ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1079 ความทะเยอทะยานของหงเหมิง
บทที่ 1079 ความทะเยอทะยานของหงเหมิง
จดหมายในช่วงหลายล้านปีมานี้หากเทียบกับช่วงก่อนๆ แล้ว อัตราการปรากฏตัวของมารร้ายลดต่ำลงมาก กลับเป็นตัวตนเหนือชั้นที่ปรากฏตัวขึ้นถี่กว่าเดิม
ดูเหมือนเหล่าผู้สร้างมรรคาจะเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว
หานเจวี๋ยอ่านจดหมายพลางใคร่ครวญไปด้วยเงียบๆ
ไม่ทราบเช่นกันว่าหลังจากเขาโจมตียอดมารร้ายฟ้าบุพกาลจนล่าถอยไปแล้ว เจ้านวฟ้าบุพกาลจะคิดอย่างไร
ไม่ว่าคิดจะใช้ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลกำจัดผู้สร้างมรรคาหรือว่าใช้ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลเสริมพลังให้จ้าวซวงเฉวียน ตอนนี้ล้วนยากจะเป็นจริงขึ้นมาได้
แต่เจ้านวฟ้าบุพกาลต้องคิดแผนสำรองไว้แล้วแน่นอน รอดูต่อไปเดี๋ยวก็คงรู้
หลังจากหานเจวี๋ยอ่านจดหมายเสร็จก็ไม่ได้ออกไป แต่ปิดด่านต่อ
ฟ้าบุพกาลกำลังอยู่ระหว่างฟื้นฟู ยังคงมีมารร้ายออกเพ่นพ่านอยู่ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ล้วนให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะกำลังหลักอยู่
….
ณ โลกอนธการดึกดำบรรพ์
หวงจุนเทียนขดตัวอยู่ท่ามกลางปราณม่วงอันไร้สิ้นสุด ถูกอักขระอาคมสีม่วงมากมายทับถมร่างก่อตัวเป็นตรวนพันธนาการ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
เงาร่างเลือนรางร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เป็นสื่อหยวนหงเหมิง
สื่อหยวนหงเหมิงมองหวงจุนเทียนแล้วเอ่ยว่า “ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลถูกขับไล่ออกจากฟ้าบุพกาลแล้ว เจ้าเดาออกหรือไม่ว่าเป็นฝีมือผู้ใด”
“หานฮวงกระมัง”
หวงจุนเทียนแค่นเสียง ถูกสะกดมานานขนาดนี้ เขาข้ามผ่านช่วงเวลาโกรธเคืองคับข้องไปแล้ว ตอนนี้สามารถสนทนากับสื่อหยวนหงเหมิงได้
หากไม่สนทนาแล้วจะหาทางจัดการอย่างไรเล่า
สื่อหยวนหงเหมิงเอ่ยว่า “บิดาของหานฮวง อริยะสวรรค์เกรียงไกร ยอดมารร้ายฟ้าบุพกาลที่สะกดข่มทั่วฟ้าบุพกาลได้พออยู่ต่อหน้าอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้วไม่อาจตอบโต้ได้เลย”
หวงจุนเทียนเงียบไป
สื่อหยวนหงเหมิงกล่าวว่า “โชคดีที่ข้าไม่ได้บุ่มบ่าม หากออกไปแต่แรกเกรงว่าคงยากจะเลี่ยงความตายได้ พวกเราปิดด่านอยู่ในโลกอนธการดึกดำบรรพ์แห่งนี้เถิด รอจนพวกเราก้าวข้ามยอดมหามรรคไปอย่างแท้จริงแล้วค่อยออกไป เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะคืนกายเนื้อให้เจ้า”
หวงจุนเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คืนกายเนื้อของข้าให้ หรือว่ามอบกายเนื้อใหม่ให้ข้ากันเล่า”
“ล้วนไม่ต่างกัน หากไม่มีข้าเจ้าจะมาถึงวันนี้ได้หรือ สมควรตอบแทนข้าบ้าง”
“แต่เจ้ามีความทะเยอทะยานสูงเกินไป มิใช่แค่อยากแข็งแกร่งขึ้น”
“หึ หากข้ากลายเป็นเทพมารอนธการย่อมต้องบุกเบิกอนธการ ก่อนจะบุกเบิกอนธการก็ต้องทำลายล้างฟ้าบุพกาลก่อนก็เหมือนตอนที่ฟ้าบุพกาลเข้าแทนที่อนธการ ด้วยเหตุนี้ข้าถึงจะกลายเป็นเทพมารอนธการอย่างแท้จริง ส่วนหานฮวงผู้นั้นก็แค่แอบอ้างชื่อเท่านั้น หาได้มีความทะเยอทะยานแห่งเทพมารอนธการไม่”
หวงจุนเทียนเงียบไปอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าตนโน้มน้าวสื่อหยวนหงเหมิงไม่ได้ คนผู้นี้เข้ารีตมารแล้ว
เพียงแต่บางครั้งเมื่อนำคำพูดของสื่อหยวนหงเหมิงมาใคร่ครวญดูก็รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล ฟ้าบุพกาลสามารถเข้าแทนที่อนธการได้แล้วเหตุใดอนธการถึงต่อต้านไม่ได้เล่า
บางทีอาจเป็นเพราะเขาคือสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลจึงมีความรู้สึกห่างเหินกับอนธการโดยกำเนิด
สื่อหยวนหงเหมิงหายไป ทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง
“อริยะสวรรค์เกรียงไกรคือศัตรูฉกาจที่สุดสำหรับการบุกเบิกอนธการของข้า ข้าจะใช้เขาเป็นเป้าหมายในการฝึกบำเพ็ญ”
หวงจุนเทียนฟังแล้วไม่ได้ตอบอะไร ทว่าในใจเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ไม่ว่าเจ้าจะฝึกบำเพ็ญอย่างไรก็ไม่มีทางไล่ตามนายท่านทัน
‘ข้าก็ต้องคิดหาทางเช่นกัน ถึงแม้จะถูกสะกดไว้แต่ปราณอนธการที่นี่สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณข้าได้ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นได้ทีละน้อย’
หวงจุนเทียนคิดเงียบๆ ตื่นเต้นในใจ
….
ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
เต้าจื้อจุน เจียงอี้ จ้าวเซวียนหยวน หานทั่ว อี๋เทียน ไก่คุกรัตติกาล หยางเทียนตงและพวกมู่หรงฉี่ ศิษย์สืบทอดส่วนใหญ่ของสำนักซ่อนเร้นล้วนมารวมตัวกันที่นี่
เนื่องจากได้รับความเห็นชอบจากร่างแยกหานเจวี๋ยแล้ว เทวทัณฑ์อีกสามรายในสังกัดของหานทั่วถึงได้เข้าสู่อาณาเขตเต๋าด้วย
เมื่อพวกเขาเข้ามาก็ล้วนผ่านการชำระล้างสมบูรณ์แล้ว
ส่วนเหล่าตานที่ติดตามพวกเต้าจื้อจุนกลับไม่ได้มาด้วย เหล่าตานรู้กาลเทศะเป็นอย่างดี อีกทั้งเขาก็อยากกลับไปหาร่างจริงของตนด้วย
อาณาเขตเต๋าแห่งที่สามไม่เคยครึกครื้นขนาดนี้มาก่อน ซั่นเอ้อร์และเก้าเทวดาราก็ออกมาต้อนรับเหล่าบรรพชนด้วย
ส่วนเหล่าศิษย์สืบทอดก็ไม่กล้าดูแคลนชนรุ่นหลังทั้งสิบคนเบื้องหน้านี้ที่ติดตามบำเพ็ญอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย ได้รับความสนใจจากหานเจวี๋ยย่อมเป็นยอดบุตรแห่งสวรรค์ในหมู่บุตรแห่งสวรรค์แน่นอน
“หานทั่ว เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคุณสมบัติของเด็กสิบคนนี้ไม่ด้อยไปกว่าพวกเราเลยเล่า”
อี๋เทียนยักคิ้วหลิ่วตาเอ่ยถาม สีหน้ายิ้มแย้ม
หานทั่วเอ่ยอย่างไม่นำพา “ตอนที่ท่านพ่อมีข้าเพิ่งจะพิสูจน์มรรคเท่านั้น แต่ตอนที่มีอวิ๋นจิ่นเขามีตบะระดับใดแล้วเล่า คุณสมบัติย่อมสูงล้ำกว่าข้าเป็นธรรมดา”
เชื้อสายตระกูลหานส่วนใหญ่ล้วนมาจากสายของหานอวิ๋นจิ่น หานเจวี๋ยมีบุตรธิดารวมห้าคน หานทั่ว หานฮวง หานชิงเอ๋อร์และหานหลิงล้วนยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญ แต่หานอวิ๋นจิ่นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญขนาดนั้น จึงมีทายาทขยายรากฐานให้ตระกูลหาน
ครั้งนี้หานอวิ๋นจิ่นกลับมาฝึกบำเพ็ญเพราะอยากถือโอกาสกลับมาเยี่ยมลี่เหยาผู้เป็นมารดาด้วย
หานเจวี๋ยและลี่เหยาล้วนเป็นผู้ที่พากเพียรบำเพ็ญทั้งคู่ แต่กลับให้กำเนิดบุตรชายที่เอื่อยเฉื่อยลอยชายเช่นนี้ แต่ก็ทำให้คนต้องตกตะลึงเช่นกัน
เหล่าศิษย์สืบทอดมารวมตัวจึงย้อนรำลึกถึงความหลังกันไม่น้อยเลย
ผ่านไปนานพักใหญ่ จู่ๆ เจียงอี้ก็เสนอให้จัดการประลองในแบบจำลองการทดสอบ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากเหล่าศิษย์ ด้วยเหตุนี้ประลองจึงเริ่มขึ้น
วันเวลาผ่านพ้นไป
ครบสิบล้านปีอีกครั้ง
สวรรค์ประทานโชคของหานเจวี๋ยสะสมครบเก้าครั้งแล้ว แต่เขาไม่ได้คิดจะใช้เลย
ผ่านมาเก้าสิบล้านปี เก้าเทวดาราล้วนเป็นยอดมหามรรคแล้ว มีแบบจำลองการทดสอบอยู่ประสบการณ์ต่อสู้ของพวกเขาย่อมไม่ขาดตกบกพร่องไปเลย
หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายก่อน
หลังจากเหล่าศิษย์สืบทอดกลับมา แวดวงสหายก็เงียบสงบลงมาก
เมื่อเวลาผ่านนานไป สหายของเขาลดน้อยลงไปเรื่อยๆ นอกจากพวกที่อายุขัยสิ้นสุดลงก็มีผู้ที่ระดับตบะต่ำจนหลงลืมเขาไปแล้ว
ถึงแม้หานเจวี๋ยจะไม่ได้ถึงขั้นที่ไม่อาจกล่าวนามได้ แต่เมื่อตบะห่างชั้นกันมากเกินไป บ่วงกรรมและสายใยระหว่างทั้งสองฝ่ายหากไม่ขาดหายก็ถูกลบล้างไป
หลังจากตรวจจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกอารมเต๋า
เหล่าศิษย์ล้วนกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่จึงสงบเงียบนัก
หานเจวี๋ยเริ่มเทศนาธรรม ชักนำทุกคนเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค
แม้แต่ผู้ทรงพลังอย่างหานทั่วและเต้าจื้อจุนก็ใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถูกชักนำเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคเช่นกัน
เสียงธรรมของหานเจวี๋ยก้องสะท้อนอยู่ในอาณาเขตเต๋า เหล่าศิษย์ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองและอาณาเขตเต๋าหลักก็ได้ยินเช่นกัน ภายในเขตเซียนร้อยคีรีมีศิษย์อยู่หลายร้อยล้านคน ทั่วทั้งเขตเซียนร้อยคีรีเสมือนสูญสิ้นเสียงไปแล้ว เงียบสงัดลงในชั่วพริบตา
ห้าพันปีต่อมา การเทศนาธรรมสิ้นสุดลง
หานเจวี๋ยมาพูดคุยกับเหล่าคู่บำเพ็ญในอาราเต๋า ช่วยคลี่คลายอุปสรรคในการบำเพ็ญให้พวกนาง
เขาอธิบายเล็กน้อยก็ทำให้พวกนางกระจ่างคลายสับสนแล้ว
สิงหงเสวียนเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพี่ ช่วงนี้ข้าฝันถึงเรื่องหนึ่งอยู่ตลอด ฝันซ้ำๆ ต่อเนื่อง”
หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “ฝันเรื่องใด”
การที่ผู้บรรลุตบะระดับพวกเขายังเกิดความฝันได้ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลก
สิงหงเสวียนอึกอักลังเล
“ว่ามาเถอะ” หานเจวี๋ยเอ่ยเร่ง
ชิงหลวนเอ๋อร์ เซวียนฉิงจวิน เซียนซีเสวียน ลี่เหยา อู้เต้าเจี้ยนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ล้วนมองนางอย่างแปลกใจ สงสัยว่าเป็นความฝันใด
สิงหงเสวียนเอ่ยว่า “ข้าฝันเห็นตัวท่านอีกคน กำลังใช้ชีวิตเหมือนตัวท่านสมัยอยู่ในโลกมนุษย์สามัญซ้ำอีกครั้ง”
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว ถามออกไป “ขอรายละเอียดด้วย”
“ก็คือข้าฝันเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งถือกำเนิดในโลกมนุษย์ธรรมดา อยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ ประสบพบเจอเรื่องราวเช่นเดียวกับท่านและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ข้ากลับมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา แต่พฤติกรรมของเขาต่างไปจากท่าน ถึงแม้จะเผชิญกับเรื่องราวแบบเดียวกัน แต่เขาโอหังกว่าท่านและก้าวร้าวกว่าท่าน”
สิงหงเสวียนใคร่ครวญพลางเล่าออกมา พยายามย้อนนึกถึงรายละเอียดในความฝัน
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘คนที่สิงหงเสวียนฝันเห็นคือผู้ใด’
[ไม่สามารถวิวัฒนาการถึงบ่วงกรรมนี้ได้ อาจจะไม่มีบ่วงกรรมนี้อยู่หรือว่าอีกฝ่ายมีสมบัติเลิศมรรคาในการครอบครอง]
มันเรื่องอะไรกัน
สมบัติเลิศมรรคามีมากขนาดนี้เชียวหรือ
หานเจวี๋ยเอ่ยออกไป “แสดงความฝันของเจ้าออกมาให้พวกเราได้เห็น”