ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1045 จุดสูงสุดของโลกมหามรรค
บทที่ 1045 จุดสูงสุดของโลกมหามรรค
ห้วงอวกาศโกลาหลวุ่นวาย หมอกหนาที่เกิดจากพลังวิเศษเข้าปกคลุม เมื่อทอดสายตามองออกไป ทั่วทุกแห่งหนของห้วงมิติปรากฏรอยแตกร้าว เผยให้เห็นห้วงมิติประหลาดที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ถึงขั้นที่ปรากฏสีขาวโพลนของดินแดนเวิ้งว้างขึ้นในรอยแตกร้าวบางส่วนด้วย
หานฮวงควบคุมปฐมยุคสิ้นสูญสองสายไว้ เขาสวมอาภรณ์สีแดงสดทับด้วยเกราะเงินงามวิจิตร คาดเข็มขัดสีแดงเส้นหนึ่งที่ดูคล้ายเส้นเอ็นไว้ที่ช่วงเอว เรือนผมยาวของเขาปลิวสยาย สายตาเย็นชาจดจ้องเงาร่างหนึ่งที่โจมตีเข้ามาแต่ไกล
เงาร่างนั้นดำทะมึนไปทั้งตัว มีปราณสีขาวแปลกประหลาดพัวพันอยู่รอบกาย ด้านหลังมีภาพมายาของวิญญาณพยาบาทนับไม่ถ้วน คล้ายจะเชื่อมติดอยู่กับแผ่นหลังของเขาแต่ก็ดูเหมือนวิญญาณร้ายที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากร่างเขา
เหล่าอริยะมหามรรคที่อยู่รอบข้างก็หยุดมือลงเช่นกัน
“นั่นคือสิ่งใดกัน”
จ้าวเซวียนหยวนขมวดคิ้วเอ่ยถามออกไป ไม่มีผู้ใดตอบเขา แม้แต่เหล่าตานผู้รอบรู้ก็ขมวดคิ้วแน่น สายตาจ้องมองเงาดำอวลปราณขาวเขม็ง
เงาดำปราณขาวนั้นก็คือดวงจิตประหลาด!
ดวงจิตประหลาดกลืนกินวิญญาณร้ายเป็นอาหาร ไม่นับเป็นสิ่งมีชีวิต ทว่ามีความสามารถน่าหวาดหวั่นที่เหนือชั้นกว่าคุณสมบัติทั้งหมด
หานเย่เอ่ยกระซิบ “ระวังหน่อย เจ้าตัวนี้ค่อนข้างประหลาด ไม่มีไอชีวิตเลยสักนิด ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแน่นอน”
หานป้าเสินส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “หรือจะเป็นสิ่งที่กำเนิดขึ้นจากกฎเกณฑ์สูงสุด”
“ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ยังมีบรรพชนหานฮวงอยู่ หากพวกเขาบาดเจ็บกันไปทั้งสองฝ่ายก็ดี พวกเราจะได้มีโอกาส”
หานเหยาเอ่ยเสียงเบา สายตาของเขามองไปยังหานฮวงและเงาร่างแปลกประหลาดนั้น แววตาเปี่ยมด้วยความไม่ยอมแพ้
ไม่ใช่แค่หานเหยาเท่านั้น ทางฝั่งสำนักซ่อนเร้นก็ได้รับแรงกระตุ้นอยู่ลึกๆ เช่นกัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับหานฮวง อริยะมหามรรคนับร้อย ยอดมหามรรคกว่าสิบคนร่วมมือกันต่อสู้ แต่ล้วนถูกหานฮวงสะกดข่มได้ทุกครั้ง ความรู้สึกนี้น่าอึดอัดเกินไปแล้ว
ยิ่งมีพรสวรรค์เลิศล้ำเท่าไรก็ยิ่งได้รับความสะเทือนใจมากเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นจ้าวซวงเฉวียนและชิงเทียนเสวียนจี แววตาที่มองหานฮวงเต็มไปด้วยความโมโหโกรธา นัยน์ตาแดงฉานไปหมด
หานฮวงมองหยามดวงจิตประหลาด เอ่ยถามออกไป “เจ้าคือตัวอะไร”
ดวงจิตประหลาดเปล่งเสียงหัวเราะน่าสยอง “ข้าน่ะนับว่าคุ้นเคยกับเจ้าดี แต่เจ้าไม่เคยพบเห็นข้าเลย”
คุ้นเคยดีอย่างนั้นหรือ
หานฮวงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าวาจานี้หมายความว่าอย่างไร เขามีชีวิตมากว่าแปดสิบล้านปีแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เคยพบพานมีมากมายเหลือเกิน เขาจะจำแน่ชัดได้อย่างไร
หรือว่านี่คืออดีตตัวตนอ่อนแอที่เขาเคยพบพานในอดีต แต่ตอนนี้พลิกโฉมไปเป็นคนละคนแล้ว
กลิ่นอายของเจ้าสิ่งนี้ประหลาดเหลือเกิน ทำให้เขารู้สึกพรั่นพรึงได้ในแบบที่ไม่รู้สึกมานานมากแล้ว
ดวงจิตประหลาดหัวเราะฮี่ๆ เอ่ยไปว่า “ข้าก็ต้องการกฎเกณฑ์สูงสุดสายนี้เช่นกัน ให้ข้าได้หรือไม่”
หานฮวงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว”
พอสิ้นเสียง ดวงจิตประหลาดพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา ปราณขาวรอบกายกลายสภาพเป็นตาข่ายยักษ์กางคลุมฟ้า ครอบทับหานฮวงเอาไว้
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเกินไป เร็วจนอริยะมหามรรครายอื่นๆ ตั้งตัวไม่ทัน
ทว่าไม่มีผู้ใดนึกเป็นห่วงหานฮวงเลย
ครืน…
ปราณขาวพิสดารนั้นถูกพลังอันแกร่งกล้าทำลายทิ้ง ปฐมยุคไร้สิ้นสูญในมือขวาของหานฮวงทะลวงผ่านไปโจมตีดวงจิตประหลาด
ทันใดนั้นดวงจิตประหลาดพลันลืมตาขึ้น สองเนตรแดงฉาน ห้วงมิติสองด้านข้างกายหานฮวงบีบตัวเข้ามา ลากดึงเขาเข้าสู่มิติประหลาดที่อยู่ลึกเข้าไป
ถึงอย่างไรหานฮวงก็ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนย่อมไม่ตระหนกเลย เขาควบคุมปฐมยุคไร้สิ้นสูญทำลายล้างห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่า ค้นพบดวงจิตประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โจมตีสังหารมัน
ทว่าดวงจิตประหลาดปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขาอีกครั้งในทันใด วิญญาณพยาบาทนับไม่ถ้วนขู่คำรามโจมตีใส่หานฮวง
ในความมืดมิด หานฮวงสัมผัสถึงพลังแห่งกรรมอันแกร่งกล้าที่เข้าควบคุมร่างตน ทำให้เขายากจะขยับตัวได้
เขาโคจรพลังลึกลับแกร่งกล้าที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ภายในร่างตนทันที สลายพลังแห่งกรรมออกไป ฉากมายาสารพัดโถมเข้ามาอีกครั้ง ทำให้เขาจมดิ่งสู่ห้วงสังสารวัฏ
ดวงจิตประหลาดฉวยโอกาสที่หานฮวงตกอยู่ในห้วงมายารุดเข้าโจมตีทันที ทว่าหานฮวงยังคงควบคุมปฐมยุคไร้สิ้นสูญไปตามสัญชาตญาณ ทำลายล้างมันอีกครั้ง
ดวงจิตประหลาดก่อกายเนื้อขึ้นใหม่อีกครั้ง เขาพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเด็กคนนี้วิปริตเกินไปแล้ว…สมกับเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสท่านนั้น…”
หานเจวี๋ยที่อยู่ห่างไกลออกไปในดินแดนทะเลสาบหลากสีสันได้ยินวาจาของเขา
หานฮวงแสดงผลงานได้ไม่เลวจริงๆ แม้ว่าจะถูกฉุดลากเข้าสู่ห้วงมายาอันไร้ที่สิ้นสุด ทว่าเขายังคงต่อสู้ฟาดฟันไปตามสัญชาตญาณได้
ไม่นานนักหานฮวงก็หลุดพ้นจากพลังวิเศษของดวงจิตประหลาด เข้าโรมรันกับดวงจิตประหลาดอีกครั้ง
ทั้งสองยากจะตัดสินแพ้ชนะได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มีผู้ใดด้อยไปกว่าผู้ใดเลย
อีกด้านหนึ่ง
อริยะมหามรรคและยอดมหามรรครายอื่นๆ หมายตากฎเกณฑ์สูงสุดกันอีกครั้ง เริ่มต่อสู้ช่วงชิงขึ้นมาอีกหน
เมื่อไม่มีหานฮวง โอกาสประสบความสำเร็จของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา ถึงแม้ดวงจิตประหลาดจะแข็งแกร่งแต่ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของหานฮวง ยิ่งเขามีพลังปฐมยุค ผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าผู้สร้างมรรคาลงไปยิ่งไม่มีใครสามารถต่อกรกับหานฮวงได้
ความสามารถของดวงจิตประหลาดคาดว่าคงต้องการกลืนกินบางสิ่ง เพียงแต่คนอื่นมองไม่ออกเท่านั้น
เมื่อหานเจวี๋ยถอนสายตากลับมาก็เริ่มออกไปเดินเที่ยวเล่นกับฉางเยวี่ยเอ๋อร์และเซียนซีเสวียน
ภายในโลกทะเลสาบหลากสีมีสมบัติฟ้าดินอยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะที่ก้นทะเลสาบยิ่งมีสมบัติฟ้าดินอยู่มากมายเป็นดงน่าอัศจรรย์ มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่น้อยเลย ดูคล้ายจะเป็นเผ่าเงือกส่วนใหญ่ล้วนแปลงกายได้แล้ว ความรับผิดชอบของพวกเงือกคือดูแลปกป้องสมบัติฟ้าดิน ส่วนผู้ทรงพลังที่อยู่ด้านนอกก็มีหน้าที่ปกป้องพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วสมบัติฟ้าดินก็จะตกไปอยู่กับผู้ทรงพลัง ช่วยเพิ่มพูนตบะพวกเขา
