ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1097 ทางเลือกของมรรคาสวรรค์ ผู้นำดวงจิตคืนชีพ
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 1097 ทางเลือกของมรรคาสวรรค์ ผู้นำดวงจิตคืนชีพ
บทที่ 1097 ทางเลือกของมรรคาสวรรค์ ผู้นำดวงจิตคืนชีพ
เมื่อวังจักรพรรดิมหาโชคมุ่งหน้าไปยังสนามรบฟ้าบุพกาลเพื่อช่วยสนับสนุนฟ้าบุพกาล จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายที่อยู่ในโลกพ้นนิวรณ์ก็เริ่มประกาศระดมกำลัง
กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในพ้นนิวรณ์ล้วนเตรียมเข้าร่วมศึก แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าวังสวรรค์ ไม่ได้เลือกสนับสนุนฟ้าบุพกาลแต่ไปสนับสนุนศัตรูของฟ้าบุพกาลแทน
อีกด้านหนึ่ง
ณ มรรคาสวรรค์
อริยะมรรคาสวรรค์นับพันมาชุมนุมในตำหนักเอกภพ ทุกคนต่างมีสีหน้าหนักใจยิ่ง
ฉิวซีไหลแค่นเสียงเอ่ยไปว่า “ศึกระหว่างฟ้าบุพกาลและอนธการไม่อาจยับยั้งได้แล้ว สำนักซ่อนเร้นเลือกสนับสนุนอนธการ มรรคาสวรรค์ก็สมควรเลือกได้แล้ว ข้าคิดว่าสมควรสนับสนุนอนธการ อย่าได้ลืมไปเสียเล่าว่ามรรคาสวรรค์ผงาดขึ้นมาได้อย่างไร หากไม่มีสำนักซ่อนเร้น พวกเจ้าคิดว่าฟ้าบุพกาลจะยอมเกื้อหนุนมรรคาสวรรค์หรือ ต่อให้อนธการพ่ายแพ้ ฟ้าบุพกาลก็ไม่มีทางกดดันถึงขั้นทำลายล้างมรรคาสวรรค์กระมัง”
ความเห็นของเขาได้รับการสนับสนุนจากเหล่าอริยะรุ่นอาวุโส มีเพียงรุ่นอาวุโสที่ทราบว่าในอดีตมรรคาสวรรค์เคยประสบความยากลำบากเพียงใดในฟ้าบุพกาล
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอริยะสวรรค์เกรียงไกร ไม่รู้ว่ามรรคาสวรรค์จะถูกทำลายล้างไปกี่ครั้งแล้ว
แต่เหล่าอริยะรุ่นใหม่กลับไม่คิดเช่นนี้ ในเส้นทางการเติบโตของพวกเขาไม่เคยพบพานอริยะสวรรค์เกรียงไกรเลย ส่วนสำนักซ่อนเร้นเพียงรู้สึกว่าแข็งแกร่งมากเท่านั้น
อริยะคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “แต่หานฮวงต้องการทำลายฟ้าบุพกาล นี่เป็นบาปมหันต์!”
