ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 148
ตอนที่ 148 เสียงที่น่าขยะแขยง
ทาที่หลังลูกตาก่อนนะ.. ลุงต้านพูดอย่างรีบร้อนเพราะกลัวคู่จวินไม่เข้าใจ โดยเฉพาะตอนนี้ที่จวินกําลังเหนื่อย ก่อนอื่นต้องฉีด 3 ครั้งเริ่มจากฉีดที่ผิวชั้นบนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ไปที่ผิวชั้นล่างและครั้งสุดท้ายไปที่ชั้ นบนแบ่งอย่างละครึ่ง! ไม่สนใจเยื่อบุตาขาว เส้นเลือดพวกนั้นแปลกเกินไปอย่าเพิ่งสนใจ…แต่ระวังอย่าให้ถูกมันก็พอ
ถ้าเป็นการผ่าตัดปกติเขาคงไม่พูดมากแบบนี้… แต่การผ่าตัดดวงตาแบบนี้มันแปลกจนเกินไป สภาพของผู้ป่วยคล้ายกับคนที่กําลังโดนคําสาป และเนื้อร้ายสีแดงนั่นก็น่าหวาดผวาเกินที่จะมอง…หากไปแตะต้องมันใครจะรู้ล่ะว่าจะเกิดผู้เคราะห์ร้ายคนที่ 2 อีกหรือเปล่า… รวมถึงอาจจะเกิดอะไรที่แย่ๆขึ้นดังนั้นแล้วเพื่อป้องกันไม่ ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นเขาจําเป็นต้องห้าม และเตือนเอาไว้ก่อน
เข้าใจแล้วครับ คู่จวินเองก็ยังไม่หายปวดหัวหรอก… ที่จริงเขายังเหนื่อยอยู่ด้วยซ้ํา แต่เพราะความฉุกเฉินของสถานการณ์ เขาก็จําเป็นต้องเข้ามาช่วยเธออย่างเลี่ยงไม่ได้… แต่จังหวะนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนที่อยู่รอบๆนั่นทําให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย… แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ได้คิดอะไรมาก
เมื่อไม่ได้มอบใจให้แล้ว… การถูกแย่งชิงจิตใจหรือทําร้ายจิตใจก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น
ถึงไม่พอใจแค่ไหนแต่งานก็ต้องเป็นงาน ถ้ากู้จวินไม่ยอมทํางานคงมีเพียงแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าจุดจบของเรื่องนี้เป็นยังไง
กู้จวินเดินมาถึงเปลที่ลู่เสี่ยวหนิงกําลังนอนอยู่ และเขาก็ได้พบกับใบหน้าที่แปลกประหลาดของลู่เสี้ยวหนิงอย่างใกล้ชิด… ที่จริงใบหน้าของเธอมันยังปกติดีอยู่ ที่ผิดปกติมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือดวงตา
ดวงตาของเธอนั้นบวมเป่งและเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงที่น่าหวาดผวา… ที่เบ้าตานั้นเขามองเห็นรอยเลือดจางๆไหลออกมา แสดงว่าดวงตานี้คงจะขยายเจาะกะโหลกออกมาและใกล้จะระเบิดตรงนี้เต็มทนนอกจากนี้เมื่อเขาเข้ามาใกล้ เขาก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดของเธอดังออกมา แม้จะไม่ได้ดังลั่นจนน่ารําคาญ แต่พอมา พูดในสถานที่อับๆแบบนี้เสียงของเธอก็ดังก้องไปทั่ว เสียงของเธอสะท้อนไปมาในอุโมงค์ราวกับเสียงกระซิบของปีศาจแห่งดินแดนอันมืดมิด มันทําให้หัวใจของกู้จวินคล้ายกับตกอยู่ในห้วงของพายุที่บ้าคลั่ง
และตอนนั้นเอง…เสียงแห่งความตายอันเป็นปริศนาก็ได้ดังขึ้น
