ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 19
ในสัปดาห์ต่อมา กู้จวินยังคงทำกิจวัตรประจำวันเดิมของเขาต่อไปยกเว้นก็เเต่ตอนนี้เขาไปที่ห้องหนูในอาคารอิฐสีเหลืองทุกวันเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของหนูที่ถูกขังในกรง เเละดูว่าเจ้าหน้าที่ประจำตึก ดูเเลหนูของเขาดีหรือเปล่า? หนูตัวไหนมีปัญหาอะไรบ้างไหม?
เขาทำภารกิจเเบบปกติสำเร็จเพียงสามครั้งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเขาไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ “ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษา” ได้
แม้ว่าโรงพยาบาลจะอยู่ใกล้ ๆ แต่เขายังไม่ได้เป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง เเต่โชคยังดีที่งานที่เขาทำล้วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางการแพทย์ นั่นเลยทำให้เขาได้รับยามาอีกห้ากล่อง เเละยาที่ว่าก็อยู่ในมือแล้ว และทักษะมือเเห่งความเชี่ยวชาญก็ก้าวหน้าจนเกือบจะยกระดับขึ้น แต่มันก็ยังอยู่ในระดับแรก (3000/5000 คะเเนน) การยกระดับเเละการก้าวหน้า…ทุกอย่างอยู่ที่เวลา!
ในวันที่เจ็ด กู้จวินเข้าไปในห้องหนูไร้ขนพร้อมอุปกรณ์ปลอดเชื้ออีกครั้งและเริ่มจัดการตรวจสอบหนูไร้ขนทีละตัว
ผลก็คือไม่มีหนูตัวใดตาย เนื้องอกกลมคล้ายถั่วเหลืองเติบโตขึ้นใต้ผิวหนังทางด้านขวาของบั้นท้ายของหนูหมายเลข 1 เเละผลการวัดเนื้องอกก็พบว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 0.5 ซม.
ส่วนหนูหมายเลข 3 และหมายเลข 4 ก็เริ่มมีส่วนของเนื้องอกที่ยื่นออกมาให้เห็นเเล้วบ้าง โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.3 ซม. และ 0.5 ซม. ตามลำดับ
ในขณะที่หมายเลข 2 และหมายเลข 5 ยังไม่แสดงสัญญาณของการก่อตัวของเนื้องอกเเม้เเต่นิดเดียว
เมื่อมาถึงจุดนี้เขาสามารถยืนยันได้ว่าหนูไร้ขนทั้งห้าตัว มีเเค่สามตัวเท่านั้นที่เป็นเนื้องอกได้สำเร็จ
กู้จวินแบ่งหนูไร้ขนที่มีเนื้องอกตัวเเรกเป็นกลุ่ม A และหนูไร้ขนที่เพิ่งมีเนื้องอกเล็กลงมาหน่อย 1 ตัวเป็นกลุ่ม B ในขณะที่หนูไร้ขนอีก 2 ตัวซึ่งไม่มีเนื้องอกก็แบ่งออกเป็นกลุ่ม C และกลุ่ม D ตามลำดับ
จากนั้นเขาก็ไปที่ศูนย์วิจัยสัตว์เพื่อซื้อหนูไร้ขนที่มีสุขภาพดีเพิ่มอีก 10 ตัว และแบ่งออกเป็นสองกลุ่มโดยประกอบด้วยกลุ่ม E และกลุ่ม F
ส่วนกลุ่ม A C และ E จะได้รับ “ยาจากระบบ” ในปริมาณเท่ากันทุกวัน ในเวลาเดียวกันกลุ่ม B, D และ F จะไม่ได้รับยาใด ๆ ทั้งสิ้นและเป็นกลุ่มที่อยู่ในควบคุมดูเเลอย่างเคร่งครัด
โดยรวมแล้วมีเเค่ 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ หนูไร้ขนที่สร้างเนื้องอกได้สมบูรณ์ หนูไร้ขนที่ไม่มีเนื้องอกและหนูไร้ขนที่มีสุขภาพดี
แต่ละกลุ่มจะถูกกำหนดด้วย “ ยาจากระบบ” และกลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องใช้ยา…
เมื่อถึงขั้นนี้ กู้จวินก็ได้เตรียมการเเละเตรียมกรงไว้หกกรงบนโต๊ะทดลองและหนูไร้ขนพวกนั้นก็ส่งเสียงดังไปทั่วห้องทดลองเลยทีเดียว
กู้จวินปรับแต่งยาด้วยไอโซโทนิกประมาณ 25 แคปซูล เนื่องจากคำอธิบายของระบบระบุว่า…กล่องหนึ่งสามารถยืดอายุการใช้งานได้ห้าวัน
นั่นจึงหมายความว่าหนึ่งแคปซูลจะเทียบเท่ากับอายุการใช้งานหนึ่งวัน เนื่องจากภายในกล่องมีห้าแคปซูล นี่คือปริมาณสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นมนุษย์โดยเฉลี่ยและหนูไร้ขนเหล่านี้มีน้ำหนักต่ำกว่า 20 กรัมโดยเฉลี่ย
หากกู้จวินต้องให้ยาวันละหนึ่งแคปซูลเช่นเดียวกับปริมาณที่ให้มนุษย์ เขาก็ต้องเสียหนูไร้ขนที่มีอยู่ให้ไปสวรรค์ไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเเน่!
เขาเทผงยาทั้งหมดลงในแคปซูลเดียวและชั่งน้ำหนัก จากนั้นเขาก็แปลงน้ำหนักของหนูไร้ขนให้เป็นน้ำหนักของตัวเอง เพื่อหาปริมาณที่แนะนำ กำหนดวิธีการแก้ปัญหาและเจือจางยาตามสัดส่วน
ในไม่ช้ากู้จวินก็ถือเข็มฉีดยาที่เต็มไปด้วยสารละลายในมือข้างหนึ่งเเล้วมาจับหนูไร้ขนที่มีสุขภาพดีอยู่แล้วมาไว้ในอีกข้างหนึ่งและเริ่มการทดลองครั้งแรกของการให้ยาทางหลอดเลือดดำ
“อย่าดิ้นหน่า!” หนูไร้ขนตัวนี้ดิ้นรนเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าสงสารก็คือ ไม่ว่าหนูทดลองจะดิ้นยังไง มันก็ยังคงถูกฉีดยาด้วยเข็มของเขาอยู่ดีและเพื่อที่จะวัดผลได้ กู้จวินก็จำต้องทำเเบบนี้
ในขณะนี้การเต้นของหัวใจของกู้จวินเริ่มเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของเขาก็จ้องไปที่หนูไร้ขนนั่นโดยตาไม่กะพริบ
เขายังไม่ได้ทดสอบความเป็นพิษของ “ ยาจากระบบ” เลยจนถึงวินาทีนี้ ถ้ามันตายอย่างกะทันหัน บางทีการทดลองนี้อาจสูญเสียความหมายทั้งหมด ตอนนี้เขาจ้องไปที่นาฬิกา 5 นาที 10 นาที…เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป หนูไร้ขนทั้งหลายก็ยังไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีความเป็นพิษชัดเจนใน “ยาจากระบบ” กู้จวินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ ฉันยังต้องสังเกตหาสารพิษที่ออกฤทธิ์ช้าอีกนี่”
จากนั้นเขาก็จัดการวิธีแก้ปัญหาให้กับหนูตัวต่อไป หลังจากใช้เวลาสิบนาทีในการให้ยากับหนูอีกเจ็ดตัวในอีกสามกลุ่มที่ต้องใช้ยา เขาก็ยังคงสังเกตต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง เเละหนูเหล่านั้นไม่มีการตอบสนองที่ผิดปกติใด ๆ พวกหนูเหล่านั้นยังคงสามารถส่งเสียงร้องเสียงดังและกินอาหารกับน้ำได้อย่างปกติ
“ เพื่อนหนูที่รัก โปรดปลอดภัยด้วยเถิด” กู้จวินพึมพำเเล้วใช้มือกดลงบนหัวที่ปวดร้าวของเขา อาการของเขาแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
“ ได้โปรดได้ผลเถอะ ฉันขอร้องล่ะ.”
