ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1004 แผนการของเทวาที่หนึ่ง
บทที่ 1004 แผนการของเทวาที่หนึ่ง
หลังจากพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ออกจากเมืองทศพิธก็ชมการประลองต่อ พวกเขาถึงขั้นที่ไม่นึกกังวลถึงอันตรายแล้ว
ต่อให้แผนการของเทวาที่หนึ่งจะน่ากลัวแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำลายล้างเมืองทศพิธได้ในทันที
กองกำลังชั้นแนวหน้ามากมายของฟ้าบุพกาลล้วนรวมตัวกันอยู่ทั่วเมืองทศพิธ หากเทวาที่หนึ่งนำขุนพลพินาศของเขาบุกมาโจมตีก็ยังไม่มีกำลังมากพอ!
หลังจากเต้าจื้อจุนตกรอบไป จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนก็พ่ายแพ้เป็นรายต่อมา
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ พอชมมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ผู้ชมทั้งหมดล้วนยากจะตัดสินได้ว่าใครจะกลายเป็นผู้เลิศล้ำหมื่นยุค
อู๋เซียงเทียนเซี่ยและหานฮวงต่อสู้ห้ำหั่น ทั้งสองฝ่ายต่างดุดันยิ่ง ทำให้เกิดการคาดเดาขึ้นในเมืองทศพิธว่าทั้งสองอาจจะตายตกไปตามกัน
ทางฝั่งหวงจุนเทียนที่เอาชนะเต้าจื้อจุนได้เริ่มพักผ่อนฟื้นฟูแล้ว มู่หรงฉี่ที่เอาชนะจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนมาได้ก็ไม่รีบร้อนลงมือเช่นกัน
ต่อให้จับคู่ต่อสู้แล้วก็ยังเหลืออยู่อีกห้าคน ไม่สามารถประลองกันตัวต่อตัวได้อยู่ดี ย่อมต้องเกิดการต่อสู้ตะลุมบอนขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะหลังผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว
หลังจากอู๋เซียงเทียนเซี่ยสำแดงวิชาพ้นนิวรณ์ ก็ครองความได้เปรียบมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะหานฮวงได้ ผลัดกันรุกรับไปเช่นนี้ ทำให้เหล่าผู้ชมที่เลือกข้างเขาต่างเหงื่อตกแทนแล้ว
ฟ้าดินพังถล่ม เกิดเสียงดังกัมปนาทไม่ขาดสาย อู๋เซียงเทียนเซี่ยโจมตีจนหานฮวงล่าถอยไปอีกครั้ง ยังคงครองความได้เปรียบอยู่
หานฮวงดูสะบักสะบอมอย่างเห็นได้ชัด ทว่าแววตาของเขากลับฉายแววตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ อู๋เซียงเทียนเซี่ยเห็นแล้วฉงนอย่างยิ่ง
อู๋เซียงเทียนเซี่ยถึงขั้นที่รู้สึกเหมือนถูกหยอกเล่นอยู่
ยิ่งทำให้เขาโมโหขึ้นเรื่อยๆ
อักขระสีดำรอบตัวเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใบหน้าที่ก่อตัวอยู่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน รัศมีพุ่งทะยานขึ้นไป
วันต่อมา เทพมารขุนพลสวรรค์เอาชนะโจวซ่งต้าเต้าเทียนได้ แต่ตัวเขาก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
ภายในวันเดียวกันนั้น กวนปู้ไป้พ่ายแพ้ต่อราชันเทวาฟ้าไพศาล ถูกเทพมหาทัณฑ์ส่งตัวกลับไปยังเมืองทศพิธ
แต่ในขณะเดียว ราชันเทวาฟ้าไพศาลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน ก็เริ่มนั่งสมาธิฟื้นฟู
เหลือเพียงอู๋เซียงเทียนเซี่ยและหานฮวงที่ยังคงต่อสู้อย่างดุเดือด
