ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1061 เผชิญศึกกับสรรพสิ่ง สมญาไร้พ่าย
บทที่ 1061 เผชิญศึกกับสรรพสิ่ง สมญาไร้พ่าย
วาจาของเซียนหญิงทำให้หานฮวงขมวดคิ้วแน่น เผยสีหน้ารำคาญใจออกมา
“เช่นนั้นข้าจะไม่สนใจเจ้า พอถึงเวลาเกิดตายขึ้นมาก็สมควรแล้ว ระหว่างที่ข้าต่อสู้กับศัตรูไม่มีทางจะมาคอยดูแลเจ้า!”
หานฮวงแค่นเสียง จากนั้นก็ใช้สมาธิกับวัตถุดิบตรงหน้า เมื่อเขาสำแดงพลังเวทออกมาอย่างต่อเนื่องวัตถุดิบเหล่านั้นก็เริ่มผสานรวมกันโดยมีพลังเวทของเขาต่างไฟหลอม ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดจะสร้างสิ่งใด
เซียนหญิงไม่พูดมากอีก แต่เหาะออกไปนั่งสมาธิบำเพ็ญอยู่บนอุกกาบาตด้านข้าง
ห้วงอวกาศแห่งนี้หวนกลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
หานฮวงใช้สมาธิกับสิ่งที่อยู่ในมือ ส่วนเซียนหญิงนางนั้นก็คอยมองเขาเป็นระยะ หัวใจเต้นสั่นไหว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปล้านปีแล้ว
ทั้งสองนั่งอยู่ที่นี่ หานฮวงไม่ได้หลอมสมบัติวิเศษต่อ แต่นั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ
จนกระทั่งวันหนึ่ง
จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาฉายแววดุดัน
เขาลุกขึ้นยืน แย้มยิ้มเหี้ยมเกรียมร้ายกาจ พึมพำว่า “ในที่สุดก็มาแล้ว เจ้าปล่อยให้ข้าคอยนานเสียจริง!”
เซียนหญิงที่อยู่ไกลออกไปลืมตาขึ้น ลุกตามเช่นกัน ถามด้วยความประหม่า “ท่านจะไปแล้วหรือ”
หานฮวงเหลือบมองนางเล็กน้อย ตอบว่า “ถูกต้อง จะไปต่อสู้ตัดสินกับศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่ง หากเจ้าอยากหาที่ตายนักข้าก็จะสงเคราะห์ให้ พอถึงเวลานั้นลูกหลงที่จะตามมาจะทำให้เจ้าแหลกสลายเป็นเถ้าธุลีได้แน่”
เซียนหญิงกัดริมฝีปาก สุดท้ายก็ไม่ได้ติดตามหานฮวงไป
นางเฝ้ามองแผ่นหลังของหานฮวงที่ห่างออกไป สีหน้าหม่นหมอง ถอนหายใจเล็กน้อย “เหตุใดท่านถึงเดียดฉันท์ข้าปานนี้ กลัวข้าจะเป็นตัวถ่วงท่านจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
….
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววเฉียบคมเล็กน้อย
เวลาผ่านไปหลายล้านปี เขาอายุครบหนึ่งร้อยสี่สิบล้านปีแล้ว นอกจากได้รับโอกาสใช้งานสวรรค์ประทานโชค ตบะของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาพอใจมาก
หลังลืมตาขึ้นมาเรื่องแรกที่หานเจวี๋ยทำก็คือเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งจากหวงจุนเทียนสหายของท่าน] x90237
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญฟ้าบุพกาล] x128098323
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x76332110
[หานเย่เชื้อสายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญฟ้าบุพกาล] x643900418
[หานเย่เชื้อสายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x8900668
[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญผลสะท้อนกลับจากผู้ทรงพลังลึกลับ วิญญาณได้รับความเสียหาย]
[จ้าวซวงเฉวียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญผลาญนภา] x20986872
….
ตัวเลขเต็มไปหมด!
นี่มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนแล้วหรือ
หานเจวี๋ยไม่รู้สึกว่าถูกหานฮวงดึงพลังปฐมยุคไปใช้เลย ดังนั้นจึงไม่ได้สิ้นสุดกำหนดการฝึกบำเพ็ญก่อนเวลา ไม่คิดเลยว่าหานฮวงจะถูกปิดล้อมโจมตี
เขาเริ่มทำนายดู ที่แท้หวงจุนเทียนยังไม่ปรากฏตัว ตอนนี้หานฮวงถูกปิดล้อมโจมตีจากทั่วทั้งฟ้าบุพกาล หานเย่ไปช่วยเหลือเขาจึงพลอยเผชิญสถานการณ์เดียวกันไปด้วย
สาเหตุเป็นเพราะสมญาเทพมารอนธการ ทุกคนล้วนอยากกลายเป็นเทพมารอนธการ อยากกลายเป็นตัวเอกแห่งมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่!
