ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 1115 ศึกตัดสินเปิดฉากขึ้นแล้ว!
บทที่ 1115 ศึกตัดสินเปิดฉากขึ้นแล้ว!
“เจ้าแดนต้องห้าม…อันธการ…”
ซูฉีกัดฟันเอ่ย ไม่แปลกเลยที่ก่อนหน้านี้จะไม่เห็นเงาร่างเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ที่แท้ก็ซ่อนตัวอยู่บนหัวอนธการสิ้นแสง
หานเจวี๋ยไม่สนใจซูฉีอีก
มหามรรคอัมพรโจวซ่งถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ทนไปเถอะ หนีไม่รอดหรอก”
ซูฉีไม่ได้นึกสงสัยในคำพูดเขาเลย มหามรรคอัมพรโจวซ่งมีชื่อเสียงก้องฟ้าบุพกาลแต่ก็ยังมีบทลงเอยที่น่าอนาถเช่นนี้ เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแข็งแกร่งมากเพียงใด
หลังอนธการสิ้นแสงพบว่าซูฉีหายไป มันคำรามอย่างไม่สบอารมณ์ทันที
เหยื่อที่หาพบได้ยากหายตัวไป เป็นใครก็ต้องหงุดหงิดทั้งนั้น
หานเจวี๋ยทอดสายตามองออกไปไกลๆ
เขามองเห็นหานฮวง สื่อหยวนหงเหมิง หวงจุนเทียนและเก้ามหาฟ้าบุพกาลกำลังหารือกันว่าจะจัดการตนอย่างไรดี
รอจนพวกเขามาจัดการหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยก็จะกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้น
มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ครานี้อาจจะดำเนินไปหลายร้อยล้านปี หรือถึงขั้นที่นานยิ่งกว่านั้น
ไม่นานนัก อนธการและฟ้าบุพกาลประกาศร่วมมือกัน ขณะเดียวกันก็ประกาศว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการน่ากลัวมากเพียงใด เป็นภัยคุกคามต่อฟ้าบุพกาลมากขนาดไหน
สาวกลัทธิอันธการออกเข่นฆ่าสรรพสิ่งไปทั่วสารทิศ ยิ่งทำให้สรรพสัตว์ตัดสินใจขึ้นมาแล้วว่าจะจัดการเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ห้าพันปีต่อมา อนธการและฟ้าบุพกาลระดมพลอริยะมหามรรคทั้งหมดมาชุมนุมกันในห้วงอวกาศแห่งหนึ่ง ตั้งด่านขวางทางไปของอนธการสิ้นแสงอยู่ที่นี่
หานฮวง สื่อหยวนหงเหมิง หวงจุนเทียน เก้ามหาฟ้าบุพกาล ผู้แข็งแกร่งเหนือชั้นทั้งหมดสิบสองคนยืนเรียงแถวกัน แต่ละคนแกร่งกล้าทรงพลัง กินกันไม่ลงเลย สั่นสะเทือนห้วงอวกาศอันมืดมิด
จ้าวซวงเฉวียนเอ่ยขึ้นว่า “เดิมทีมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะเป็นการต่อสู้ระหว่างอนธการและฟ้าบุพกาล แต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นั้นกลับหาญกล้ามาท้าทายฟ้าบุพกาลและอนธการ ต้องการทำลายมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ น่าชังโดยแท้ ถึงแม้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะแข็งแกร่ง แต่หากพวกเราร่วมมือกันจะต้องทำลายล้างเขาได้แน่!”
คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้ทรงพลัง ดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยเรื่องศีลธรรมที่มีไว้หลอกลวงสรรพสิ่งเหล่านั้นอีก
หานฮวงเอ่ยต่อว่า “เหล่าอนธการเอ๋ย เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจำเป็นต้องตาย มิเช่นนั้นหากยุคแห่งอันธการมาเยือน ไม่ว่าจะเป็นฟ้าบุพกาลหรือว่าอนธการ ล้วนไม่อาจดำรงอยู่ต่อไปได้ นี่คือศึกตัดสิน ไม่มีโอกาสที่สองแล้ว พ่ายแพ้มีเพียงความตาย พวกเจ้าทั้งหมดล้วนต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลัง หากอยากหลบหนี พวกเจ้านึกจริงๆ น่ะหรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะปล่อยให้พวกเจ้ารอดไปได้”
“นึกถึงสาวกอันธการเหล่านั้นเถิด เป็นผู้ใดกันเล่า ล้วนเป็นคนไร้ห่วงพะวงหรือไม่ก็เป็นผู้กำหนดชะตาเคราะห์ตัวตนที่อยู่นอกเหนือไปจากมหามรรค แต่ดวงชะตาของพวกเราเชื่อมโยงกับฟ้าบุพกาล หากว่าฟ้าบุพกาลและอนธการล่มสลายไปก่อนที่ยุคสมัยไร้สิ้นสุดมาถึง พวกเราล้วนต้องตายกันหมด!”
