ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1102 สรรค์สร้างทุกสิ่ง พู่กันเทพรังสรรค์!
บทที่ 1102 สรรค์สร้างทุกสิ่ง พู่กันเทพรังสรรค์!
ขั้นตอนการปรับตบะให้มั่นคงปราศจากความยากลำบาก หานเจวี๋ยจมจ่อมอยู่ในภวังค์ ไม่สนใจวันเวลาที่ผ่านพ้นไป
ผ่านไปเนิ่นนาน
[ระบบตรวจพบว่าท่านพิสูจน์เทพผู้สร้างแล้ว ท่านได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน สวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน หินวิญญาณปฐมยุคหนึ่งก้อน ยอดสมบัติเทพผู้สร้างหนึ่งชิ้น]
[ท่านได้รับยอดสมบัติเทพผู้สร้าง…พู่กันเทพรังสรรค์]
[พู่กันเทพสังสรรค์: ยอดสมบัติเทพผู้สร้าง เป็นยอดสมบัติเหนือธรรมชาติที่มีระดับสูงกว่าสุดยอดสมบัติ กำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของกฎเกณฑ์ ผสานนิยามและพลังสูงสุดแห่งการสรรค์สร้างทุกสรรพสิ่ง ทำให้สยบเชื่อฟังเพียงเทพผู้สร้างได้]
[เริ่มยกระดับอาณาเขตเต๋า]
แจ้งเตือนแถวแล้วแถวเล่าเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าหานเจวี๋ย
พู่กันเทพรังสรรค์อย่างนั้นหรือ
ยอดเยี่ยมมาก เข้ากับการวางท่าของเขา!
หานเจวี๋ยเรียกหน้าต่างค่าสถานะออกมาตรวจสอบ
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 457,890,823/10,299,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999, 999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999, 999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารปฐมยุค (เทพผู้สร้างไร้ขอบเขต)]
[ตบะ: ระดับเทพผู้สร้าง]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับเทพผู้สร้าง), วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคต้นกำเนิด, มหามรรคสามพันวิถี]
[คุณสมบัติกาย: กายเลิศมรรคาปฐมยุค]
….
อายุขัยของเขาหยุดนิ่งลงในช่วงตระหนักทำความเข้าใจในดินแดนเวิ้งว้าง สมกับเป็นเทพผู้สร้าง เมื่อถึงเวลาที่จะฝ่าทะลวงอายุขัยต้นกำเนิดก็จะหยุดนิ่งลง แม้ในความเป็นจริงฟ้าบุพกาลจะผ่านไปนับยุคไม่ถ้วนแล้ว แม้แต่ยุคสมัยไร้สิ้นสุดก็มั่นคงสมบูรณ์ดีแล้ว เห็นได้ชัดว่ามหาโชคนี้เลิศล้ำอัศจรรย์อย่างเห็นได้ชัด
เมื่อหานเจวี๋ยตรวจสอบตบะของตนเสร็จก็เอ่ยถามในใจ ‘ระบบคำนวณอายุของระบบตั้งอยู่อย่างเป็นเอกเทศใช่หรือไม่’
[ถูกต้อง จะนับเพียงอายุขัยต้นกำเนิดเท่านั้น มิใช่อายุขัยสัมพันธ์]
หานเจวี๋ยไม่คิดจะถามต่ออีก เขากระตุ้นความคิดเล็กน้อย เคลื่อนย้ายกลับไปยังอารามเต๋าในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
กลิ่นอายของเหล่าคู่บำเพ็ญยังอยู่ครบ ยกเว้นลี่เหยา
หานเจวี๋ยนั่งบนแท่นบัวดำล้างโลก สอดส่องยุคสมัยไร้สิ้นสุด
ยุคสมัยไร้สิ้นสุดมีสีสันโดยแท้ หลังจากสิ้นสุดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ยังคงมีผู้สร้างมรรคาหน้าใหม่ปรากฏตัวขึ้น รวมถึงจ้าวซวงเฉวียนด้วย นี่เป็นเรื่องปกติยิ่ง ถึงอย่างไรเจ้านวฟ้าบุพกาลก็ลงสนามด้วยตัวเอง
แต่ทุกอย่างนี้ล้วนไม่มีความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพผู้สร้าง
