ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 91
ในห้องผ่าตัดที่กว้างขวางเเละเงียบสงบ ศัลเเพทย์มือใหม่ของโต๊ะผ่าตัดทั้งสามก็กำลังการผ่าตัดดำเนินไปอย่างต่อเนื่องภายใต้เเสงไฟสว่างไสวด้วยโคมไฟที่ไร้เงาตามลำดับ
บนโต๊ะผ่าตัดโต๊ะกลาง กู้จวินกำลังลงมือทำแผลที่ผิวหนังขนาด 15 ซม. บนตัวของสัตว์หน้ามนุษย์ พอผ่าเสร็จเขาก็เอ่ยปากออกคำสั่งเบาๆ “ขอ ‘กรรไกรโค้ง’”
เนื่องจากการกรรไกรผ่าตัดแบบโค้งนั้นสามารถที่จะลงมีดได้ดีกว่าในกรณีของการผ่าตัดทรวงอก เเละไช่ฉีซวนซึ่งยืนอยู่ทางขวามือของเขาก็รีบส่งกรรไกรโค้งมาให้กู้จวินในทันที
กู้จวินรับกรรไกรนั้นมาและค่อยๆหั่นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแต่ละชั้นออก ตั้งเเต่กล้ามเนื้อผิวหนัง และกล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อหน้าท้อง ในขณะที่หวังรั่วเซียงซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขานั้นมีท่าทีเงียบและจดจ่ออยู่กับการห้ามเลือดเพียงอย่างเดียว
ทั้งสามคนจมอยู่กับปฏิบัติการผ่าตัดอย่างเต็มที่ ถึงเเม้บางครั้งพวกเขาจะสังเกตเห็นสีหน้าของมนุษย์จากใบหน้าของสัตว์หน้ามนุษย์ที่น่ากลัวบ้าง แต่พวกเขาก็เมินมันเเละคิดว่ามันเป็นเพียงพื้นหลังไร้ความสำคัญใดต่อเป้าหมายของเขา ทำให้อัตราการโฟกัสลดน้อยลงไปในทันที
กู้จวินต้องพิถีพิถันอย่างมากเพื่อลดความเสียหายของเนื้อเยื่อของสัตว์หน้ามนุษย์ กรรไกรต้องอยู่ใกล้กับขอบกระดูกของซี่โครงมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นเลือดและเส้นประสาทระหว่างอวัยวะเพศ หากเส้นเลือดถูกตัดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ…นั่นจะเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริงสำหรับศัลยแพทย์มือใหม่เเบบเขา!
อย่างไรก็ตามเขายังคงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณเเห่งการเเพทย์ พลังงานทางจิตใจที่เต็มไปด้วยสติที่มั่นคง สายตาอันกล้าเเกร่งและความแข็งแกร่งของข้อมือของเขาถูกควบคุมอย่างแม่นยำ และเขาก็ค่อยๆผ่าลดระดับลงจากขอบทีละนิดอย่างต่อเนื่อง…ไม่มีฉากที่น่าสยดสยองของเลือดที่เเตกกระจายออกมาอย่างที่เขาคิด การผ่าเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่โดนเส้นเลือดเเม้เเต่นิดเดียว
“ เปิดเครื่องช่วยหายใจ” กู้จวินพูดขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการทำงาน ใบหน้าของเขาก็ยังคงไร้ความรู้สึกและคำพูดของเขาค่อนข้างเงียบสงบเล็กน้อย ฉีซวนเองเขาก็รู้หน้าที่ เขาไม่ยอมให้กู้จวินเหนื่อยมากเกินไป เขาตะโกนเรียกคนทันที “พยาบาลหมุนเวียนมาเปิดเครื่องช่วยหายใจ เร็วเข้า!”
โต๊ะปฏิบัติการแต่ละตัวจะมีเครื่องมือทั่วไป เช่น เครื่องช่วยหายใจและเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เเละบางส่วนถูกนำไปใช้ในตอนที่พยาบาลหมุนเวียนนำสัตว์หน้ามนุษย์เข้ามาวางไว้ที่นี่เพื่อช่วยในการหายใจ เมื่อเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเรียกของไช่ฉีซวน พยาบาลหมุนเวียนเข้ามาอย่างรวดเร็วและช่วยเปิดเครื่องช่วยหายใจของสัตว์โดยทันทีเพื่อให้ออกซิเจนผ่านทางเดินหายใจของสัตว์หน้ามนุษย์ได้สะดวกมากขึ้น
เเละช่วงเวลาที่สัตว์หน้ามนุษย์หายใจออก กู้จวินก็รีบผ่าเปิดกล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงและเยื่อหุ้มปอดทันที!