หานฮวงและจ้าวซวงเฉวียนเริ่มเอ่ยกระตุ้นขวัญกำลังใจ นี่เป็นความเข้าขาในฐานะผู้ที่มีศัตรูร่วมกัน เหล่าผู้ทรงพลังในที่นี้วางใจอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเขานึกกลัวอยู่ว่าหานฮวงและจ้าวซวงเฉวียนจะไม่ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันด้วยใจจริง ไม่อยากต้องมาคอยระแวงกันเองในช่วงที่ต่อสู้กับอนธการสิ้นแสง
รอจนพวกเขาปราศรัยจบ สิบสองขุนพลที่นำด้วยหานฮวงและจ้าวซวงเฉวียนก็นำกองทัพมุ่งหน้าไป ยอดมหามรรคและอริยะมหามรรครีบตามหลังไปติดๆ แต่ละคนนำสมบัติวิเศษออกมา จิตใจตึงเครียด
สี่ผู้ทรงพลังครึ่งก้าวสู่ผู้สร้างโผล่มาจากทิศทางที่ต่างกันไป พวกเขาคือร่างแยกของเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล มหาเทวาพ้นนิวรณ์ มหาเทวาผลาญนภาไร้สิ้นสูญและจอมเทวาวินาศลับเลือนพิสุทธิ์
พวกเขาไม่ได้พูดอันใดมาก เข้าร่วมขบวนของพวกหานฮวงทันที ทุกคนต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อทอดสายตามองทะลุจักรวาลนับไม่ถ้วนไป พวกเขามองเห็นเงาร่างของอนธการสิ้นแสงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามาอย่างเชื่องช้า เซื่องซึมหาวนอน พ่นไอโลหิตที่ทำให้คนสะอิดสะเอียนออกมา ก่อตัวเป็นหมอกคาวคลุ้งบดบังจักรวาล
บรรยากาศน่าหวาดผวาเข้าครอบงำกองทัพอนธการและฟ้าบุพกาล
วงแสงดวงแล้วดวงเล่าปรากฏขึ้นรอบขบวนทัพ เงาร่างใหญ่มโหฬารมากมายกระโจนออกมาจากด้านใน
เหล่าดวงจิตมหามรรคอย่างเทพมหาทัณฑ์ เทวีตราวินัยและพวกนักพรตเต๋าเสินเผาปรากฏตัวขึ้น ในบรรดานั้นรวมไปถึงกลุ่มเทวทัณฑ์ด้วย มีจำนวนมากมายหลายร้อยคน
บรรพชนเทพปฐมกาลก็มาเช่นกัน เขาจ้องมองเทพมหาทัณฑ์ด้วยแววตาเย็นชา แฝงเจตนาสังหารเลือนราง
หานทั่ว อี๋เทียนและพวกชื่อฝาห้าเทวทัณฑ์รุ่นบุกเบิกก็มาเช่นกัน
ทว่าพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมขบวนทัพของสำนักซ่อนเร้น แต่ไปเข้าขบวนฟ้าบุพกาล
หง่าง…
เสียงระฆังดังก้องแว่วเข้ามา แสงเจิดจ้าขับไล่ความมืดมิด เรือนร่างสะโอดสะองที่ใหญ่โตมโหฬารพอๆ กับอนธการสิ้นแสงปรากฏตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กจ้อยมากมายรายล้อมรอบกายนาง เนืองแน่นเรียงราย ราวกับหมู่ดวงดารา
จักรพรรดิแห่งวังจักรพรรดิมหาโชค!
หานหลิงนำกองทหารจักรพรรดิมุ่งหน้ามา หานเย่ หานเหยาและหานป้าเสินที่อยู่ด้านหลังก็นำกองทัพอริยะมหามรรคทั้งหมดของวังจักรพรรดิมหาโชคมาด้วยแช่นกัน
ไม่มีผู้ใดตระหนกตกใจ ผู้ทรงพลังทั้งหมดล้วนยอมรับทุกอย่างที่เกิดโดยปริยาย มีกองกำลังทุกหัวระแหงมุ่งหน้ามาเข้าร่วม ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มสูงไร้ขีดจำกัด
กองกำลังจากขั้วอำนาจต่างๆ อย่างราชันฟ้าบุพกาลอุดรทิศ เผ่ามนุษย์มรรคาสวรรค์ เจ้าหุบเหวสุดเขตประจิม กองกำลังจากผลาญนภา พ้นนิวรณ์เป็นต้นค่อยๆ มาถึง
จำนวนคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีอริยะมหามรรคเกินหลักหมื่นแล้ว!
พวกเขาล้วนละทิ้งแนวหลังมา มุ่งหน้ามาเข้าร่วมศึกตัดสิน
สาวกลัทธิอันธการไร้ซึ่งแรงกดดันแล้ว ดำเนินการเข่นฆ่าผลาญชีวิตสรรพสิ่งตามสถานที่ต่างๆ ในฟ้าบุพกาล เหล่าผู้ทรงพลังที่รับรู้ถึงเรื่องเหล่านี้ได้แต่นึกเกลียดชังอยู่ในใจ
จัดการเจ้าแดนต้องห้ามอันธการให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยกำจัดเจ้าพวกนั้น!
