ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 15
จำได้ว่าเมื่อก่อน มีใครบอกว่าเขาลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อไปเที่ยวรอบโลก? ถึงขนาดกับมีคนบอกว่าเขานั้นตายไปแล้วด้วย? ทว่าคนที่น่าจะตายกลับมาอยู่ในห้องนี้กับพวกเขา…หรือว่า?
“ สวัสดีทุกคน ไม่พบกันนานนะ” กู้จวินโบกมือทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มก่อนจะมองหวังรั่วเซียงเเล้วเอ่ยทักทายเเบบติดตลก “ สวัสดีท่านหัวหน้าชั้นเรียน”
หวังรั่วเซียงยืนอยู่ข้างโต๊ะทดลอง เธอมีผมสั้นสีดำเข้มและใบหน้าที่สวยงามทว่าตอนนี้ใบหน้าเธอดูค่อนข้างซีด ปัจจุบันเธอสวมเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวคล้ายเสื้อกาวน์ เธอดูเป็นผู้หญิงที่ดูห้าวเเก่นเเก้วโดยธรรมชาติ หวังรั่วเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นเขาเเต่ก็ตอบกลับด้วยดี “ สวัสดีกู้จวิน” แม้แต่เสียงของเธอก็ไพเราะเพราะพริ้ง
กู้จวินพยักหน้าตอบรับ หลังจากแยกจากกันสามเดือน เทพธิดาของคณะคนนี้ยังคงสวยงามมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เขาไม่ได้สนใจเธอเเบบเดิมอีก
“ เสี่ยกู้เเค่พักการเรียนไปธุระสำคัญและตอนนี้เขากลับมาแล้ว” ไช่ฉีซวนอธิบายสั้นๆ และเริ่มแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับกู้จวิน
คนนี้คือนักศึกษาภาควิชาคลินิก [ซูไห่]
ส่วนคนนี้คือ [จางห้าวหลัน] เขามาจากหลักสูตรแพทยศาสตร์
ส่วนนี่ [เหออี้หาน] เป็นสมาชิกของภาควิชาเภสัช เเละทุกคนเป็นสมาชิกของกลุ่มห้าคนทั้งหมดอยู่ในปัจจุบัน
ไช่ฉีซวนกระเเอมไอเเละสอบถามทุกคนอีกครั้ง “หัวหน้าชั้น, เสี่ยกู้ต้องการสังเกตการณ์ร่วมกับพวกเรา นั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่ไหม”
หวังรั่วเซียงกัดริมฝีปากของเธอใช้ความคิดเงียบ ๆ และไตร่ตรองก่อนที่จะพูดว่า “ก็ได้! คอยดูอยู่ข้าง ๆ เเล้วกัน อย่าทำอะไรวุ่นวาย”
‘เจ้าเสี่ยกู้’ เธอบ่นชื่อเขาในใจ เธอจำได้ว่าตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยปีเเรกๆ เธอยังคงประทับใจในตัวเขาอยู่ เเต่หลังจากนั้น เอ่อ…เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเมื่อมองย้อนกลับไปนึกถึงความรู้สึกในตอนนั้น
คนประเภทนี้เป็นคนเกียจคร้าน ขี้เกียจตัวเป็นขน เสพติดความชั่วร้ายทุกชนิดทั้งหมดที่หาได้บนโลก มันก็เหมือนกับเศษไม้ที่ตายแล้วซึ่งไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