หานฮวงกลายเป็นศัตรูร่วมกันของเหล่าสรรพสิ่ง แต่ยังคงยืนหยัดได้มั่นคงนัก ไม่เรียกใช้พลังปฐมยุคเลย พึ่งพาตัวเองทุกอย่าง ที่น่าตะลึงคือไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ในการต่อสู้นั้นถึงขั้นที่มีศิษย์สืบทอดจากสำนักซ่อนเร้นล้วนพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือเขา
กิตติศัพท์การต่อสู้ของเขาแพร่กระจายไปยังฟ้าบุพกาล พ้นนิวรณ์ อวิชชาและผลาญนภาอย่างกว้างขวาง สะท้านสะเทือนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!
สรรพสิ่งต่างเห็นพ้องกันว่าผู้ไร้พ่ายได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว กำลังรุ่งโรจน์โดดเด่นขึ้นมาอย่างไม่อาจฉุดรั้งไว้ได้!
หานเจวี๋ยรู้สึกชื่นชมนัก ไม่เสียทีที่เลี้ยงดูเด็กคนนี้ขึ้นมาเช่นนี้ ในที่สุดก็ฝ่าฟันรุ่งโรจน์ขึ้นมาได้
เทพมารอนธการผนวกกับสวรรค์ประทานโชค หากเทียบกับระดับเดียวกันแล้ว หานเจวี๋ยต้องการให้หานฮวงปราบปรามศัตรูทั้งหมดให้ได้
“ท่านปฐมบรรพชนขอรับ ท่านตื่นแล้วหรือ บรรพชนหานฮวงถูกปิดล้อมโจมตีอยู่ ท่านทราบหรือยังขอรับ” ซั่นเอ้อร์ถามอย่างระมัดระวัง
เขาก็เป็นอริยะมหามรรคคนหนึ่งเช่นกัน ย่อมรับรู้และมองเห็นมหาสงครามอันโกลาหลในฟ้าบุพกาลได้ ช่วงที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญสักเท่าไรเลย เอาแต่เฝ้ามองการต่อสู้
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น เหล่าสตรีฝั่งสิงหงเสวียนก็กำลังเฝ้ามองอยู่เช่นกัน ล้วนแต่เป็นกังวลแทนหานฮวง แต่ทุกคนต่างเชื่อมั่นในตัวหานฮวงอย่างเต็มที่
หานฮวงแข็งแกร่งเหลือเกิน!
สมกับเทพมารอนธการ!
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ย่อมทราบแล้ว”
พูดจบเขาก็เลือนหายไปจากจุดเดิม มาที่อารามเต๋าของสิงหงเสวียน เวลานี้ชิงหลวนเอ๋อร์ เซวียนฉิงจวิน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ล้วนมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ เบื้องหน้าพวกนางมีจอแสงผืนหนึ่งลอยอยู่ ฉายให้เห็นเงาร่างของหานฮวง
ห้วงอวกาศกว้างไพศาลเต็มไปด้วยไอโลหิตและซากศพ ผู้ทรงพลังนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นจากทั่วทุกมุมฟ้าบุพกาล มุ่งเข้าโจมตีหานฮวงจากทุกทิศทาง ราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
หานฮวงดูราวกับมหาเทพผู้สร้างโลก ปราฏตัวในร่างที่แท้จริงของเทพมารอนธการ ร่างกายสูงใหญ่หลายพันล้านจั้ง เส้นผมขาวทั่วศีรษะปลิวไสว กล้ามเนื้อร่างกายท่อนบนทรงพลังน่าหวาดหวั่น ส่วนกางเกงหุ้มเกราะช่วงท่อนล่างอาบย้อมไปด้วยสีสันของโลหิต สองเนตรทอแสงแดงฉาน บุกตะลุยไปทั่วฟ้าบุพกาล มังกรม่วงนับไม่ถ้วนที่จำแลงมาจากปราณม่วงอนธการเลื้อยพันอยู่รอบกายเขา ช่วยสกัดต้านศัตรูให้เขานับไม่ถ้วน
ฉากนี้ช่างเหมือนกับตอนที่ผานกู่สร้างโลกเสียจริง ถึงขั้นที่เหนือกว่าด้วย!