หานเจวี๋ยเอ่ยพึมพำ “เจ้านวฟ้าบุพกาล ข้ายังอยากจะประลองกับเจ้าอย่างจริงจังสักยกอยู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็ย้อนกลับไปยังจุดเดิมกันเถอะ”
พอสิ้นเสียงเขา ทุกสิ่งในยุคสมัยไร้สิ้นสุดพลันหยุดนิ่งลง
ดาวหางที่วงโคจรหยุดนิ่ง แม่น้ำดวงชะตาที่ไหลเชี่ยวก็ไม่หลั่งไหลอีกต่อไป ดวงตะวันหยุดแผดแสงเจิดจ้า หยินหยางไม่วนเวียน เงาร่างที่เหาะข้ามผ่านในมิติเวลาและห้วงอวกาศล้วนหยุดลง ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบันหรือว่าอนาคตต่างเป็นไปตามความคิดของหานเจวี๋ย ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งลงอย่างพร้อมเพรียง
จากนั้นทุกฉากเริ่มหมุนย้อนกลับไป
หานเจวี๋ยย้อนเวลาให้ทุกสิ่งกลับไปอยู่ในช่วงที่เขาออกท่องดินแดนเวิ้งว้าง มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป เจ้านวฟ้าบุพกาลยังคงมีชีวิตอยู่ บุตรธิดาตลอดจนเหล่าศิษย์ของเขาล้วนยังมีชีวิตอยู่
นี่คือการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ไม่ใช่การสร้างห้วงเวลาขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนไม่คงอยู่อีกต่อไป ถึงขึ้นที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าหานเจวี๋ยฝ่าทะลวงแล้ว เจ้านวฟ้าบุพกาลก็ไม่ทราบเรื่องเช่นกัน
มีเพียงตัวเขาที่รู้ดีว่าตนพิสูจน์เทพผู้สร้างแล้ว
เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ฟ้าบุพกาล เจ้าจะสู้กับข้าอย่างไรกัน”
ผู้สร้างมรรคาสู้กับเทพผู้สร้าง จะเอาอะไรมาสู้ได้เล่า
แต่หานเจี๋ยรู้สึกว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลยังคงน่าเล่นด้วยอย่างยิ่ง
ฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้ยังคงตั้งอยู่ในฟ้าบุพกาล หานฮวงยังมิได้ลงมือ เมื่อคำนวณดูอย่างละเอียดแล้วมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
หานเจวี๋ยไม่คิดจะออกโรงจัดการทุกอย่างให้จบด้วยตัวเอง ตัวเขาในตอนนี้มีคุณสมบัติพอจะทำตัวโอหังกำเริบเสิบสานได้แล้ว
นับตั้งแต่มายังโลกนี้ หายเจวี๋ยไม่เคยตกเป็นรองศัตรูในการต่อสู้เลย ทุกครั้งที่เขาลงมือจะต้องมีความมั่นใจว่าสามารถสังหารอีกฝ่ายได้แน่นอน
หากอยู่ในช่วงก่อนพิสูจน์เทพผู้สร้าง หานเจวี๋ยอาจจะเอาชนะเจ้านวฟ้าบุพกาลได้ แต่ไม่มีทางสังหารเขาได้ แต่ตอนนี้ต่างกันออกไปแล้ว ความเป็นความตายของผู้สร้างมรรคาล้วนอยู่ในกำมือเขา
หานเจวี๋ยหยิบพู่กันเทพรังสรรค์ออกมา
พู่กันด้ามนี้จารึกอักขระมรรคาสีสดใสไว้ ปลายพู่กันเชื่อมต่อกับมหามรรคสามพันวิถีที่ทรงพลังอำนาจที่สุด ตัวพู่กันควบรวมก่อตัวขึ้นจากกฎเกณฑ์พื้นฐานของดินแดนเวิ้งว้าง นี่คือพู่กันที่รังสรรค์ได้ทุกสิ่งและทำลายได้ทุกอย่างเช่นกัน
หากผู้ที่มิได้มีตบะในระดับเทพผู้สร้างมาแตะต้องพู่กันด้ามนี้เข้าจะสลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที
ผู้สร้างมรรคาอาจจะฟื้นคืนชีพได้ แต่ยอดมหามรรคไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก!
กล่าวอีกนัยคือ หากหานเจวี๋ยโยนพู่กันเทพรังสรรค์เข้าไปในฟ้าบุพกาล ก็สามารถทำให้ยอดมหามรรคล้มตายได้เป็นเบือ
หานเจวี๋ยเล่นพู่กันเทพรังสรรค์ สัมผัสกับพลังของมัน
….