***
ในวันที่สองและสาม กู้จวินยังคงมาที่ห้องหนูไร้ขนพวกนี้ทุกวัน
เนื้องอกในกลุ่มหนูไร้ขนโดยไม่ใช้ยาในกลุ่ม B ได้เพิ่มขึ้นจาก 0.3 ซม. เป็น 0.6 ซม. ในขณะที่น้ำหนักตัวและสภาพจิตใจไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้
อย่างไรก็ตามขนาดของเนื้องอกยังคงเท่าเดิมสำหรับหนูกลุ่ม A ที่ได้รับการดูเเลเป็นพิเศษ เเละในอีกสองวันต่อมา มันยังคงรักษาระดับเนื้องอกไว้ที่ 0.5 ซม. ดั่งเดิม
กู้จวินรู้ถึงผลที่ตามมาของ“ ยาจากระบบ” ซึ่งมันก็ได้ผลจริง! แคปซูลเหล่านี้สามารถยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้อย่างมีปริศนา
ในทางกลับกัน หนูไร้ขนอีกตัวที่ได้รับยา..เเม้จะยังไม่หายเเต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก ด้วยผลจากบันทึกนี้เองมันก็หมายความว่า
“ ยาจากระบบ” ดูเหมือนจะไม่มีผลเสียและไม่ทำลายการทำงานของร่างกาย
“ บางทีคราวนี้ฉันจะรอดชีวิตได้จริงๆเหรอ!?” กู้จวินคิดกับตัวเอง แม้ว่าความไม่สบายใจยังคงตามหลอกหลอนหัวใจของเขา แต่ความหวังใหม่ก็สว่างขึ้นในเวลาเดียวกัน
วันที่สี่ วันที่ห้า … ในพริบตาเดียว หนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไป
เนื้องอกในหนูเปลือยกลุ่ม B มีขนาด 1.5 ซม.เเล้ว เนื้องอกขนาดมหึมาผิดกันอย่างมากกับร่างกายที่ผอมเเละอ่อนเเอของหนูไร้ขน ดูผิวเผินเหมือนมันเริ่มลดน้ำหนักและสูญเสียจิตวิญญาณไป
อย่างไรก็ตามหนูไร้ขนทั้งสองตัวนี้ ที่ตัวหนึ่งอยู่ในกลุ่ม A ยังคงอยู่ในสภาพที่มั่นคง ไม่เจ็บป่วยและหนูที่ได้รับยาทั้งหมดก็รอดชีวิตได้ดี แทบไม่มีความแตกต่างจากหนูที่ตั้งเป็นกลุ่มควบคุมด้วยซ้ำ
เขาต้องบอกว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลองนี้น่าพอใจเกินไป
ผลของยาที่เขียนเป็นภาษาต่างประเทศที่ได้มาจากระบบนั้นดีกว่ายาเฉพาะที่ของเนื้องอกโมเลกุลขนาดเล็กอันดับต้น ๆ ในตลาดในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม กู้จวินก็รู้ว่าอาการไม่พึงประสงค์ของ “ยาจากระบบ” นั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ทั้งหมด ผลการทดลองในตอนนี้พิสูจน์ได้เพียงว่าจะไม่มีผลข้างเคียงในระยะสั้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการทดลองในสัตว์อีกด้วย มันไม่ใช่เเม้กระทั่งมนุษย์…ทำให้ทุกอย่างกลับสู่จุดศูนย์ทันทีที่เริ่มคิด
อย่างไรก็ตามผลของการทดลองนี้ก็คุ้มค่าสำหรับเขาที่จะเสี่ยง
หลังจากเขียนพินัยกรรมในช่วงบ่ายของวันนั้นเเล้ว กู้จวินก็มาถึงห้องรอของแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น
มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกสำหรับโรงพยาบาลฝ่ายฉุกเฉินเเห่งนี้ที่จะเต็มไปด้วยเสียงโวยวายเเละอึกทึก อีกทั้งสภาพแวดล้อมก็เต็มไปด้วยความแออัด ทั่วทุกพื้นที่มีเเต่ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เอาเเต่ร้องไห้และมีพ่อแม่คอยปลอบโยน ในขณะที่ฝั่งพยาบาลได้เเต่เดินอย่างทุลักทุเลเพื่อเข็นเตียงของผู้ป่วยไปตรวจโรคร้ายตามอาการที่พวกเขาเป็น….
ท่ามกลางความจอแจ บรรกาศการเรียกคิวของแผนกฉุกเฉินยังคงยุ่งดั่งเดิม จากนั้นไม่นานเสียงเรียกหมายเลขผู้ป่วยก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“หมายเลข 182 เฉินจื่อหยาง หมายเลขที่ 183 หวังหยู่ซวน หมายเลขที่ 184 หวงซีฉวน …”
กู้จวินโยนแคปซูล“ ยาจากระบบ” เข้าไปในปากอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วจิบน้ำแร่เพื่อกลืนลงไปอย่างง่ายดาย
“ขอให้ได้ผล!” เขามองไปที่ป้ายฉุกเฉินบนกำแพงอย่างใจเย็น จากนั้นก็ทำใจเเละลอบอธิฐาน
“ หากมีปฏิกิริยาที่เป็นพิษจริง! ก็ขอให้ตายๆไปเลย จะได้ไม่ยุ่งยากอีก!”