แม้แต่โคลนก็ยังมีประโยชน์เเละสามารถใช้ปะติดกำแพงที่พังทลายได้ เเต่เขานั้นไร้ค่าเเม้เเต่โคลนยังไม่อาจจะเทียบ เขาเทียบกับหนูในการทดลองนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
การมีทำตัวมีประโยชน์เพียงอย่างเดียวของชีวิตเขาในการพัฒนาด้านการศึกษาทางการแพทย์ที่สามารถทำได้ก็คือ การอุทิศร่างกายให้กับคนที่อยากทดลองกับมนุษย์
“เเน่นอน! ฉันจะไม่ยุ่งย่ามงานพวกเธอเด็ดขาด” กู้จวินยืนอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง แต่เขารู้สึกว่าหวังรัวเซียงดูเหมือนกำลังคิดร้ายต่อตัวเขา เเต่เมื่อมองดูใบหน้าเฉยเมยของอีกฝ่าย เขาก็พบว่า….บางทีเขาอาจจะคิดมากไป
กรงเพาะพันธุ์หนูถูกวางไว้บนม้านั่งทดลองเป็นทิวเเถว แต่ละกรงมีหนูคุนหมิงสีขาวกลุ่มหนึ่ง นี่เป็นสัตว์ทดลองที่ใช้บ่อยที่สุด มันว่านอนสอนง่ายและตัวเล็กมาก น้ำหนักเพียง 18-22 กรัม เมื่ออายุ 1-1.5 เดือนมันจะมีความสูงกว่า 10 ซม. ซึ่งขนาดตัวประมาณนี้เหมาะสำหรับการทดลองมากที่สุด
ยกเว้นกรงเดียว…ในนั้นมีเพียงความว่างเปล่า หวังรั่วเซียงเพิ่งซื้อมันมาจากศูนย์สัตว์ทดลองของมหาวิทยาลัย เมื่อการสร้างแบบจำลองที่ประสบความสำเร็จเสร็จสิ้น บางทีกรงเปล่านี่อาจจะมีประโยชน์
ทันทีที่สมาชิกในทีมมารวมตัวกันครบทุกคน พวกเขาก็เริ่มลงมือทำงานทันที
‘ฉึบ!’ หวังรั่วเซียงสวมถุงมือยางและเริ่มจับหนูในกรงทันที หนูเหล่านี้ถูกย้อมด้วยสีที่แตกต่างกันเพื่อให้นับจำนวนได้สะดวก เธอจับหนูที่มีข้อความเขียนว่า “No 1” ออกมา ส่วนไช่ฉีซวน และคนอื่น ๆ ทำหน้าที่ช่วยเหลือในการบันทึกถ่ายวิดีโอ ฯลฯ
“ วันที่แปดของการปลูกถ่าย [เนื้องอก] ในช่องท้องในหนู S180” หวังรั่วเซียงศึกษาหนูอย่างมีสมาธิและจริงจัง จากนิ้วนิ้วเรียวบางก็กดหน้าท้องของหนูที่บวมอย่างเห็นได้ชัดเบาๆ ทันใดนั้นเองหนูตัวนั้นก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและดิ้นรนอย่างรุนแรง เเต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อมือของเธอจับหนูเอาไว้แน่น
เธอเมินเสียงร้องของหนูตัวนั้นเเละยังคงพูดต่อไป “ น้ำในช่องท้องของหนูเบอร์ 1 ยังคงขยายตัว…คล้ายกับท้องของกบ เเละมันยังมีอาการดีอยู่ดังนั้นยังไม่จำเป็นต้องกำจัดมันออกไป”
เมื่อฟังสิ่งที่เธอพูด สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นมากขึ้นทันทีและเริ่มส่งเสียงโห่ร้องดังๆ พวกเขารีบเบียดเสียดเข้ามาหาหนูตัวนั้นเพื่อดูใกล้ ๆ “ นี่เรียกว่าท้องกบเหรอ? ยอดเยี่ยมมาก!”