นับว่าช่วยเกื้อกูลกันและกัน เป็นเรื่องยอดเยี่ยมยิ่ง
เดินเล่นอยู่หลายชั่วยาม สองสตรีต่างเด็ดบงกชทองมาคนละดอก บงกชนี้ผสานดวงชะตาอันยิ่งใหญ่ไว้ เมื่อได้ครอบครองสมบัตินี้จะเพิ่มพูนดวงชะตาของพวกนางได้
ดวงชะตาเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์เช่นเดียวกับบ่วงกรรม ลึกล้ำยากคาดเดา ในมุมมองของมนุษย์ธรรมดาคือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา
ไม่ทราบเช่นกันว่าพวกนางต้องการเพราะเหตุใด หานเจวี๋ยคร้านจะทำนายและคาดเดา
หลังจากทั้งสามจากมา หานเจวี๋ยก็คลายมนต์มายาที่ร่ายใส่เหล่าสิ่งมีชีวิตในทะเลสาบไว้
หลายพันปีต่อมา ทั้งสามคนออกท่องเที่ยวไปทั่ว ได้พบเห็นสิ่งมหัศจรรย์และมหาโชคสุดน่าอัศจรรย์ในโลกผลาญนภา
ส่วนศึกชิงกฎเกณฑ์สูงสุดก็ยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งสามกลับมายังเขตเซียนร้อยคีรี
ช่วงเวลาอยู่ร่วมกันที่ผ่านมาทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาขึ้น สตรีทั้งสองก็เข้าใจในเจตนาของหานเจวี๋ยแล้ว รู้สึกชื่นมื่นเป็นสุข
หานเจวี๋ยแบ่งเวลาออกมาอยู่ร่วมกับฉางเยวี่ยเอ๋อร์ตามลำพัง นี่คือความเห็นที่เซียนซีเสวียนเสนอขึ้นมา
ทั้งสองอยู่ร่วมกันตามลำพังนานหลายสิบปี แต่ก็ไม่ได้เกิดเรื่องใดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง เพียงสนทนาธรรมกันเท่านั้น
“รอจนข้าพิสูจน์มหามรรคแล้ว ข้าค่อย…” เซียนซีเสวียนเอ่ยเสียงเบา
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ไม่เป็นไร แล้วแต่ท่านเถิด ระดับตบะของพวกเราหลุดพ้นจากโลกีย์ไปนานแล้ว ได้อยู่ร่วมกันก็นับว่าเป็นเรื่องที่งดงามกว่าสิ่งใดแล้ว”
เซียนซีเสวียนยิ้มออกมา เอ่ยขึ้นว่า “อีกไม่นานแล้ว รอจนเจ้าออกจากปิดด่านครั้งต่อไป ข้าคงพิสูจน์มหามรรคได้แล้ว”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกสักพัก หานเจวี๋ยถึงได้จากไป
เมื่อกลับมาถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญทันที
ส่วนซั่นเอ้อร์ ยังคงจมจ่อมอยู่ในแบบจำลองการทดสอบ
จุ๊ๆ คู่ต่อสู้ของเด็กคนนี้คือระดับอริยะ เขาท้าทายอริยะเบิกฟ้าทั้งหมดของแบบจำลองการทดสอบในคราวเดียว เปลี่ยนแปลงสารพัดวิธีเพื่อข่มเหงรังแกผู้อื่น ไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ได้
คาดว่าเด็กคนนี้คงไม่รู้ว่าหานเจวี๋ยสามารถสอดส่องการต่อสู้ในแบบจำลองการทดสอบได้
หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ขัดคอเขา ปล่อยให้เขามีความสุขไป
หลายหมื่นปีต่อมา สงครามวุ่นวายในโลกผลาญนภาสิ้นสุดลง
หานฮวงได้ครอบครองกฎเกณฑ์สูงสุด สร้างชื่อสะท้านโลกผลาญนภา ครั้งนี้เขาสยบสรรพสิ่งได้แล้ว เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ที่ทะนงตนว่าเลิศล้ำก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วเช่นกัน ไม่พัวพันเขาอีกต่อไป
หานฮวง ได้ครอบครองพลังแห่งกฎเกณฑ์สูงสุดสองสายจากฟ้าบุพกาลและโลกผลาญนภา พลังอำนาจบรรลุถึงจุดสูงสุด ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลและผลาญนภาล้วนรับรู้ได้ เขาเปิดเผยพลังอำนาจอันไร้ใดเทียมด้วยกลัวว่าสรรพสิ่งจะไม่ทราบถึง