วาจาของเขาได้รับความเห็นชอบจากอริยะไม่น้อยเลย
“ใช่แล้ว หานฮวงเหี้ยมหาญถึงเพียงนี้ หากว่ามรรคาสวรรค์ช่วยเขาไม่เท่ากับมรรคาสวรรค์แยกแยะผิดถูกไม่เป็นหรอกหรือ”
“อดีตผ่านไปแล้ว ปัจจุบันนี้หากว่าให้ความช่วยเหลือหานฮวงแล้วเกิดวันหน้าหานฮวงต้องการทำลายมรรคาสวรรค์ จะมีผู้ใดมาช่วยเหลือมรรคาสวรรค์เล่า”
“ถูกต้อง พวกเราจะสูญเสียมโนธรรมไปไม่ได้ ไม่อาจเลือกติดตามผู้ใดส่งเดชเพื่อความอยู่รอดได้”
“อริยะควรมีจิตศักดิ์สิทธิ์ผดุงโลกา ไหนเลยจะเลอะเลือนระหว่างดีชั่วได้”
“หานฮวงไม่เคยกล่าวเลยว่าจะละเว้นมรรคาสวรรค์ หรือมรรคาสวรรค์จะต้องไปอ้อนวอนเขาเล่า”
ยิ่งพูดเหล่าอริยะใหม่ก็ยิ่งฮึกเหิม อริยะที่สนับสนุนให้เป็นศัตรูกับหานฮวงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าขมวดคิ้ว สีหน้าไม่สบอารมณ์
ยิ่งฟังหานอวี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาพูดเกินไป ถึงขึ้นที่เริ่มกระทบไปถึงสำนักซ่อนเร้นและตระกูลหานแล้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้วเช่นกัน
จอมอริยะเสวียนตูจำเป็นต้องเอ่ยขึ้นว่า “มรรคาสวรรค์ก็นับว่าเป็นโลกมหามรรค ไม่อยู่ใต้อาณัติฟ้าบุพกาล พวกเจ้าคิดดูให้ดีเถิดหากหานฮวงมีชัย มรรคาสวรรค์สมควรเป็นอย่างไรเล่า”
พอเอ่ยมาเช่นนี้ เหล่าอริยะใหม่เริ่มกระวนกระวายขึ้นมา
จิตใต้สำนึกของพวกเขาคิดไปแล้วว่าหานฮวงไม่มีทางชนะได้
นับแต่โบราณมา อธรรมไม่เคยชนะธรรมะ หลักการนี้เป็นหลักการที่พวกเขาถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่ถือกำเนิด ประกอบกับมรรคาสวรรค์ไม่เคยเผชิญเคราะห์กรรมเสี่ยงล่มสลายมานานแสนนานแล้ว พวกเขายึดติดกับหลักการเกินไป ติดอยู่กับคุณธรรมที่ใช้ควบคุมสิ่งมีชีวิตสามัญ
ถึงอย่างไรเหล่าอริยะรุ่นใหม่ก็ค่อยๆ ไต่เต้าปีนป่ายขึ้นมาจากฐานะสิ่งมีชีวิตสามัญ
ผานซินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็แบ่งมรรคาสวรรค์ออกเป็นสองฝั่งเถอะ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนหานฮวซง อีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนฟ้าบุพกาล ไม่ว่าผู้ใดจะมีชัยหรือพ่ายก็ล้วนรักษามรรคาสวรรค์ไว้ได้ทั้งสิ้น”
เหล่าอริยะรุ่นใหม่เงียบไป
พวกเขาไม่ได้โง่ มองออกว่าอริยะอาวุโสล้วนอยากสนับสนุนหานฮวง
ในมรรคาสวรรค์ เหล่าอริยะรุ่นใหม่ไม่ได้ถูกแบ่งแยกจากอายุเท่านั้น ยังแบ่งแยกจากพลังด้วย พลังของเหล่าอริยะอาวุโสเหนือกว่าอริยะรุ่นใหม่มากนัก
อริยะคนหนึ่งลุกขึ้นมาแล้วซักถาม “เหล่าผู้อาวุโสท่านอาศัยสิ่งใดถึงเชื่อว่าหานฮวงจะมีชัย เพราะเขาคือบุตรชายของอริยะสวรรค์เกรียงไกรหรือ อย่าลืมเสียเล่าว่าในวังจักรพรรดิมหาโชคก็มีทายาทเชื้อสายตระกูลหานอยู่ จักรพรรดิในตำนานเล่าขานก็เป็นธิดาของอริยะสวรรค์เกรียงไกรเช่นกัน!
“บางทีอริยะสวรรค์เกรียงไกรอาจจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งกับมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ หากพวกเราสนับสนุนหานฮวงก็เท่ากับยกให้หานฮวงเป็นนาย คิดดูเถิดว่าหานฮวงจะนำพามรรคาสวรรค์ไปในทิศทางใด ไม่ใช่เอาแต่หวาดหวั่นเกรงใจอริยะสวรรค์เกรียงไกร!”