ด้วยความเร่งด่วนของสถานการณ์ทำให้เขาตื่นเต้นเเละมีชั้นเหงื่อเล็กน้อยเกิดขึ้นที่หน้าผากของเขา แต่มือของเขายังคงนิ่งเเละผ่าตัดอย่างใจเย็น “ ผ้าขนหนู” พอได้รับผ้าจากไช่ฉีซวนเขาวก็างผ้าขนหนูที่ผ่านการฆ่าเชื้อแบบเปียกไว้ที่ขอบของรอยบากของการผ่าตัดโดยไว จากนั้นก็สั่งต่อ “ รีเทนเนอร์” พอได้รับจากฉีซวน เขาก็ใส่รีเทนเนอร์ลงบนผ้า “ รีเทรคเตอร์” จากนั้นเขาก็เอารีเทรคเตอร์มาเเละขยายรอยบากให้เท่า ๆ กัน เขาขยายพื้นที่สำหรับการผ่าตัดมากว้างอย่างเหมาะสมอย่างที่สุด และติดยึดพื้นที่ผ่าตัดด้วยรีเทรคเตอร์เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ปิดไปเสียก่อน
เมื่อถึงจุดนี้ก็เป็นจุดสำคัญของการผ่าตัดเเล้ว
ตอนนี้กู้จวินกำลังทำการผ่าตัดเข้าสู่หัวใจ บริเวณหน้าอกที่มีอาการขยับขึ้นลงเล็กน้อยได้ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ ตรงเบื้องของกู้จวินคือพื้นที่ผ่าตัดที่เต็มไปด้วยเลือดเเละเส้นเลือดใกล้ๆเยื่อหุ้มหัวใจมากมาย…
ในเวลาเดียวกันกลุ่มผู้ชมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็พากันมากระซิบกับโจวเจียเฉียง
“ ศัลยแพทย์หลักตรงนั้น คือกู้จวิน” ใบหน้าของหัวหน้าเเผนกชิวนั้นเต็มไปด้วยความเมตตาในขณะที่เขาพูดชื่อกู้จวิน มันคลับคล้ายกับว่าเขากำลังอวดลูกชายที่เเสนน่ารักของเขาอยู่ แต่ความพึงพอใจของเขาที่มีต่อกู้จวิน เห็นได้ชัดว่าไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะทุกคนต่างก็คิดเเบบเดียวกับหัวหน้าชิวทั้งนั้น “ ฮ่า ฮ่า คนรุ่นต่อไปมีความสามารถจริงๆ” แม้ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ เเต่เบื้องหน้าของพวกเขาก็ยังมีบางสิ่งที่ทำให้พอใจ เเละการค้นพบชายหนุ่มที่น่าทึ่งคนนี้เป็นหนึ่งในความพอใจเเละเรื่องดีๆ เหล่านั้น
ศัลยแพทย์หลัก ‘คนใหม่’ ทุกคนประหลาดใจ นี่คล้ายกับก้อนทองคำอันโดดเด่นในหมู่ของเเร่เงิน! วันนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อค้นหาผู้ช่วยคนที่สาม แต่พวกเขากลับได้พบผู้ช่วยคนที่สองมาแทนเสียนี่!
สัตว์หน้ามนุษย์ยังคงรักษาลักษณะทางกายภาพของสุนัขไว้ได้ ผนังหน้าอกของมันมีความโค้งมาก และขอบของไดอะแฟรมอยู่ต่ำกว่าสุนัขเท่าไปเล็กน้อย
ทำให้มีปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อยในการผ่าตัดมัน ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทดลองทั่วไปอย่างมาก อย่างไรก็ตามงานฝีมือผ่าตัดของกู้จวินนั้นเป็นปรากฎการณ์หายากเเละยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง มือของเขามั่นคงและรวดเร็ว บรรดาคนเข้าชมมองกู้จวินหลายรอบเเละคิดอยู่หลายครั้งว่าเด็กคนนี้จะต้องตัดเส้นเลือดเพื่อดำเนินการผ่าต่อไปเเน่นอน แต่ผลก็คือเขาไม่ทำเช่นนั้น!
คนหลายคนจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘สัญชาตญาณสัมผัส’ แบบมืออาชีพ สิ่งนี้นำไปใช้กับอาชีพศัลยแพทย์เช่นกัน พวกเขาสามารถ “สูดดม” บริเวณที่มีปัญหาและจะหาวิธีจัดการกับปัญหาตามความคิดของตนเอง….เเต่นั่นมมันก็เเค่พื้นฐาน การรับรู้ “ความรู้สึกของกลิ่น” และทักษะจากความเชี่ยวชาญนี้ต้องใช้ประสบการณ์หลายปีในการพัฒนามัน
เเต่จากที่ดูการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยมของกู้จวิน ดูเหมือนว่าเขาจะพัฒนาความสัญชาตญาณสำเร็จเรียบร้อยแล้ว บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญเเละพรสวรรค์อันสูงล้ำ นี่มันไม่ต่างอะไรกับไอ้เฒ่าเจนศึก! แต่พวกเขาได้ยินมาว่านี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกของเขาด้วยซ้ำ!
คนที่มีความสามารถแบบนี้….เขาเกิดมาเพื่อทำศัลยกรรมอย่างแท้จริง
เขาเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาเพื่อ ‘วงการเเพทย์’
“ หัวหน้าทีมชิว! ฉันเคยคิดว่าคำพูดของคุณดูเกินจริงไปเยอะมาก เเละไม่คิดจะเชื่อมันเลย…เเละวันนี้ฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่เชื่อ! ดูสิ! นั่นเทพที่มีชีวิตที่ไหน เขาเป็นปรมาจารย์มหาเทพต่างหาก”
“ เขามีความเชี่ยวชาญระดับนี้แล้ว มีอะไรให้สอนอีกบ้าง? มาๆ ให้เขามาเป็นผู้ช่วยคนที่สามของฉัน…ฉันจะดูเเลเขาเอง”
พวกเขาพูดกันอย่างนุ่มนวลเพราะกลัวว่าจะรบกวนศัลยแพทย์มือใหม่เบื้องหน้า
ในเวลานี้ ‘จู้รุ่ยเหวิน’ หนึ่งในศัลยแพทย์หลักคนใหม่ เขาเองไม่พอใจเเต่ก็ไม่สามารถโต้ตอบเสียงดังได้ เขาจึงเริ่มเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นมาเล็กน้อย “ ผู้ช่วยคนที่สาม? ทำไมคุณถึงมองคนต่ำเเบบนั้น? ด้วยทักษะของเขาไม่มีปัญหาที่จะให้เขาเป็นผู้ช่วยคนที่สองเลย ฉันจะให้เขาเป็นผู้ช่วยคนที่สองของฉัน”
“ เเต่เรายังคงต้องดูเทคนิคการผูกห้ามเลือดเเละการผ่าตัดของเขาก่อนนะ!”
หัวหน้าทีมชิวเฝ้าดูผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแสดงเหตุการณ์การปล้นผู้คนอีกครั้งและเขาพบว่ามันตลกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยปากหยุดการโต้แย้งเล็กน้อยของพวกเขาทันที เเละทำตัวเหมือนผู้อาวุโสฉินในครั้งนั้น
“ หยุดเสียงดัง เราอยู่ในห้องผ่าตัดกันนะ มาดูการผูกเส้นเลือดปิดเเผลปิดงานของเขาก่อน อาเฉียง…นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการผ่าศึกษา หากพวกเขาทำได้ขนาดนี้ก็น่าจะเป็นผู้ช่วยได้ ให้พวกเขาหยุด ‘ชำเเหละ’ สักที เริ่มเสร็จสิ้นการผ่าตัดได้เเล้ว”
“รับทราบครับ” โจวเจียเฉียงก้าวไปข้างหน้าและถ่ายทอดคำสั่งของเบื้องบนทันที สีหน้าของเขาในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพอใจในตัวเองมาก
กู้จวินกำลังจะทำการตรวจเยื่อหุ้มหัวใจเพิ่มเติมอีกสักหน่อย เเต่ในเวลานี้เองที่เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่อยู่ข้างๆเขาก็ส่งเสียงเตือน ‘ติ๊ดๆ’ ออกมาอย่างน่ากลัว
ใบหน้าของหวังรั่วเซียงตึงเครียดขึ้น “เเย่เเล้ว! สัตว์หน้ามนุษย์มีภาวะหัวใจหยุดเต้น”
กู้จวินไม่ได้หูหนวก เเต่เขาเงียบเเละชั่งน้ำหนักค่าบนจอภาพ จากนั้นเขาก็ระบุว่ามันเป็นกรณีทั่วไปและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ การฉีดอะดรีนาลีนทางหลอดเลือดดำต้องใช้ 0.2 มล. ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม”
สุนัขหน้าตามนุษย์ตัวนี้มีน้ำหนัก 16.3 กิโลกรัม หรือก็คือต้องใช้ 3.26 มล.