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นตัวสั่นงันงก เอ่ยกับมู่หรงฉี่ที่อยู่ด้านข้างว่า “จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าท่านไก่ชาญฉลาดนัก”
มู่หรงฉี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร กวนปู้ไป้ก็ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง เอ่ยไปว่า “พวกเราฝึกบำเพ็ญมาหลายร้อยล้านปีเพื่ออะไรกันเล่า ก็เพื่อวันนี้มิใช่หรือ ไขว่คว้าโอกาสรอดชีวิตให้สรรพสิ่ง!”
“ใช่แล้ว นี่คือภารกิจที่เจ้าสำนักเตรียมไว้ให้พวกเรา นับเป็นภารกิจใหญ่!”
เจียงอี้ยิ้มแล้วเอ่ยตามมา ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มตื่นเต้น
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นส่วนใหญ่ล้วนมีสีหน้าเช่นนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเทพมารฟ้าบุพกาล แต่ละคนเลือดลมพลุ่งพล่าน อยากเปิดฉากสังหารก่อนใจแทบขาดแล้ว
อีกด้านหนึ่ง
หานเหยาเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ไม่คิดเลยว่าอนธการและฟ้าบุพกาลจะร่วมมือกัน จะว่าไปก็ต้องขอบคุณเจ้าแดนต้องห้ามอันธการยิ่งนัก”
“ฮึ่ม พูดจาเลอะเทอะ!”
หานเย่แค่นเสียง ทอดสายตามองไปที่ร่างหานฮวง
ในที่สุดก็ได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง!
หานเย่กำธนูปฐมเทพทลายโลกาแน่น แววตาเปี่ยมจิตวิญญาณการต่อสู้
สิ่งที่ควรจะมาก็ล้วนมากันแล้ว หานฮวงเริ่มเร่งความเร็วขึ้น เขาแปลงกายกลับสู่ร่างจริงของเทพมารอนธการ ร่างกายใหญ่โตกว่าหานหลิงเสียอีก
สื่อหยวนหงเหมิงและหวงจุนเทียนก็เปลี่ยนร่างตามเช่นกัน รูปลักษณ์ดูไม่ด้อยไปกว่าหานฮวงเลย เห็นได้ชัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้ทรงพลังตกใจ
หรือว่าพวกเขาก็คือ…
เหล่าผู้ทรงพลังไม่ได้สนใจมากนัก เพราะนับว่าเป็นเรื่องดีต่อสถานการณ์ในตอนนี้
ทะลุผ่านห้วงจักรวาลไปชั้นแล้วชั้นเล่า ในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นอนธการสิ้นแสงแล้ว
หานเจวี๋ยตั้งใจเผยตัวให้พวกเขาได้เห็น
“ซูฉี!”
หลี่เต้าคงขมวดคิ้ว เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันใด
“รนหาที่ตาย!”
เทพมารขุนพลสวรรค์เข้าโจมตีทันที เทพมารฟ้าบุพกาลอีกหลายสิบตนแห่งสำนักซ่อนเร้นตามเขาไปติดๆ ศิษย์คนอื่นๆ ก็รีบไล่ตามไปเช่นกัน ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะเสียเปรียบ
พอเห็นเช่นนี้ หานฮวงตะโกนสั่งทันที “บุก!”
เขาย่อตัวกระโจนออกไป ปฐมยุคสิ้นสูญปรากฏขึ้นจากฝ่ามือเขา เหวี่ยงคมดาบทัณฑ์เทพฟันเข้าใส่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่อยู่บนหัวอนธการสิ้นแสง
“โฮก…”
อนธการสิ้นแสงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว คลื่นเสียงน่าหวาดหวั่นกวาดม้วนไปทั่ว ห้วงมิติพังทลายลงชั้นแล้วชั้นเล่าอย่างที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หานฮวงไม่ทันป้องกัน ถูกกระแทกลอยละลิ่วออกไป พุ่งขึ้นไปด้านบน กระแทกกับมหามรรคสามพันวิถีในชั่วพริบตา
‘เป็นไปได้อย่างไร! เหตุใดเด็กคนนี้ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้’
หานฮวงคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาคือผู้ที่สร้างอนธการสิ้นแสงขึ้นมา!
ไม่ใช่เพียงเขาเท่านั้น เทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมดก็ถูกเหวี่ยงปลิวออกไป ยอดมหามรรคที่เข้าโจมตีตามหลังมาก็เช่นกัน
“มีฝีมือเพียงเท่านี้ยังคิดจะปกป้องฟ้าบุพกาลอีกหรือ ฝันเฟื่องนัก!”
น้ำเสียงเยาะเย้ยของหานเจวี๋ยดังขึ้น นั่นคือเสียงในแบบของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เย็นชาเย้ยหยันรวมถึงหมิ่นแคลน