การต่อสู้ดำเนินต่อไป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
อู๋เซียงเทียนเซี่ยและหานฮวงยังต่อสู้กันอยู่ ทั้งสองเปลี่ยนสถานที่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ ทำลายล้างพื้นที่รอบข้างอย่างบ้าคลั่ง
หากรูปการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงโลกมหามรรคอวิชชาพังถล่มอย่างสิ้นเชิงก็ยังไม่แน่ว่าพวกเขาจะตัดสินแพ้ชนะได้
หวงจุนเทียน มู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์และราชันเทวาฟ้าไพศาลยังคงเฝ้ารออยู่
มู่หรงฉี่และเทพมารขุนพลสวรรค์สบตากัน ลุกขึ้นมา
เวลานี้เอง เสียงของของราชันเทวาฟ้าไพศาลแว่วเข้ามา “ทั้งสามท่าน เข้าต่อสู้ตะลุมบอนไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เอาชนะอู๋เซียงเทียนเซี่ยให้ได้ มองจากรูปการณ์แล้ว หานฮวงมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย หากว่าพวกเรารอต่อสู้ตัดสินกันต่อไป พวกเราจะเหลือเศษหนึ่งคนอยู่ดี จะสามารถต่อกรกับหานฮวงหรืออู๋เซียงเทียนเซี่ยได้หรือ
“หากว่าขณะที่พวกเราสู้กันอยู่ เกิดหานฮวงพ่ายแพ้แล้วอู๋เซียงเทียนเซี่ยเริ่มฟื้นฟูกำลัง เช่นนั้นจะไม่แย่ไปใหญ่หรือ”
มู่หรงฉี่และเทพมารขุนพลสวรรค์ต่างใคร่ครวญเงียบๆ
จากคำพูดของราชันเทวาฟ้าไพศาลคล้ายจะพุ่งเป้าไปที่อู๋เซียงเทียนเซี่ย หากว่าพุ่งเป้าไปที่หานฮวง พวกเขาย่อมไม่เอาด้วยแน่นอน
จากที่สู้กันมาถึงตอนนี้ อันที่จริงพวกเขามองออกแล้วว่าหานฮวงสู้อู๋เซียงเทียนเซี่ยไม่ได้จริงๆ
หากยังสู้กันแบบจับคู่ประลองต่อไป หากหานฮวงพ่ายแพ้ระหว่างที่พวกเขาสู้อยู่จะทำอย่างไรเล่า
เสียงของหวงจุนเทียนแว่วเข้ามา “อันที่จริงก็จับคู่ประลองกันมาพอแล้ว หากเกิดสงครามเข่นฆ่าขึ้นในฟ้าบุพกาล ไม่มีทางต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวไปตลอด ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการรุมโจมตีหรือไม่ก็เอาชนะให้ได้ถึงแม้จะมีศัตรูมากกว่า หากพิจารณาจากจุดนี้แล้ว ทุกคนก็เข้าร่วมต่อสู้ตัดสินกับอู๋เซียงเทียนเซี่ยและหานฮวงเถิด ข้าคิดๆ ดูแล้ว ผู้บำเพ็ญในเมืองทศพิธก็คงรอคอยที่จะได้เห็นฉากนี้เช่นกัน”
มู่หรงฉี่และเทพมารขุนพลสวรรค์สบตากัน ต่างมองเห็นความหวั่นไหวในแววตากันและกัน
สมควรทำเช่นนี้จริงๆ!
เมื่อเป็นเช่นนี้ บุตรแห่งสวรรค์ทั้งสี่จึงพากันเหาะขึ้นมา พุ่งเข้าหาหานฮวงและอู๋เซียงเทียนเซี่ย
เทพมหาทัณฑ์เฝ้ามองฉากนี้จากที่ไกลๆ ขมวดคิ้วแน่น
สายตาของเขามองไปที่ชิงเทียนเสวียนจี ชิงเทียนเสวียนจียังคงดูดซับพลังวิญญาณของโลกมหามรรคอวิชชาอยู่ กลิ่นอายแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เทพมหาทัณฑ์อยู่ท่ามกลางศึกสะท้านฟ้าดิน
เขานึกถึงเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ ความรู้สึกยุ่งเหยิงว้าวุ่นอย่างยิ่ง
เสียงโห่ร้องดังขึ้นในเมืองทศพิธ เนื่องจากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหกเริ่มตะลุมบอนกันแล้ว!