ด้านหลังหานฮวง หานเย่ถือธนูปฐมเทพทลายโลกาไว้ ยิงหนึ่งศรแยกตัวไปนับหมื่น ทรงพลังมากเช่นกัน เคียงคู่บรรพชนและทายาทรุ่นหลังร่วมเผชิญหน้าสรรพสิ่งฟ้าบุพกาล เข่นฆ่าสังหารอย่างรื่นเริง
กายเนื้อของหานเย่ดูดซับไอโลหิตและแรงกรรมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัศมีของเขาพุ่งสูงพรวดพราด แม้ว่าจะมีหานฮวงอยู่เบื้องหน้าแต่ก็ไม่ได้ถูกทำให้หม่นหมองจนถูกมองข้ามไปเลย ทั้งสองเจิดจ้าดั่งดวงตะวัน แตกต่างกันเพียงขนาดที่หนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่เท่านั้น
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นข้างกายสิงหงเสวียน สตรีทั้งห้ามองเขาด้วยความตกใจ
“ท่านมาได้อย่างไร” สิงหงเสวียนถามด้วยความสงสัย
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ย่อมมาดูบุตรชายของพวกเรา”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ศิษย์น้องหาน ฮวงเอ๋อร์แข็งแกร่งเหลือเกิน ยังมีหานเย่อีกคน ก่อนหน้านี้ตอนข้าพบเขาในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลยังคงรู้สึกไม่ชอบเขายิ่งนัก จองหองเกินไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยจะมีเพียงเขาที่กล้าเข้ามาช่วยเหลือฮวงเอ๋อร์”
ผู้บำเพ็ญที่เข้าโจมตีหานฮวงระดับต่ำสุดคืออริยะเบิกฟ้า ส่วนเซียนทองต้าหลัวทั่วไปมีความกล้าเพียงรับชมอยู่ไกลๆ เท่านั้น บ้างก็สำแดงพลังตั้งค่ายกลเพื่อให้หานฮวงต้องเสียสมาธิ
ด่านหน้าที่อยู่ใกล้กับหานฮวงที่สุดคือยอดมหามรรค มีหลายคนที่สำแดงโลกมหามรรคออกมา พึ่งพาพลังจากโลกมหามรรคเพื่อต่อสู้แต่ก็ยังถูกหานฮวงสะกดข่มไว้ได้
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ท่านเห็นธนูคันนั้นที่เขาถืออยู่หรือไม่ นั่นคือยอดสมบัติที่เหนือกว่ายอดสมบัติฟ้าบุพกาลไปแล้ว ข้าเป็นคนมอบให้เขาเอง ข้าไม่เคยมองคนพลาดอยู่แล้ว”
สุดยอดดาวสังหารติดตามเทพมารอนธการออกเข่นฆ่า เป็นฉากที่งดงามนัก อย่างน้อยๆ ก็นับว่างดงามมากในมุมมองของหานเจวี๋ย
เซวียนฉิงจวินเอ่ยถาม “เหนือกว่ายอดสมบัติฟ้าบุพกาลขึ้นไปคือระดับใดหรือ”
“สมบัติเลิศมรรคา ผสานรวมความอันตรายที่ยากจะจินตนาการได้ไว้ ธนูคันนี้ของหานเย่สามารถทำลายล้างโลกมหามรรคได้ ขอเพียงเขามีพลังมากพอก็ถึงขั้นที่สามารถทำลายล้างฟ้าบุพกาลได้ในศรเดียว”
หานเจวี๋ยเอ่ยตอบ ได้ยินเสียงเหล่าสตรีสูดหายใจดังเฮือก
เป็นยอดสมบัติที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ชิงหลวนเอ๋อร์เอ่ยอย่างสะท้อนใจ “เขาคู่ควรได้รับจริงๆ เชื้อสายตระกูลหานของพวกเราอาจจะไม่ด้อยไปกว่าบุตรธิดาของท่านพี่เลย”
สิงหงเสวียน เซวียนฉิงจวิน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์อดพยักหน้ารับไม่ได้
ในการต่อสู้ครั้งนี้ หานเย่นับว่าได้พิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว สมญาเทพสังหารแพร่ไปทั่วฟ้าบุพกาล
พวกเขาต่อสู้มานับล้านปีแล้วแต่ดูราวกับจะไม่มีวันเหนื่อยล้าหมดแรงเลย ระหว่างที่ต่อสู้อยู่ยังคงแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไอสังหารอันน่าหวาดหวั่นเหล่านั้นแม้แต่จักรวาลโลกดาราที่อยู่ทางฝั่งนี้ก็ยังรับรู้ได้ ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวกระวนกระวาย
“ท่านพี่ ฮวงเอ๋อร์และเย่เอ๋อร์จะเอาชนะได้หรือไม่” สิงหงเสวียนถามด้วยความประหม่า ถึงแม้ทั้งสองคนจะแกร่งกล้ามาก แต่ศัตรูที่รุดมาเข้าร่วมการต่อสู้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ถึงขั้นที่มีผู้ทรงพลังจากโลกมหามรรคอื่นๆ ด้วย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป รูปการณ์คงไม่ดีแล้ว
ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดแต่จะสามารถยืนหยัดสู้ไปได้ตลอดหรือ
หานเจวี๋ยตอบว่า “ขึ้นอยู่กับจิตตานุภาพของพวกเขาแล้ว”