ความเห็นนี้ได้รับความเห็นชอบจากอริยะใหม่ไม่น้อยเลย ในมุมมองของพวกเขา อริยะรุ่นอาวุโสเชื่อมั่นในอริยะสวรรค์เกรียงไกรเกินไป พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือเชื่อฟังเพราะกลัว
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รอดูกันไปก่อน แต่มีเรื่องหนึ่งที่พวกเจ้าต้องพึงระลึกไว้ หากรอจนหานฮวงเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้วมรรคาสวรรค์ค่อยเข้าไปสนับสนุน เช่นนั้นผลประโยชน์ที่ได้ก็จะน้อยลง”
วิธีนี้ได้รับความเห็นชอบจากเหล่าอริยะรุ่นใหม่ ส่วนวาจาในส่วนหลังของเขาเหล่าอริยะใหม่ไม่ใส่ใจเลย
หากเทียบกับผลประโยชน์แล้ว พวกเขาอยากรักษาอำนาจและชีวิตในขณะนี้เอาไว้มากกว่า
….
ครืน! ครืน! ครืน…
มหามรรคสามพันวิถีสั่นคลอนรุนแรงเพราะการต่อสู้ของยอดมหามรรคทั้งหลาย ถึงขั้นที่มีมหามรรคพังทลายลงแล้ว ทำให้กฎระเบียบฟ้าบุพกาลเริ่มโกลาหล
เหล่ายอดมหามรรคต่อสู้กันอย่างดุเดือด ส่วนในฟ้าบุพกาลเหล่าอริยะมหามรรคก็นำกองกำลังเข้าต่อสู้เช่นกัน ทอดสายตามองไปทั่วฟ้าบุพกาล มีศึกเล็กศึกใหญ่เกิดขึ้นมากมายเกินหลักล้านไปแล้ว
หานเย่ถือธนูปฐมเทพทลายโลกาไว้ในมือ ยิงหนึ่งศรสังหารกองทหารมารอนธการได้นับล้าน รวดเร็วไร้เทียมทาน
เต้าจื้อจุนปรากฏตัวขึ้น ขวางเบื้องหน้าเขา
หานเย่จำเต้าจื้อจุนได้จึงเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโส สำนักซ่อนเร้นให้การสนับสนุนหานฮวงจริงๆ หรือ นี่คือเจตนาของพวกท่านหรือว่าเจตนาของท่านปฐมบรรพชน”
เต้าจื้อจุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ข้ายุ่งอยู่กับการปิดด่าน ไม่มีทางสนใจเรื่องในฟ้าบุพกาล เจ้าไม่จำเป็นต้องกดดันไป ในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่สู้เพื่อตัวเองดีที่สุด ไม่ว่าจะเพื่อฝ่ายใดก็ล้วนเป็นการสู้เพื่อแย่งชิงโชควาสนาทั้งสิ้น”
พอได้ยินว่าหานเจวี๋ยไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หานเย่ก็โล่งใจ
ถึงแม้จะไม่ได้พบท่านปฐมบรรพชนมานานมากแล้ว แต่ในใจเขาหานเจวี๋ยคือตัวตนสูงสุดที่เขาให้ความเคารพเทิดทูนหากไม่มีท่านปฐมบรรพชนผู้นี้ เขาคงจมอยู่ในห้วงสังสารวัฏไหนเลยจะมีตำแหน่งเช่นในวันนี้ได้
“ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตากับสมบัติเลิศมรรคาที่ท่านอาจารย์มอบให้เจ้าหน่อยเถิด!”
เต้าจื้อจุนยกมือขึ้น ภาพจำลองของโลกมหามรรคปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
หานเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้มลึกลับ “ธนูคันนี้ของข้าสร้างขึ้นเพื่อทำลายโลกมหามรรคโดยเฉพาะ ผู้อาวุโสระวังหน่อยเล่า”
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะลองดูว่าเจ้าจะสามารถทำลายโลกมหามรรคของข้าได้หรือไม่!”
