ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 112 ระดับฝ่าด่านเคราะห์ สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 112 ระดับฝ่าด่านเคราะห์ สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์
ภายในโรงเตี๊ยม เมืองสำนักฝ่ายใน
หานเจวี๋ยพบกับเซวียนฉิงจวิน ใบหน้าของมารสาวนางนี้ยังคงเหมือนดั่งในคราแรก ไม่นับว่างดงาม ทว่าไม่ได้ดูน่าเกลียด หากสรุปคือธรรมดาทั่วไป
แม้เขาจะบรรลุถึงระดับรวมกายาขั้นเก้าแล้ว แต่หานเจวี๋ยยังคงประหม่ามากอยู่ดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเซวียนฉิงจวิน สมบัติวิญญาณบนร่างพร้อมถูกกระตุ้นทุกเวลา
เรื่องมาถึงขั้นนี้คงปิดต่อไปไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียเซวียนซือซือก็รู้แล้วว่าเขาคือผู้อาวุโสสังหารเทพ บางทีนางอาจจะบอกเรื่องนี้กับเซวียนฉิงจวินแล้วก็ได้
“ผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ก็คือเจ้า? เจ้าเป็นผู้สังหารพญาอสรพิษหยกหรือ”
เซวียนฉิงจวินถือจอกเหล้าไว้ในมือ ขณะที่เอ่ยถามพลางแกว่งจอกเหล้าไปด้วย
ท่าทีของนางเรียบนิ่ง ทำให้ไม่สามารถมองความคิดภายในใจของนางได้
หานเจวี๋ยพยักหน้าลงน้อยๆ
ในใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อย่างไรเสียเขาก็ไม่เข้าใจอารมณ์และเจตนาของเซวียนฉิงจวินเลย
สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือขณะที่จำลองการทดสอบ เขาพ่ายแพ้ให้แก่เซวียนฉิงจวิน!
ภรรยาคนนี้ยามต่อสู้ขึ้นมาช่างแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน น่าสยดสยองเกินไปแล้ว!
มิน่าเล่าถึงมีนามว่าจอมมาร!
“ข้าก็ยังประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ เจ้าสามารถสังหารพญาอสรพิษหยกได้ บรรลุถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์แล้วใช่หรือไม่” เซวียนฉิงจวินเอ่ยถาม
นางไม่สามารถมองทะลุตบะของหานเจวี๋ยได้ ภายใต้การอำพรางของระบบ ตบะภายนอกของหานเจวี๋ยยังอยู่ในระดับสร้างฐานขั้นเก้ามาโดยตลอด
หานเจวี๋ยส่ายหน้าเอ่ย “เพิ่งถึงระดับรวมกายาขั้นเก้าเท่านั้น”
ในที่สุดเซวียนฉิงจวินก็เผยรอยยิ้มออกมา กล่าวด้วยความชื่นชมว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบหมื่นปี ดีมาก เหมาะแล้วที่เป็นคู่บำเพ็ญเพียรของข้า”
[ความประทับใจที่เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]
หานเจวี๋ยลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เซวียนฉิงจวินยกมือขวาขึ้นโบก โอสถสามขวดพลันปรากฏขึ้นบนโต๊ะ
“โอสถเหล่านี้เป็นโอสถที่เหมาะสำหรับการฝึกฝนระดับฝ่าด่านเคราะห์ เจ้ารับมันไปเถอะ” เซวียนฉิงจวินยิ้มบางพลางเอ่ย
หานเจวี๋ยไม่เกรงใจ รับโอสถทั้งสามขวดมา ก่อนถามว่า “เจ้ามาที่สำนักหยกพิสุทธิ์เพราะข้า?”
เซวียนฉิงจวินกล่าวว่า “ทั้งใช่และไม่ใช่ ข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องของพญาอสรพิษหยก ปีศาจตนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ข้ามาเพื่อแก้แค้นให้กับเขา หลังจากนี้หากมีคนอื่นถามเจ้า เจ้าอย่าได้ยอมรับว่าเป็นผู้สังหารพญาอสรพิษหยก ผู้สังหารตัวจริงถูกข้าฆ่าตายไปแล้ว เข้าใจหรือไม่”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนยังมีเส้นสายในโลกมนุษย์ด้วยหรือ
สามารถให้จอมมารระดับมหายานลงมือด้วยตนเองเช่นนี้ได้ นี่ไม่ใช่ธรรมดาเลย
ราวกับมองทะลุความกังวลของหานเจวี๋ยออก เซวียนฉิงจวินจึงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “เจ้าเพียงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดก็พอ ข้าจะจัดการคนพวกนั้นเอง เจ้าตั้งใจฝึกฝนให้ดี ไม่ต้องเป็นกังวล”
หานเจวี๋ยพยักหน้า
บรรยากาศเริ่มเงียบงัน
เซวียนฉิงจวินจ้องมองหานเจวี๋ยด้วยรอยยิ้ม จนเขารู้สึกประดักประเดิด เบนสายตามองออกไปทางอื่น
ผ่านไปสักพัก
หานเจวี๋ยรู้สึกทนไม่ไหว เขาหยิบไม้เท้าพฤกษาทองออกมา เอ่ยว่า “นี่คือของวิเศษของพญาอสรพิษหยก ให้เจ้าไว้ก็แล้วกัน ของวิเศษนี่ก็ไม่ธรรมดาเลย”
ถึงเก็บไว้ก็เป็นของที่ขโมยมา อาจจะเกิดปัญหาได้ง่าย
เซวียนฉิงจวินเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ของวิเศษชิ้นนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ดีเลย หากข้านำกลับไปด้วยคงทำให้คนพวกนั้นเชื่อว่าผู้สังหารตัวจริงถูกฆ่าตายไปแล้ว”
เอ่ยพลางนางก็นำไม้เท้าพฤกษาทองเก็บเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ก่อนหยัดกายลุกขึ้น
“ใต้หล้าใกล้ถึงคราวเปลี่ยนแปลง เจ้าทั้งตั้งใจฝึกฝน และเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของข้า แม้ฟ้าจะถล่มผืนดินจะทลาย ข้าก็จะปกป้องเจ้าให้ปลอดภัย”
เซวียนฉิงจวินเดินไปที่ริมหน้าต่าง เตรียมที่จะจากไป
หานเจวี๋ยรีบร้อนเอ่ยถามขึ้นว่า “ข้าขอทราบนามของผู้ที่ต้องการล้างแค้นให้พญาอสรพิษหยกได้หรือไม่”
เซวียนฉิงจวินหยุดฝีเท้า ใช้หางตามองเขา เอ่ยว่า “มารหลัวฉิว”
นางหายตัวไปจากริมหน้าต่างทันที
หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบเพื่อตรวจสอบดู พบว่านางอยู่ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์ในระยะร้อยลี้ไปแล้ว
หายไปรวดเร็วนัก!
