสัญชาตญาณอันเฉียบคมที่อธิบายไม่ได้ของเขาก็แม่นยําด้วยเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม..หัวหน้าเพิ่งก็มีสัญชาตญาณของตัวเองที่จะปฏิบัติตามและเลือกที่จะเชื่อด้วยเช่นกัน เขาไม่สามารถสลัดความสงสัยในใจออกไปได้ แต่เมื่อมองสถานการณ์ทั้งหมดเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ
ผู้อาวุโสฉิน คุณต้องรู้ว่าเด็กหนุ่มกู้จวินคนนี้ต่างจากเด็กคนอื่นๆแค่ไหน สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือเขาไม่ได้ทําทั้งหมดนี้โดยมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ําว่ากําลังทําอะไรอยู่ตอนนี้เขาอาจจะเป็นคนดีอย่างที่เราเห็น แต่…
ผู้อาวุโสฉิน เหยาซีเหนียนและทุกคนจมอยู่ในความเงียบทันที ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงผลกระทบนั้นจะร้ายแรงเกินคาดมาก แต่สิ่งที่พวกเขาทําได้ในตอนนี้คือรอ – รอการส่งข้อมูลจากสํานักงานใหญ่รอการอัปเดตข่าวสารจากกลุ่มสืบสวนพลังงานผิดปกติและรอการเคลื่อนไหวต่อไปของหน่วยนักล่าอสูร …
ในขณะนี้ศูนย์บัญชาการได้จําลองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเสร็จสิ้นแล้ว
แม้จะสื่อสารไปหาอีกฝ่ายไม่ได้ แต่พวกเขาก็สามารถรู้ถึงความเคลื่อนไหวต่อไปแบบคร่าวๆได้ ดี ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของหน่วยนักล่าอสูรขึ้นอยู่กับเสบียงที่มี
ภายใน 2 วันข้างหน้าถ้าอุโมงค์ยังไม่กลับม ดีเหมือนเดิม อาจจะเป็นไปได้ว่าเสี่ยป้าจะต้องใช้ระเบิด 4C ในการระเบิดกําแพง แต่ถึงจะระเบิดก็ยังมีความเสี่ยงอีกมหาศาล
ไม่มีใครรู้ว่าหนอนยักษ์ใต้ดินตัวนั้นจะเข้ามาโจมตีอีกตอนไหน และเท่านั้นยังไม่พอ อุโมงค์ใต้ดินที่เต็มไปด้วยบันไดนั้น มันจะมีอะไรต่อไป พวกเขาไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลย บันไดมันจะยาวขนาดไหนมีแต่ต้องสํารวจไปเท่านั้นถึงจะรู้ พวกเขาลองคิดถึงในกรณีที่ระเบิดผนัง พวกเขารู้ดีว่าผนังนั้นหนาและเป็นไปไม่ได้ที่จะพังทลาย พวกเขาอาจจะต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดในการระเบิด
ตอนที่อุโมงค์ภายในโพรงต้นไม้พังทลาย ท้องฟ้าที่อยู่ในใต้ดินนั้นก็ถูกเปิดกว้างออก ทว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นก็มีแต่ท้องฟ้าสีหม่นที่ไม่มีคําว่ากลางวันและกลางคืน มันผิดปกติและน่าพิศวงอย่างมาก…แต่สิ่งนี้ก็ทําให้กู้จวินได้ลองนั่งนอนสันนิษฐานมันดู มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าเขาก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะการหมุนตัวของดาวเคราะห์โดยแต่ละดาวเคราะห์ก็คงจะมีการหมุนที่ไม่เหมือนกัน และเป็นไปได้ว่าพื้นที่ที่เขาเหยียบอยู่อาจจะไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่าโลก
หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น เขาก็ไปพักผ่อนและพูดคุยล้อเล่นกับลุงต้านเพื่อคลายเครียดแต่เมื่อถึงเวลาอาหาร เขาก็ได้รับบิสกิตอัดแท่งมาอันหนึ่ง รูปลักษณ์และรสชาติของมันทําให้เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมนูรายชื่อยาวๆ ของโรงอาหารที่กรมการแพทย์
เวลานี้หากเขาได้รับน้ําซุปร้อนๆของไปฉีซวนสักหนึ่งชาม มันก็คงเป็นอาหารที่ไม่ต่างจากถูกส่งลงมาจากสวรรค์แน่นอน เขาไม่ปราถนาอะไรไปมากกว่าการได้กินอาหารดีๆ และน้ําอุ่นๆแล้วแต่สิ่งที่เขาพอจะกินได้ก็มีแต่เสบียงทหารหน้าตาเหมือนบิสกิตราคาแพงล้ําแต่รสชาติสวนทางกันแท่งนี้เท่านั้นเอง