เต้าจื้อจุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มผยอง พลันเพ่งสายตา เคลื่อนย้ายหานเย่เข้าสู่โลกมหามรรคของตนทันที
โลกมหามรรคของเขามีเพียงกฎเกณฑ์ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต เขามักจะนำออกมาใช้ต่อสู้เสมอ
อีกด้านหนึ่ง
หานเหยาปะทะกับเจียงอี้
จ้าวเซวียนหยวนปะทะกับหานป้าเสิน
….
ภายใต้เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด เงาร่างหนึ่งแหวกมิติเวลาเผยตัวออกมา
เป็นดวงจิตนพชาติ ดวงจิตนพชาติสวมชุดสีดำ ชายเสื้อคลุมดั่งเพลิงลุกไหม้ เผยเพียงช่วงหัวออกมา สีหน้าเย็นชารูปลักษณ์ดูคล้ายคลึงกับจ้าวเซวียนหยวนยิ่งนัก มีผลึกวารีสีดำเก้าชิ้นลอยอยู่เหนือศีรษะ หมุนวนด้วยตัวเอง แผ่ปราณสีดำออกมาไม่ขาดสาย
ดวงจิตนพชาติก้มมองศึกดุเดือดด้านล่าง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “กลุ่มมดปลวกก็ริอาจมาท้าทายฟ้าบุพกาลหรือ ออกมาซะ!”
หมอกดำรอบกายพลันมุดเข้าสู่กฎเกณฑ์สูงสุดสายหนึ่ง กฎเกณฑ์สูงสุดสายนั้นเกิดคลื่นไหวกระเพื่อมก่อนค่อยๆ ก่อตัวเป็นเงาร่างหนึ่ง
เป็นอดีตผู้นำดวงจิตมหามรรครุ่นก่อน บรรพชนเทพปฐมกาล!
เทพมหาทัณฑ์ที่ควบคุมขุนพลศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้อยู่คล้ายจะรับรู้บางอย่างได้ เขาเงยหน้าขึ้นไปทันที พอเขามองเห็นบรรพชนเทพปฐมกาลก็ตะลึงงันไป
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เทพมหาทัณฑ์มีสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ เขาสังหารบรรพชนเทพปฐมกาลเองกับมือ แล้วบรรพชนเทพปฐมกาลฟื้นคืนชีพกลับมาได้อย่างไร
บรรพชนเทพปฐมกาลยกสองมือขึ้นมา ตรวจสอบสภาพร่างกายเล็กน้อย เอ่ยพึมพำ “พลังที่ไม่ได้สัมผัสมานาน…”
เขาสังเกตเห็นสายตาของเทพมหาทัณฑ์แล้ว แต่เขาไม่เหลียวแลเลย
หากมิใช่เพราะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขาไม่มีทางเห็นเทพมหาทัณฑ์อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เขาเดินหน้าก้าวหนึ่ง ทำความเคารพดวงจิตนพชาติอย่างนอบน้อม เอ่ยขึ้นว่า “ขอบพระคุณความช่วยเหลือของท่านยิ่ง”
ดวงจิตนพชาติเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ทำลายล้างมดปลวกที่คิดจะโค่นฟ้าบุพกาลเสีย”
“ขอรับ!”
บรรพชนเทพปฐมกาลก้าวลงไปด้านล่าง คล้ายมีบันไดล่องหนสายหนึ่งปรากฏขึ้นใต้เท้า วินาทีนั้นเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดสั่นไหวพร้อมเพรียง ต่างยิงพลังกฎเกณฑ์ออกมาพุ่งเข้าหาร่างบรรพชนเทพปฐมกาล
ผู้นำดวงจิตมหามรรคตัวจริงหวนกลับมาแล้ว!