เป็นผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่สงสัยคุณ ในความเป็นจริง…คนพวกนี้ทั้งหมดสงสัยในตัวคุณทั้งนั้นแม้ว่าคุณจะช่วยผู้หญิงคนนี้ด้วยจิตใจที่เปี่ยมเมตตาขนาดไหน ทุ่มแรงไปเท่าไหร่ คุณสละทุกอย่างเพื่อช่วยพวกมันแต่พวกมันก็ยังคงสงสัยในตัวคุณ…ถ้ําอย่างนั้นจะทําไปทําไมเล่าสิ่งเดียวที่รอคุณอยู่คือกระบอกปืนนะ…
เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่ดังออกมา มันเป็นจังหวะคล้องจองกันราวกับเพลงกล่อมเด็กที่มาจากขุมนรก เสียงอันแผ่วเบาแม้จะเบาจนแทบขาดหายแต่มันก็ทะลุออกจากความมืดมาสู่แก้วหูของคู่จวินจังหวะของเสียงนั้นโดดไปโดดมาแบบแปลกๆ หากแต่จังหวะของมันกลับดึงดูดความสนใจของกู้จวินอย่างน่าประหลาดขณะที่ฟังมันหัวใจของกู้จวินก็เต้นระรัวไปตามจังหวะและคล้อยตามไปในที่สุด
ผู้หญิงคนนี้สงสัยคุณ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องการให้คุณช่วยชีวิตเธอ ไอ้พวกหนอนปรสิตที่น่ารังเกียจเช่นนี้…พวกมันน่าขยะแขยง แต่คุณไม่เหมือนกับพวกเขา คุณไม่เคยเป็นแบบพวกเขาไม่ใช่ตั้งแต่คุณเกิด…
หัวของจวินเต้นรัวอย่างรวดเร็ว ผลของการเต้นเร็วทําให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวกับมีบางอย่างที่พยายามจะแยกหัวใจของเขาออกจากกั้น เขาเคยสัมผัสกับความรู้สึกนี้มาก่อนมันเป็นตอนที่เขานั่งอยู่ในโพรงต้นไทร และตอนนั้นก็ผู้คนในชุดคลุมสีดําและสีแดงกําลังเคารพบูชาเขา
ในตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นเพียงกู้จวินเท่านั้น แต่เขายังเป็นบุตรแห่งความโชคร้ายอีกด้วย
อาจขึ้น? นั่นเธอกําลังทําอะไรน่ะ!? ลุงต้านที่สั่งงานไปตั้งนาน แต่สิ่งที่เขาสั่งกลับไม่ได้รับการตอบสนองเขาก็เลยหันมามองเบื้องหลังนั่นก็คือคู่จวิน ทว่าเขาก็พบว่ากูจวินไม่ทําตามที่เขาสั่งเลย… เท่านั้นยังไม่พอกู้จวินยังยืนนิ่งทําตัวไม่รับรู้ว่าเขาจะสั่งอะไรอีกต่างหาก
นั่นทําให้คนอื่นๆสังเกตเห็นสิ่งนี้และหันไปมองกู้จวินทันทีด้วยความสงสัย…แต่ถึงกระนั้นกู้จวินก็ยังนิ่งไม่สนใจพวกเขาอยู่ดี
ไม่ช่วยก็ออกไปให้พ้นทาง! จางฮ่าวฮาวเห็นคู่จวินเอาแต่นิ่งท่ามกลางเสียงพึมพําของลู่เสี่ยวหนิงก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาคว้าเข็มที่มียาชาออกจากมือของคู่จวินและโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนที่จะรีบฉีดเข้าไปใน ตาขวาของลู่เสี่ยวหนิง แต่เขาฉีดเสร็จเพียงสองครั้ง….ก่อนที่จางฮ่าวฮาวจะเริ่มรู้สึกว่าโลกกําลังเคลื่อนไหวหมุนรอบตัวเขา ลุงต้าน…ดวงตานี้มีพลังงานผิดปกติ มันมีผลต่อสภาพจิตใจของฉันด้วยลุงอย่ามองดวงตาข้างนี้นานเกินไปนะ…
จางฮ่าวฮาวพูดด้วยความตื่นตะลึง เมื่อครู่เขาก็ได้ยินลุงต้านพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้… แต่ด้วยกําลังใจอันแข็งแกร่งเขาก็ฉีดยาชาครั้งที่ 3 ก่อนที่จะรีบหันหน้าตัวเองหนีห่างจากลู่เสี่ยวหนิงทันที… และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็พบว่าใบหน้าของเขานั้นมีสีหน้าที่ซีดเผือดราวกับซากศพ… จนเขาอดสงสัยว่าถ้าเกิดเขาจ้องมองมันนานมากกว่านี้เขาจะมีสภาพแย่กว่านี้ใช่หรือไม่