“เช่นนี้สิถึงจะน่าสนใจ!”
“สมควรทำเช่นนี้แต่แรกแล้ว จับคู่ประลองน่าเบื่อเกินไป!”
“แล้วก่อนหน้านี้ผู้ใดเล่าที่พูดจากดสำนักซ่อนเร้น”
“ผู้เลิศล้ำหมื่นยุคที่แท้จริงถึงจะตกอยู่ในอันตรายเผชิญหน้ากับมวลหมู่ศัตรูก็สมควรจะเอาชนะให้ได้ เช่นเดียวกับอริยะสวรรค์เกรียงไกร!”
“อู๋เซียงเทียนเซี่ยลำบากแล้ว!”
….
บุตรแห่งสวรรค์ทั้งหกต่อสู้ตะลุมบอนกัน ต่างคนต่างสู้เพื่อตัวเอง พลังวิเศษระเบิดรุนแรง เห็นผู้ใดก็โจมตีใส่ผู้นั้น สถานการณ์โกลาหลวุ่นวายอย่างยิ่ง แม้แต่อู๋เซียงเทียนเซี่ยก็ตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง โชคดีที่อู๋เซียงเทียนเซี่ยมีวิชาพ้นนิวรณ์คุ้มกายอยู่
มู่หรงฉี่และเทพมารขุนพลสวรรค์ยังคงซื่อตรงยิ่ง โจมตีหานฮวงด้วยเช่นกัน หานฮวงไม่เพียงแต่ไม่ขุ่นเคืองเท่านั้น กลับตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก
“เยี่ยมมาก! สนุกเหลือเกิน!”
หานฮวงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น เรียกอาวุธเทพชิ้นหนึ่งออกมา ฟาดฟันบุกเข้าสู่ศูนย์กลางการต่อสู้อีกครั้ง
ขณะที่บุตรแห่งสวรรค์ทั้งหกต่อสู้ตะลุมบอนกัน เทวาที่หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นด้านหลังชิงเทียนเสวียนจี
เทพมหาทัณฑ์เหลือบมองเทวาที่หนึ่งเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ขัดขวาง
เทวาที่หนึ่งผสานตัวเข้าสู่ร่างของชิงเทียนเสวียนจีจากทางด้านหลัง จากนั้นชิงเทียนเสวียนจีก็ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืน มุ่งหน้าสู่ช่องทางที่เชื่อมต่อสู่ฟ้าบุพกาล
การกระทำนี้ของเขาทำให้เมฆอัสนีบนนภาซัดตลบ
เขากระโจนเข้าสู่อุโมงค์มืดมิดอย่างรวดเร็ว หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
อีกด้านหนึ่ง
ร่างแยกของเทพมหาทัณฑ์ที่อยู่ในห้องโถงถ่ายทอดเสียงหาหานเจวี๋ย เล่าถึงข้อตกลงระหว่างเขาและเทวาที่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้เทวาที่หนึ่งติดต่อมาหาเขา ต้องการให้เขาทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างไปเสีย เขาต้องการโค่นล้มฟ้าบุพกาล ไม่มีทางทำลายสรรพสิ่งฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยพูดไม่ออกอย่างยิ่ง
เหตุใดคนผู้นี้ถึงยอมเชื่อง่ายขนาดนี้
ฟังไปสักพักหานเจวี๋ยถึงได้เข้าใจ เทวาที่หนึ่งเอ่ยถึงบรรพชนเทพปฐมกาล