“ 3.26 มล. …” ไช่ฉีซวนพึมพำและนับอย่างระมัดระวัง “ นี่คือจำนวนที่ต้องใช่ถูกไหม???” กู้จวินและหวังรั่วเซียงเเทบจะร้องพร้อมกัน “ ใช่สิ!”
เเต่เพื่อความเเน่ใจกู้จวินก็กำชับอีกครั้ง“ ใช้ปริมาณใดก็ได้ระหว่าง 3-4ml. เร็วเข้า!”
ไช่ฉีซวนรีบใช้เข็มฉีดยาข้องอแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อจ่ายยาและเรียกให้พยาบาลหมุนเวียนจับไปที่ขาหลังของสัตว์หน้ามนุษย์เพื่อฉีดยาเข้าเส้นเลือดอย่างไวว่อง
หลังจากฉีดยา [เอ็นไพร์เพอรีน] แล้ว การเต้นของหัวใจของสัตว์หน้ามนุษย์ก็กลับมาคงที่อีกครั้งและไม่ต้องรับการรักษาใดๆ เพิ่มเติมเพื่อยื้อชีวิตอีก
ที่ด้านข้างของหัวหน้าทีมชิว กลุ่มผู้ชมต่างเฝ้าดูในขณะที่กู้จวินจัดการกับสถานการณ์เร่งด่วนเเละฉุกเฉินนี้อย่างสงบโดยไม่มีความยุ่งยากใด ๆ หรือผิดพลาดประการใดด้วยซ้ำ! พอเห็นเเบบนั้นพวกเขาก็ระเบิดคำชมเชยอีก!
ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันระหว่างการผ่าตัดเป็นสิ่งที่น่ากลัว ใคร ๆ ก็รู้ว่าต้องใช้อะดรีนาลีน แต่บางคนก็คิดไม่ถึง!!
โดยเฉพาะมือใหม่!! ที่เพิ่งเริ่มผ่าตัดเป็นครั้งเเรก พวกเขามักจะเกิดอาการร้อนรนและหัวว่างเปล่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กฝึกงานที่จะแสดงฝีมือระดับเทพออกมาได้อย่างกู้จวิน
เเต่พวกเขาก็็ยังให้ความสนใจกับการผ่าตัดอีกสองโต๊ะเช่นกัน ซึ่งมีความหมายน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับมหาเทพกู้จวิน!
เเม้ทั้งสองโต๊ะจะผ่าตัดทรวงอกเหมือนกัน อย่างไรก็ตามศัลยแพทย์หลักอีกสองคนยังคงง่วนอยู่กับการพยายามสกัดกั้นการไหลเวียนของเลือดที่เเตกกระจายออก เนื่องจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น บาดแผลที่ลึกเกินไป และเส้นเลือดถูกตัดขาดพวกเขาจึงต้องใช้มีดไฟฟ้าเพื่อทำการยับยั้งการเสียเลือด โชคดีที่นี่เป็นเพียงสัตว์ทดลองเท่านั้น…ถ้าเป็นคนล่ะก็….พวกเขาไม่อยากจะคิดจริงๆ ว่ามันจะเลวร้ายถึงเพียงไหน ดีๆ ไม่ดีคนไข้อาจจะช็อคจนตาย