ลุงต้านรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และเขาก็เอ่ยเตือนทุกคน เพียงแต่ว่าความรู้สึกที่เขาจับได้เมื่อครู่นี้มันยังไม่ได้แข็งแกร่งเท่าปัจจุบัน… นั่นทําให้รู้ว่า…ถ้าเกิดเขาลงมือช้มากกว่านี้พลังแห่งการสะกดของดวงตานี่อาจจะมีมากขึ้นจนเขาอาจจะหยุดมันไม่อยู่
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะรีบผ่าตัดทันที… รอช้ไม่ได้อีกต่อไป
ลุงต้านรีบหันไปใส่หมวกและถุงมือ จากนั้นก็ทําความสะอาดเล็กน้อย เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเขาก็หันไปมองลูกตาของลู่เสี่ยวหนิง
ในใจของเขา เขาก็คิดถึงคําว่าตาในสมุดจดของเขาเอง…ในนั้นระบุไว้ว่าตาเป็นเพียงอวัยวะส่วนหนึ่งของมนุษย์มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของร่างกายมนุษย์ทั้งหมดและปัจจุบันดวงตาของลู่เสี่ยวหนิงได้ตายไปแล้วในทางเทคนิคแม้มันจะยังคงอยู่แต่มันก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป…
ในขณะที่มองมันเขาก็รู้สึกว่าดวงตานั้นต่างจากที่อื่น… มันไม่ใช่ดวงตาของคนปกติหากแต่มันเป็นหน้าต่างที่กักขังจิตวิญญาณของผู้คน… ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ลุงต้านรู้สึกเหมือนว่าเขาจะเห็นวิญญาณที่กําลังทรมานอย่างแสนสาหัสในดวงตาข้างขวาของลู่เสียวหนิง….และมันไม่ใช่วิญญาณของใครที่ไหนแต่มันเป็นวิญญาณของเขาเอง
ลุงต้าน! เสียงเรียกตะโกนของผู้เป็นหัวหน้าดังขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นว่าลุงต้านจ้องตาของลู่เสี่ยวหนิงแล้วไม่ขยับอยู่นานสองนาน… จังหวะนี้คําว่าจรรยาบรรณแพทย์หรือว่าคําว่าใบประกอบวิชาชีพไม่ใช่เรื่องสําคัญเสวี่ยป้ารีบวิ่งเข้ามาหาลุงต้านที่กําลังทุกข์ทรมาน และเมื่อมาถึงเขาก็รีบจับมือของลุงต้านแน่น… จังหวะนี้เองผู้คนโดยรอบรวมถึงเสี่ยป้ารู้สึกตื่นตระหนกกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง…ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความลึกลับที่ไม่ธรรมดาของดวงตาดวงนี้
ทุกคนต้องหยุดมองตาของแม่หนูแซ่ลู่เดี๋ยวนี้… ลุงต้านหลุดออกจากภวังค์ทันทีที่หัวหน้าเสวี่ยป้ามาแตะมือของเขา… แต่ถึงจะหลุดออกมาได้สภาพของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าลู่เสี่ยวหนิงที่กําลังนอนแอ้งแม้งอยู่เลย…
ใบหน้าของเขาคลับคล้ายกับว่าตกอยู่ในฝันร้ายมามากกว่า 10 ปี ใบหน้าที่ชราของเขานั้นเหี่ยวย่นมากกว่าเดิมราวกับมีอายุเพิ่มมากกว่าปกติถึง 20 ปี แม้กระทั่งยามพูด เสียงของเขาก็ยังแหบแห้งผิดปกติ
เห็นได้ชัดว่าการกระทําเมื่อครู่นี้มันทําให้สภาพร่างกายและจิตใจของเขาอ่อนแอขึ้นในพริบตาถึงกระนั้นลงต้านก็พยายามสูดหายใจเข้าหน้าอกลึกๆก่อนที่จะหันไปมองกู้จวินที่กําลังตกอยู่ในภวังค์ไม่ต่างกัน…
ฉันรู้ อาจขึ้น…ถ้าเป็นอาจขึ้นล่ะก็เขาต้องทําได้ ถ้าเป็นเขาล่ะก็ เขาต้องทําได้แน่นอน