“ แท้จริงแล้วมันคือหำกบ มันใหญ่มาก” ไช่ฉีซวนพูดตลกเเละหัวเราะร่าด้วยความดีใจ
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นนักนักศึกษาชั้นปีที่แปดและอยู่ในช่วงปีสุดท้าย แต่ก็เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่จะทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เหมือนจริงเช่นนี้
“ โอ้!” กู้จวินก็เข้ามาดูด้วย เขาสามารถเข้าใจได้ว่าพวกนั้นกำลังทำอะไรอยู่ เเละทำไมทุกคนถึงดีใจขนาดนี้
เหตุผลในการสร้างหนูที่มีเนื้องอกในช่องท้องนั้นลำบากมาก อันดับแรกคือการได้รับเซลล์เนื้องอก S180 นั้นเกิดขึ้นได้ง่าย..หากเเต่ควบคุมได้ยาก
เเละใครๆก็รู้ว่าเซลล์เดิมนั้นมีราคาแพงมากเเค่ไหน เเถมเเค่หลอดเดียวก็เพียงพอที่จะฉีดหนูได้เพียงหนึ่งตัว ยิ่งไปกว่านั้นผู้ถูกทดลองยังบอบบางมากอีก เเต่กลุ่มของพวกเขากลับวางแผนวิจัยต่อซึ่งมันต้องเพาะเลี้ยงหนูเเบบนี้มากถึงหลายร้อยตัว
ดังนั้นขั้นตอนแรกเริ่มก็คือการสร้างตัวอย่างเเรกที่เป็นต้นเเบบออกมาก่อน เเละตอนนี้หนูได้ขยาย “ท้องกบ” ออกมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาก็สามารถ “เก็บ” เซลล์เนื้องอกในช่องท้องของหนูตัวนี้ได้
“กู้จวิน” หวังรั่วเซียงหันหน้าไปมองเขาอย่างกะทันหัน “ นายขยับออกไปได้ไหม นายกำลังขัดขวางการทดสอบของเราอยู่”
“ ได้เลย” กู้จวินยักไหล่และเดินจากไปทันที เเต่ใจลอบสบถ
‘ว้าว! เธอแน่ใจนะว่าฉันขวางเธออยู่ ฉันอยู่ห่างจากเธอมากกว่าหนึ่งเมตร แต่เธอยังกล้าเรียกฉันว่า “สิ่งกีดขวาง” ได้…เเบบนี้มันไม่เกินไปรึ’
ไช่ฉีซวนและคนอื่น ๆ แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้ไม่เห็น ในขณะที่หวังรั่วเซียงดำเนินการทดลองขั้นต่อไป
เธอเจาะช่องท้องของหนูหมายเลข 1 ด้วยเข็มฉีดยาขนาด 5 มล. และสกัดน้ำในช่องท้องสีเหลืองใสได้สำเร็จ จากนั้นเธอก็ฉีดมันเข้าไปในท่อใสทรงกรวยหรือหลอดไมโครเซ็นติฟิวก์ จากนั้นเธอก็นำหลอดทดลองไปใส่เครื่องหมุนเหวี่ยงเพื่อเริ่มการแยกสสาร หลังจากการหมุนเหวี่ยงเเยกสารเสร็จ เธอก็เห็นตะกอนสีขาวจำนวนมากที่ด้านล่างของท่อหมุนซึ่งเป็นเซลล์เนื้องอกในช่องท้องที่สกัดจนบริสุทธิ์เเล้ว
“ การสร้างแบบจำลองหนูหมายเลข 1 สำเร็จแล้ว” หวังรั่วเซียงถอนหายใจอย่างโล่งอกและเผยให้เห็นความสุขอย่างล้นหลาม เธอยิ้มอย่างมีความสุขให้กับสมาชิกในทีมทุกคน “ น้ำในช่องท้องมีเซลล์เนื้องอก S180 จำนวนมาก!”
“ใช่! ฮ่า ฮ่า!” พวกเขาทั้งหมดเป็นคนหนุ่มสาวสมัยใหม่และไม่มีใครสนใจความรู้สึกเจ็บปวดของหนูที่ถูกทดลอง พวกเขาโห่ร้องด้วยความยินดี ไช่ฉีซวนเริ่มแสดงความคิดเห็นอย่างดีใจ
“ ในที่สุดเราก็เข้าสู่ก้าวแรกสู่ความสำเร็จ!”
ขั้นตอนแรกประสบความสำเร็จเเล้ว ขั้นต่อไปคือการใช้เซลล์เหล่านี้เพื่อสร้างเนื้องอกใต้ผิวหนังให้กับหนูในกลุ่มการรักษา จากนั้นพวกเขาก็จะทำการบำบัดด้วยแสงหลังจากที่เนื้องอกก่อตัวขึ้น
ยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ พวกเขายังคงทำงานต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อย่างเเรกพวกเขาเอาส่วนเหนือตะกอนออกจากท่อหมุนเหวี่ยงจากนั้นก็ปรับความเข้มข้นของเซลล์
เพื่อคุณภาพของเซลล์ การฉีดสารทั้งหมดจะต้องเสร็จสิ้นภายในหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นพวกเขาจึงยุ่งอยู่กับหนูทดลองหมายเลข 1 อยู่อย่างนั้น
“ ปรับความเข้มข้นของเซลล์เป็น 1 × 10 ^ 7 / มิลลิตร …”
“ อี้หาน นายมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเซลล์ 0.2 มล. ต่อเข็ม”
“ ฉันเตรียมวางยาสลบแล้ว!”
พวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเสี่ยกู้สักนิด พวกเขาลืมไปด้วยซ้ำว่าเสี่ยกู้กำลังสังเกตอยู่ข้างๆพวกเขา
กู้จวินเฝ้าดูการดำเนินการทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ เขาเฝ้าดูเหออี้หานที่กำลังยุ่งอยู่กับการระงับเซลล์ ส่วนไช่ฉีซวนกำลังให้ยาระงับความรู้สึกลงในตัวหนูที่มีสุขภาพเเข็งเเรงด้วยการฉีดโซเดียมเพนโทบาร์บิทาลในช่องท้อง ในขณะที่ซูไห่และจางห้าวหลันติดป้ายชื่อหนูและกำจัดขนที่สะโพกอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดตัวทดลองก็ได้ถูกส่งต่อไปยังหวังรั่วเซียง ซึ่งเธอก็ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังด้วยเซลล์เนื้องอกที่สะโพกขวาของตัวหนูทดลอง
จากนั้นก็เริ่มฉีดทีละตัว ตั้งเเต่หมายเลข 1, 2, 3, ไปเรื่อยๆ การทดลองดำเนินการโดยใช้หนูตัวหนึ่งเมื่อเสร็จก็เปลี่ยนตัวใหม่
ทันใดนั้นอาการปวดหัวที่หายไปพักหนึ่งก็จู่โจมกู้จวินทันที ความเจ็บนี้มันเป็นเนื้องอกที่ก้านสมองใช่หรือไม่? เขากุมหัวด้วยความทรมาน
ความเจ็บปวดทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วและเขาอดไม่ได้ที่จะร้อง “ โอ๊ย!” สายตาของเขาเริ่มพร่ามัวและภาพตรงหน้าเริ่มสั่นจนมืดมัวดั่งภาพเเห่งฝันร้าย
ดูเหมือนเขาจะหายใจถี่ขึ้นเเละหายใจไม่ออกเท่าที่ควร ทิวทัศน์รอบตัวเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนเเปลงไปจากห้องทดลองสุดหรูกลายเป็นห้องทดลองที่ทรุดโทรม เครื่องหมุนเหวี่ยงกล้องจุลทรรศน์เครื่องฆ่าเชื้อและเครื่องมืออื่น ๆ ตกลงที่พื้น หลอดทดลองแตก, เอกสารยุ่งเหยิง, ภาพตู้พังๆ, ซากสัตว์เน่าจนส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ขี้เถ้ากลบทุกอย่างจนกลายเป็นสีเทาหม่นและไม่มีสัญญาณเเห่งชีวิต มีเพียงความสับสนวุ่นวายและความเงียบงันเท่านั้นที่ยังคงอยู่
ความเจ็บปวดในหัวของเขาร้ายเเรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทิวทัศน์ก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาสามารถแยกแยะเครื่องมือที่อธิบายไม่ได้บางอย่างได้อย่างชัดเจน
และเขาก็เห็นซากศพที่บิดเบี้ยวบนพื้นดิน เขาไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใดกันเเน่
จากนั้นเขาก็เห็นบรรทัดคำที่เขียนด้วยเลือดสาดกระจายไปทั่วผนังในห้องและมันคือภาษาลึกลับบนกล่องยา เมื่อเทียบกับแบบอักษรมาตรฐานของตัวอักษรที่พิมพ์แล้วบนกล่อง ลายเส้นที่เขียนด้วยเลือดนั้นน่าขนลุกและทำให้กระดูกทั่วร่าวของเขาสั่นสะท้าน เหงื่อไหลออกมาอย่างไม่อาจที่จะควบคุม
ทันใดนั้นกู้จวินก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเขาสามารถเข้าใจความหมายของคำเหล่านั้น
เขาเริ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“คนที่มองเห็นโลกไม่ได้หยุดอยู่แค่กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ”