ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 63
“พวกเขาดีกว่าพวกเราใช่ไหม?”
ร่างจางๆร่างนั้นเอนตัวอยู่บนโต๊ะนิ่งๆ และพึมพำคนเดียวด้วยเสียงแผ่วเบาซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้า ถึงจะบ่นเบาๆ เเต่นี่คือสถานที่อับ ดังนั้นจึงไม่เเปลกเลยที่เสียงจะดังก้องไปทั่วห้องใต้ดิน
เเละร่างนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกตกใจจากน้ำเสียงสะท้อนที่เเสนสับสนของตนเอง ดวงตาของกู้จวินหรี่ลงในขณะที่สายตาที่ลุกโชนของเขาพยายามโฟกัสไปที่ใบหน้าของร่างนี้
เขาต้องหาให้ได้ว่าคน ๆ นี้เป็นมนุษย์หรือไม่ ทว่าการมองเห็นของเขาก็เริ่มพร่ามัว และทันใดนั้นตะเกียงน้ำมันก็หล่นลงมา ทำให้ภาพเบื้องหน้านั้นถูกตัดไปจนหมดสิ้น
ในช่วงสุดท้ายก่อนที่ตื่นจากนิมิต กู้จวินเห็นศพนั่นลุกขึ้น…จากนั้นก็กระโจนเข้าไปร่างจางๆของบุคคลนั้นจนเลือดสาด…มันเป็นภาพที่น่ากลัว
“อ๊ากกกก!” ความตกใจที่รุนแรงทำให้กู้จวินกลับเข้าสู่ความเป็นจริง ตอนนี้ลมหายใจที่หนักหน่วงของเขาเริ่มถี่ขึ้น เขาพยายามขดตัวเข้าหากันเพื่อป้องกันอาการประหม่า เเต่ก็เเทบไม่ได้ผล
ในขณะที่มือสั่นเทา เขาก็พยายามดิ้นรนเพื่อให้มีดผ่าตัดอยู่ในกำมืออย่างเเน่นหนา ทุกครั้งที่เขาเห็นภาพ เขาก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของพลังจิตส่วนใหญ่ที่ค่อยๆเเผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขา
“เกิดอะไรขึ้น? หน้านายซีดๆนะ” หวังรั่วเซียงพบพฤติกรรมแปลก ๆ ของกู้จวินเข้า เธอจึงถามด้วยวามเป็นห่วง
“ ไม่มีอะไรหรอก” เมื่อมองการแสดงออกที่อ่อนโยนของหวังรั่วเซียงเสร็จ กู้จวินก็หันไปหา ไช่ฉีซวนและยิ้มอย่างบิดเบี้ยว
จากนั้นกู้จวินก็ถามพวกเขาด้วยอาการที่เงียบสงบ
“ทุกคน…เห็นเจ้านี่เเล้วพวกนายไม่คิดเหรอว่า ‘มัน’ น่ะ เป็นเลิศประเสริฐกว่ามนุษย์ทุกๆด้านน่ะ” คำพูดของกู้จวินทำให้เด็กหนุ่มสาวทั้งหมดไม่ว่าจะกลุ่มตนเองหรือคนเฝ้าดูที่อยู่ข้างนอกถึงกับงุนงง
กู้จวินหันไปหาศาสตราจารย์ฉินโดยไม่รอคำตอบของเพื่อนร่วมทีมเเต่อย่างใด จากนั้นเขาถามเสียงดัง
“ ศาสตราจารย์ฉินครับ คุณจะประเมินคะแนนความฉลาดของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ไว้ว่าอย่างไร?”
ตามโครงสร้างทางกายวิภาคของพวกมัน สิ่งมีชีวิตนี้เหนือกว่ามนุษย์อย่างมากเเละเหนือกว่าทุกๆด้านเลย เป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่ความฉลาดของพวกเขา…นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไม…ร่างจางๆในนิมิตนั้นถึงได้สิ้นหวัง?
เเละที่สำคัญกว่านั้น ‘ผู้จัดงาน’ ได้รับตัวอย่างนี้มาได้อย่างไร?
คำถามนี้จากกู้จวิน ทำให้เสียงพูดคุยกันรอบๆสถานที่เงียบหายไปในพริบตาและบรรยากาศก็อึมครึมลงอย่างกะทันหัน นักศึกษาและอาจารย์ทุกคนในที่นี้เข้าใจจุดประสงค์ของคำถามนี้ได้อย่างง่ายดาย พวกเขาโหยหาคำตอบเช่นเดียวกับกู้จวินเหมือนกัน
เเต่……
“ กู้จวิน ฉันดีใจที่ได้ยินคุณถามคำถามนี้นะ” ศาสตราจารย์ฉินตอบอย่างจริงจัง “ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้กับคุณที่นี่ได้ เเต่ในอนาคตคุณจะพบคำตอบนี้เอง”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน แต่ใคร ๆ ที่ได้ฟังคำตอบของเขาก็สามารถบอกได้ทั้งนั้นว่าสิ่งมีชีวิตที่พวกเขากำลังผ่านี้มีระดับสติปัญญาที่สุดยอดเเบบผิดปกติ
อันดับแรกของการเเข่งขัน คือโรคที่ผิดปกติทางพันธุกรรมเเบบน่าพิศวง…มนุษย์ต้นไทรที่น่าสะอิดสะเอียน
พอมาตอนนี้ก็เป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ผิดปกติทที่คาดเดาไม่ได้….
ราวกับว่าความว่างเปล่าที่หนาวเย็นทำให้จักรวาลความคิดของพวกเขาทั้งหมดแตกสลาย และสามัญสำนึกของฝูงชนทั้งหลายก็ถูกดูดเข้าไปในดินเเดนที่มืดหม่นเเละมีเเต่คราบสีเทา
เมื่อเห็นว่าผู้ได้รับการคัดเลือกรอบเเรกหยุดมือเเล้วเเต่มองกู้จวิน ศาสตราจารย์ฉินจึงเตือนเบา ๆ “นักศึกษา…เหลือเวลาอีกเพียง 15 นาทีเท่านั้น ไปทำงานต่อได้เเล้ว!”
พอได้ยินเสียงเตือน ทุกคนก็กลับเข้าสู่การปฏิบัติผ่าตัดต่อทันใด กู้จวินก็เลิกถามคำถามและล้มเลิกความคิดอื่น ๆ ของเขาออกไปเช่นกัน เขาพาเพื่อนร่วมทีมทำการทดสอบต่ออย่างเชี่ยวชาญ
15 นาทีสุดท้ายก็ไหลผ่านไปในที่สุด เมื่อระฆังส่งสัญญาณสิ้นสุดลง คู่แข่งทุกคนต้องหยุด ไม่ว่าพวกเขาจะพอใจกับผลงานของพวกเขาหรือไม่ก็ตาม
“ ขอบคุณทุกคนสำหรับการทำงานหนักและความพยายามของคุณ” ศาสตราจารย์ฉินกล่าวในตอนท้ายของการเเข่งขันเเล้วพยักหน้าชื่นชม “ ทุกคนทำได้ค่อนข้างดี”
คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำให้กำลังใจ
เพราะในการทดสอบนี้ทีมของกู้จวินได้ทำการถอดกระดูกลาเมลลฺล่าออกอย่างไม่คาดคิด เเถมด้วยความเร็วที่เกินคาดและแม่นยำมาก ทำให้กลุ่มอื่น ๆ ทำตามเเละลอกเลียนเเบบเขาจนสามารถผ่านเเบบทดสอบนี้ไปได้เเบบไม่มีปัญหาเพิ่มเติม
เป็นครั้งแรกที่ไม่มีทีมใดลงเอยด้วยการแยกชิ้นส่วนศพจนเละเทะ!
ด้วยเหตุนี้หลังจากการพูดคุยกันแล้วกรรมการจึงตัดสินใจเลือกคนที่มีทักษะพิเศษอีกสองสามคนเข้ามา
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา รายชื่อสุดท้ายของนักศึกษาไม่กี่คนที่ถูกเลือกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ เเละมีนักศึกษาที่ผ่านทั้งหมดเก้าคน
กู้จวิน หวังรั่วเซียง และ ไช่ฉีซวน เป็นสามชื่อที่อยู่ด้านบนสุดของรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบทำให้ทุกคนประหลาดใจที่ทั้งสามคนได้กลายเป็น 3 อันดับแรกในกลุ่มผู้มีความสามารถจำนวนมากนี้!
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งคนจากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นที่ผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับเกือบท้ายๆ เขาคือ หม่าเจียฮวา จากทีมพิเศษที่นำโดยศาสตราจารย์หยู เขาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 6 ของหลักสูตรเเพทย์คลินิค 8 ปี
มีนักศึกษาสองคนได้รับการคัดเลือกจากมหาลัยชิงหยุน นั่นก็คือ ซุนอี้เหิงเเละหยางหมิง
นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาวิทยาลัยแพทย์จื่อหัวคนหนึ่งชื่อ โจวอี้
นักศึกษาวิทยาลัยแพทย์ตงหยางคนหนึ่ง เฉิงอี้เฟิง
และมีนักศึกษาผู้หญิงหนึ่งคนจากโรงเรียนแพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นนามเจียงปันเซี่ยหลุดเข้ามาเป็นคนสุดท้าย!
เมื่อฝูงชนเห็นผลลัพธ์นี้ก็ทำให้ทุกคนมีสีหน้าแปลกใจ ในตอนแรกศาสตราจารย์ฉินกล่าวว่าเขาจะเลือกเพียงสองหรือสามคน เเต่กลับมีถึง 9!