ในอดีตเทวาที่หนึ่งก็เคยถูกบรรพชนเทพปฐมกาลสะกดไว้เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายหัวอกเดียวกัน ทราบดีว่าเบื้องหลังของเจตจำนงฟ้าบุพกาลยังมีตัวตนที่สูงส่งกว่าอยู่ ตำแหน่งผู้นำดวงจิตมหามรรคนี้รั้งไว้ไม่ได้แล้ว อีกทั้งเทวาที่หนึ่งยังบอกว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรและเหล่าจื่อรวมถึงผู้ทรงพลังรายอื่นๆ ต่างเข้าร่วมเป็นพันธมิตรแล้ว ดังนั้นจึงยอมปล่อยผ่าน
เทวาที่หนึ่งเผยเรื่องพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามรวมถึงชิงเทียนเสวียนจี บอกว่าเป็นเพราะได้รับความเห็นชอบจากอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้ว เขาถึงได้ส่งตัวทั้งสี่มาเข้าร่วมได้ ด้วยเหตุนี้เทพมหาทัณฑ์จึงยอมเชื่อและไม่ได้สอบถามหานเจวี๋ยอีก ด้วยเกรงว่าจะถ่วงรั้งแผนการ
“หากเรื่องนี้ล้มเหลว ข้าจะบอกว่าท่านไม่มีส่วนรู้เห็นขอรับ ข้าจะแบกรับทุกอย่างเอาไว้ หากว่าสำเร็จ ท่านก็จะได้ฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจ ไม่มีภัยคุกคามอยู่เหนือหัวอีก” เทพมหาทัณฑ์ถ่ายทอดเสียงบอกกล่าวเช่นนี้
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะประเมินเทพมหาทัณฑ์สูงกว่าเดิม
รู้ความยิ่งนัก
เห็นได้ชัดเทพมหาทัณฑ์ไม่ได้ไว้วางใจเทวาที่หนึ่งอย่างสมบูรณ์ แค่หยั่งเชิงเท่านั้น ถึงอย่างไรต่อให้เขาปฏิเสธไป ก็เท่ากับล่วงเกินเหล่าจื่อ มหาเทวาพ้นนิวรณ์และเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล กลืนไม่เข้าคายไม่ออก มิสู้ลองตามน้ำไปก่อนดีกว่า
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงตอบ “แยกเสี้ยววิญญาณของเจ้าให้ข้า”
เทพมหาทัณฑ์แยกวิญญาณเสี้ยวหนึ่งออกมาทันที ทั้งสองดำเนินการรวดเร็วยิ่ง ด้วยตบะระดับพวกเขาแล้วเพียงพอที่จะไม่ทำให้ใครหน้าไหนรู้ตัวได้
หลังจากเก็บเสี้ยววิญาณของเทพมหาทัณฑ์ไว้แล้ว หานเจวี๋ยก็ชมการต่อสู้ต่อไป
วันต่อมา เขาสัมผัสได้ห้วงมิติในพื้นที่ชายขอบเมืองทศพิธผันผวนยิ่งขึ้น มีคนกำลังติดตั้งค่ายกลอยู่ ต้องการกักขังเมืองทศพิธทั้งหมดไว้
เป้าหมายของเทวาที่หนึ่งคือขังหานเจวี๋ยไว้ แล้วค่อยสะบั้นทำลายกฎเกณฑ์สูงสุด
ผู้ทรงพลังจากทั่วฟ้าบุพกาลรวมตัวอยู่ในเมืองทศพิธแล้ว ขอเพียงกักขังพวกเขาไว้ ก็ไม่มีใครมาขวางการสะบั้นกฎเกณฑ์สูงสุดของเทวาที่หนึ่งได้อีก
ส่วนเจ้านวฟ้าบุพกาล ต่อให้รู้ตัวขึ้นมาก็จะถูกขัดขวางโดยผู้สร้างมรรคาอีกสองราย!