และคนคิดเหมือนกันคงมีเยอะ ดังนั้นบิสกิตเลยเหลือมากจนแทบไม่มีใครอยากจะมองดังนั้นบิสกิตจึงถูกเก็บไปและทุกคนก็กินเพื่อให้มีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง หลังจากนั้นทุกคนก็พักผ่อนโดยมีคน บางส่วนนั่งเฝ้าและผัดเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่อง
นที่สองผ่านไปอย่างพร่าเลือน หลินม่อเริ่มมีอาการไข้และนั่นทําให้ทุกคนในหน่วยต้องกังวลจนแทบคลั่ง แต่หลังจากให้ยาแก้ไข้ไปหลินต่อก็กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นกู้จวินและลุงต้านจึงได้ ถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกครั้ง จากนั้นในเช้าของวันที่สามก็มาถึง หน่วยนักล่าอสูรยังคงไม่ไปไหน พวกเขานั่งอยู่ที่ฐานชั่วคราวหน้าอุโมงค์และคิดแผนการณ์ต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
ระหว่างวันที่ผ่านมาเสวี่ยป้าก็ยังคงรายงานกลับไปที่ศูนย์บัญชาการอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ออกไปจากค่ายชั่วคราวไปไหนมากนัก แต่เขาก็ใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อสังเกตสถานการณ์ด้านนอกอย่างต่อเนื่องด้วยความระมัดระวังอย่างสูงอยู่ดี เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้หากไม่ระวัง
และต่อให้ตรวจสอบแค่ไหน…สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงมีความเงียบสนิทคล้ายกับไม่มีใครอยู่
ภายในพื้นที่ผิดปกติที่ล้อมรอบด้วยกําแพง ต้นไม้ตรงกลางยังคงหักเหมือนเดิมแสงในทางเดินก็หายไปนานแล้วและหนอนยักษ์ใต้ดินยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินโดยที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงดินส่วนไหน
ตอนนี้เสบียงของทีมเริ่มเหลือน้อยโดยเฉพาะน้ํา การผ่าตัดหลินม่อนั้นได้ใช้น้ําสํารองที่พวกเขาอุตส่าห์วางแผนว่าน่าจะอยู่ได้เป็นเวลาสองวันไปหมดสิ้น
ดังนั้นจึงหมายความว่าพวกเขาสามารถพักต่อไปได้อีกสามวัน นอกจากนั้นยังมีถุงยาและถุงเลือด แพ็คสีดําเป็นเลือดกรุ๊ป O ที่ทุกคนสามารถใช้ได้ แต่ปริมาณไม่เพียงพอที่จะรองรับการบาดเจ็บอย่างหนักอีกครั้งในทีมได้แน่นอน
นี่เป็นเรื่องน่ากังวลดังนั้นเสวี่ยป้าจึงได้พูดคุยกับรองหัวหน้าทั้งสามคนของเขา ได้แก่ หยางเฮอหนานลู่เสี่ยวหนิงและลุงต้าน จากนั้นหลังจากคุยกันอยู่นานพวกเขาทั้งหมดบรรลุมติเอกฉันท์ร่ วมกัน โดยทุกคนตกลงที่จะสํารวจลึกลงไปในอุโมงค์ใต้ดิน
เสวี่ยป้าหันไปหาลูกทีมทั้งหมดที่เหลือและประกาศอย่างจริงจัง
ถ้าแผ่นหินก่อนหน้านี้มีกลไกบางอย่างที่ทําให้เปิดได้ดังนั้นก็น่าจะมีกลไกอื่นซ่อนอยู่ที่นี่เช่นกัน เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรอยู่ที่ปลายอุโมงค์และเราไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางต่อไปอีกเท่าไร อาจจะเป็นชั่วโมง มันอาจจะเป็นวัน อาจใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ แม้ว่าเราจะประหยัดการใช้น้ําของเรา แต่เราก็อยู่ได้อีกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นดังนั้นเราจึงต้องหาทางรอดและเดินหน้าสํารวจต่อไป
การตัดสินใจได้เกิดขึ้นแล้ว คําถามต่อไปคือตอนนี้พวกเขาควรแยกทางกันหรือไม่? ไม่ว่าการตัดสินใจจะเป็นอย่างไร แต่ทีมสํารวจสักทีมก็ควรจะมีกู้จวินอยู่ เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจภาษาต่างโลกได้ และดูเหมือนว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นกลไกการทํางานของประตู