ณ อาณาเขตพ้นนิวรณ์
ภายในมิติลึกลับ มหาเทวาพ้นนิวรณ์พลันตื่นขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกชั่วพริบตานั้นคืออะไรกัน มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่หรือ”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์พึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แต่กลับทำนายถึงสาเหตุของความรู้สึกเมื่อครู่ไม่ได้
อาจเป็นเพราะรูปการณ์ของฟ้าบุพกาลที่ทำให้เขากระวนกระวาย เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลและมหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญเลือกฝั่งเจ้านวฟ้าบุพกาล ร่างแยกของผู้สร้างมรรคาทั้งสองฝ่ายต่างไม่อาจทำอะไรกันและกันได้ ทำให้รูปการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ผลคือยิ่งทำให้เกิดความสับสนอลหม่านยิ่งขึ้น
มหาเทวาพ้นนิวรณ์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหานเจวี๋ย
ไม่ทราบเช่นกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจะลงมือยามไหนกัน
ในเวลานี้เอง จู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแกร่งกล้าสายหนึ่ง
“หานฮวง…พลังอันไร้ขีดจำกัดนี้ใกล้จะบรรลุสู่ผู้สร้างมรรคาแล้ว น่าเสียดาย คุณสมบัติกายยังไม่เปลี่ยนแปลงไป”
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ทอดถอนใจ ในฐานะผู้สร้างมรรคา เขามองเห็นชัดเจนยิ่งนักว่าหานฮวงเดินไปผิดทางแล้ว ได้แต่นึกฉงนว่าเหตุใดหานเจวี๋ยไม่เข้ามาจัดการ
มหาเทวาพ้นนิวรณ์คิดๆ ไปก็ไม่เข้าใจ จึงไม่คิดมากอีก จมจ่อมอยู่ในห้วงนิทราต่อไป ตระหนักรู้ในมหาโชคแห่งตน
….
ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม เก้าเทวดารากลับมาแล้ว
ร่างแยกของหานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายพวกเขาเข้าสู่อาณาเขตเต๋า พวกเขามาถึงก็คุกเข่าอยู่ด้านหน้าอารามเต๋าของหานเจวี๋ย รอให้หานเจวี๋ยเรียกตัว
ประตูใหญ่เปิดออก เก้าเทวดาราเข้าสู่อาราม
พวกเขาคุกเข่าคารวะหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม หานจงเต้าโบกมือปล่อยเทพมารปฐมยุคออกมา
เวลานี้เทพมารปฐมยุคเหลืออยู่เพียงวิญญาณเท่านั้น สะบักสะบอมอย่างยิ่ง เขาลืมตาขึ้นมาพอเห็นหานเจวี๋ยก็อดที่จะตะลึงไปไม่ได้
ใบหน้าของหานเจวี๋ยทำให้เขาตกตะลึง เขาเลื่อนลอยไปราวกับได้เห็นหานหลิง
ตูม…
วิญญาณของเทพมารปฐมยุคพลันระเบิดตัว มอดไหม้ไปเอง
เก้าเทวดาราตะลึงงัน
หานเจวี๋ยที่กำลังตรวจสอบจดหมายอยู่เลิกคิ้วนิดๆ วิญญาณของเทพมารปฐมยุครวมตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เขาจำเป็นต้องระงับพลังเทพแห่งเทพผู้สร้างไว้
สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ไม่สามารถหมิ่นหยามเทพผู้สร้างได้ ยิ่งไม่อาจจ้องมองเทพผู้สร้างตรงๆ เป็นระยะเวลานานได้
เก้าเทวดาราบ่มเพาะมารยาทมายาวนาน พอเข้ามาก็มองหานเจวี๋ยเพียงแวบเดียวแล้วก้มหน้าลงไปทันที ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบ
เทพมารปฐมยุคที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาตระหนกสับสน ไม่กล้ามองหานเจวี๋ยอีก
‘เกิดอะไรขึ้น…เขาเป็นใคร…เมื่อครู่ข้าดับสูญไปอย่างนั้นหรือ’
เทพมารปฐมยุคนึกถึงความรู้สึกน่าหวาดกลัวก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวจนหายใจไม่ทั่วท้องเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกสิ้นหวังนั้นเปี่ยมล้นอยู่ในก้นบึ้งจิตใจของเขาอย่างไม่อาจลบเลือน
หานเจวี๋ยไม่ได้ไล่เก้าเทวดาราออกไป แต่หลุบตามองเทพมารปฐมยุค เอ่ยไปว่า “ข้าก็คือเทพมารปฐมยุค ส่วนเจ้าเป็นเพียงร่างวิวัฒนาการจากเสี้ยวปราณปฐมยุคในตอนที่ข้าสร้างโลกปฐมยุคขึ้น แต่กลับแอบอ้างใช้ชื่อข้า สมควรได้รับโทษเช่นใดเล่า”
เทพมารปฐมยุคตัวสั่นงันงก ไม่รู้ว่าสมควรจะตอบอย่างไร
นามของเขาคือความภาคภูมิใจของเขา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาต้องระเบิดโทสะออกมาแน่นอน ต้องการสู้ตายเพื่อปกป้องไว้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ย เขามีเพียงความรู้สึกหวาดกลัวอย่างไร้สิ้นสุดเท่านั้น ไม่มีความกล้าเลยแม้แต่น้อย