เเละตอนนี้กลุ่มคณะกรรมการต่างก็ดีใจกันอย่างล้นหลาม ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นประวัติการคัดเลือกครั้งใหญ่สำหรับพวกเขา
การแข่งขันครั้งนี้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบและเหล่านักศึกษาก็ต่างควบคุมอารมณ์ได้ดี อีกทั้งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นไม่ได้ฉวยโอกาสที่จะด่าทอและเยาะเย้ยมหาวิทยาลัยชิงหยุนกลับ
ในขณะที่พิธีกรประกาศยุติการเเข่งขันของช่วงเช้า พวกเขาก็เริ่มปรบมือปลอบใจคู่แข่ง ภายใต้คำแนะนำของศาสตราจารย์ฉิน อาจารย์และนักศึกษาที่เข้าชมทุกคนปฏิบัติตามอย่างเหมาะสมและยอมรับผลงานที่โดดเด่นของนักศึกษาที่เข้าร่วมการเเข่งขันทั้งหมด โดยเฉพาะนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือก 9 คนที่ยืนอยู่ในสนาม
จากตำแหน่งของกู้จวิน เขาสามารถเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยภาคภูมิใจและอบอุ่นจากศาสตราจารย์กู้ ซูไห่เเละเฮ่ออี้หาน พวกเขาทั้งปรบมือให้กับทีมของเขาอย่างจริงจัง
1
อย่างไรก็ตามความหดหู่บนใบหน้าของนักศึกษาที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้นปรากฏอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสมาชิกในทีมพิเศษของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นและมหาวิทยาลัยชิงหยุน
พวกเขาเชื่อมั่นเต็มที่ในความสามารถของกู้จวินและหวังรั่วเซียงแต่พวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าไช่ฉีซวนเองก็ได้รับเลือกให้อยู่เหนือพวกเขาด้วยเช่นกัน พวกเขาพากันนินทาไช่ฉีซวนอย่างโหดร้าย ‘ถ้าไอ้หัวล้านนั่นไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับกู้จวิน มันจะผ่านเรอะ!? ไอ้หัวล้านมันจะไปดีกว่าเขาได้ยังไง’
ในขณะที่ไช่ฉีซวนมองพวกเขาเเล้วก็ได้เเต่ถอนหายใจอย่างสำรวม “ บางครั้งโชคชะตาก็เป็นสิ่งที่ยุติธรรมเหมือนกันนะ…”
“ นักศึกษา” สายตาของศาสตราจารย์ฉินมองไปที่นักศึกษาที่ผ่านเข้ารอบทั้งเก้าคน “ สำหรับตอนนี้พวกคุณกลับไปจัดการอารมณ์และความคิดของคุณที่ที่พักก่อน พวกเราจะพบคุณในเช้าวันพรุ่งนี้”
พวกเขาทั้ง 9 พยักหน้าตอบรับ และเตรียมแยกย้ายกลับกันไป ทันใดนั้นกู้จวินก็เอ่ยถาม “ ศาสตราจารย์ฉินครับ ผมสามารถผ่าศพนี้ต่อไปได้ไหมครับ? ผมต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่ผิดปกตินี้ครับ”
ณ ตอนนี้เขาเหลือภารกิจเพียง 35% จากการผ่า ภารกิจนี้ต้องการการวิเคราะห์ในระดับที่แม่นยำและเชิงลึกมากขึ้น
กู้จวินเป็นเหมือนอัญมณีในสายตาของกรรมการ นอกจากนี้กู้จวินยังได้ทำตัวคล้ายกับคนที่กระหายที่จะพัฒนาและความรู้อย่างจริงจัง
ตามที่คาดไว้ ไม่มีเหตุผลที่ศาสตราจารย์ฉินจะปฏิเสธเขา ในความเป็นจริงศาสตราจารย์ฉินรู้สึกประทับใจกู้จวินและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจด้วยซ้ำ
“ แน่นอนว่าใครก็ตามที่ต้องการดำเนินการต่อ สามารถทำได้เลย ตัวอย่างเหล่านี้เป็นของคุณ”
ดังนั้นนักศึกษาทั้งเก้าคนจึงจำต้องทำการผ่าต่อไป ประการแรก…พวกเขาไม่ต้องการที่จะดูขี้เกียจในสายตาศาสตราจารย์ฉิน ประการที่สอง สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ทำให้พวกเขาสนใจ
ในที่สุดเช้าวันอันยาวนานก็ใกล้เข้ามา ศาสตราจารย์ฉินก็ออกจากที่พักของเขา นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ยังคงเข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางคลินิกแบบปกติภายใต้กลุ่มผู้ตัดสินคนละส่วนกัน
ในขณะที่เขาเฝ้าดูเเผ่นหลังที่ค่อยๆห่างไปของศาสตราจารย์ฉินและคณะกรรมการคนอื่นๆ ความกังวลอีกหลายอย่างทำให้จิตใจของกู้จวินแย่ลง
ตอนนี้ฉันอาจถูกเลือก แต่ภายหลังก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์นั่น….
ในความคิดของเขา ภาพเลือนลางของพ่อแม่ก็โผล่ขึ้นมาเงียบๆ หากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเขาเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับแผนกก็จะไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ สายสัมพันธ์ของเขากับพ่อแม่ของเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เขาควรรายงานเรื่องนี้ให้พวกคณะพิจารณาทราบหรือไม่นะ? เเต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำนายหรือควบคุมผลของการทำเช่นนั้นได้