กู้จวินเป็นคนที่มีจิตวิญญาณสูงโดยธรรมชาติ ซึ่งคุณสมบัตินี้ถือว่าหาได้ยากในบรรดาผู้คนทั้งหมด… ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่มีอะไรพิเศษอยู่บ้าง ดังนั้นแล้วคนที่มีจิตวิญญาณสูงอย่างเขาจึงกลายเป็นที่ต้องการในสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาทันที และสําหรับเฟคต้าที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆแต่ละแผนกจึงต้องการคนประเภทนี้มาอยู่ถ้าข้างกายกันทั้งนั้นไม่เช่นนั้นคนหลายแผนกไม่แย่งตัวเขากันหรอก ดังนั้นอิทธิพลของสายตาลู่เสียวหนิงที่มีต่อเขาก็จะอ่อนลงมากจนถึงขนาดที่จะทําอะไรเขาไม่ได้ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่โดนผลกระทบแบบคนอื่น!
กล่าวได้ว่าในตอนนี้ชายหนุ่มนาม กู้จวิน ก็คือความหวังเดียวของลู่เสี่ยวหนิง… เป็นความหวังเดียวของเธอที่จะรอดชีวิตอีกอย่างหนึ่งภายใต้สถานการณ์จับจ้องกันมานานแสนนานผู้คนในทีมที่เหลือล้วนสังเกตเห็นว่าแม้กู้จวินจะจ้องไปที่ลูกตาของลู่เสี่ยวหนิงอย่างต่อเนื่องแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย…
เพียงแต่พอเขาละสายตาจากลู่เสียวหนิงและมาครุ่นคิดเรื่องของเขาเอง เขาก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์แต่อย่างไรก็ดีก็ไม่มีใบหน้าความเจ็บปวดเหมือนกับเวลาที่คนอื่นจ้องหน้าลู่เสี่ยวหนิงอยู่ดีทําให้พวกเขาคิดว่าจวินนั้นน่าจะกําลังกลุ้มใจในเรื่องอื่นมากกว่า ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงเห็นว่ากูจวินเหมาะสมที่สุดในการทําการผ่าตัดครั้งนี้
ความหวังที่บังตาทําให้ทุกคนไม่ได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของคู่จวินในตอนนี้ไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้วใบหน้าของเขาเริ่มดําคล้ําขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งขอบตาของเขาก็เริ่มสั่นไหวอย่างแปลกๆใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมานของเขาเริ่มปรากฏขึ้นชัดเรื่อยๆคล้ายกับว่าเขากําลังถูกจะดึงไปอยู่ในโลกอื่น
แต่อย่างน้อยก็จวินก็พอได้ยิน
โอเค… กู้จวินตอบช้าๆ และกําลังจะเดินเข้ามาใกล้ๆ ทันใดนั้นเอง เสียงแปลกๆก็ได้ดังขึ้นอีกเสียงกระซิบยังคงดังก้องอยู่ข้างๆ หูของเขา
ไอ้พวกปรสิตพวกนี้สงสัยคุณ จนถึงขนาดอยากฆ่าคุณให้ตายแต่ท้ายที่สุดแล้วพวกมันต้องการให้คุณช่วยหนึ่งในพวกมันอยู่ดี…ดูสิ! ปรสิตที่น่ารังเกียจเช่นนี้… เสียงกระซิบพวกนี้เต็มไปด้วยความกระทบกระแทกและมีความกระแนะกระแหนอยู่ในประโยคจังหวะการพูดก็ดูรุนแรงมากขึ้นมันเว้นการพูดไว้สักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดประ โยคต่อไปออกมา
พอเถอะ! ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ตายไปซะ ปล่อยให้ความตายได้โอบกอดเธอ… ให้เธอกลับไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น มีแต่ความตายเท่านั้นที่คู่ควรกับปรสิตพวกนี้