จากนั้นหานเจวี๋ยก็ลุกขึ้นจากไป
เมื่อกลับมาในถ้ำเทวาฟ้าประทาน เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งมารหลัวฉิวทันที
…..
สามปีต่อมา
หานเจวี๋ยยกระดับตบะของตนจนถึงระดับรวมกายาขั้นเก้าขั้นโดยสมบูรณ์ เตรียมพร้อมที่จะทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์
ตามบันทึกของวิชาวัฏจักรหกวิถี ระยะเวลาของเคราะห์สวรรค์ในระดับฝ่าด่านเคราะห์นั้นเป็นหลายเท่าของระดับรวมกายา พลานุภาพก็หลายเท่าเช่นกัน
เขารู้สึกลังเลอยู่บ้าง เคราะห์สวรรค์ของระดับฝ่าด่านเคราะห์จะต้องน่ากลัวอย่างแน่นอน หากเขาไปที่แดนหมื่นปีศาจอีก ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นการทำลายแดนหมื่นปีศาจก็ได้
หานเจวี๋ยลุกขึ้นและเดินออกจากถ้ำไป
ไก่คุกรัตติกาล หยางเทียนตง ฉางสวินอันและมู่หรงฉี่ยังคงฝึกฝนอยู่
ตั้งแต่ศึกระหว่างหานเจวี๋ยและพญาอสรพิษหยกจบลง พวกเขาทั้งสี่ยิ่งหนักแน่นในความคิดที่จะฝึกฝนอย่างหนัก ไม่ออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกอีกเด็ดขาด
หานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยอะไรกับพวกเขา เพียงรีบเร่งลงเขาไปทันที
เขาพบถ้ำเทวาแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนไหล่เขา ผู้ที่อาศัยอยู่ด้านในนั้นคือหลี่ชิงจื่อ
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังไม่กลับมา แต่หลายปีก่อนหลี่ชิงจื่อก็ย้ายมาที่นี่แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงของหานเจวี๋ย หลี่ชิงจื่อก็เปิดประตูถ้ำเทวาทันที ก่อนเชิญหานเจวี๋ยให้เข้ามาด้านใน
“ท่านเจ้าสำนัก บริเวณนี้มีสถานที่ใดที่เหมาะสำหรับการฝ่าด่านเคราะห์บ้างหรือไม่ หากจะให้ดีขอเป็นในระยะหนึ่งร้อยลี้นี้ ไม่มีผู้ใดรบกวน” หานเวี๋ยเอ่ยถามอย่างตรงประเด็น
เมื่อหลี่ชิงจื่อได้ยิน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
ฝ่าด่านเคราะห์?
นี่นับเป็นการทะลวงระดับครั้งใหญ่เชียวนะ!
หลี่ชิงจื่อเงียบไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ทางฝั่งตะวันออกของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีที่ราบอยู่ที่หนึ่ง เนื่องจากมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี ทำให้แมลงพิษและสัตว์ปีศาจเติบโตเป็นจำนวนมาก ผู้บำเพ็ญน้อยคนนักที่จะไปที่นั่น สามารถไปฝ่าด่านเคราะห์ที่นั่นได้ ข้าจะพาท่านไป”
หานเจวี๋ยพยักหน้าลง ทั้งสองคนรีบออกจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนในทันที
ใต้ต้นฝูซัง
มู่หรงฉี่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่า “เหตุใดอาจารย์และท่านเจ้าสำนักถึงได้ออกไป”
ไก่คุกรัตติกาลที่อยู่บนกิ่งไม้แค่นเสียงเอ่ยว่า “จะต้องไปทะลวงระดับอย่างแน่นอน ขอบเขตความเร็วในการทะลวงของนายท่านนั้นเร็วกว่าขอบเขตที่ต่ำเตี้ยของพวกเจ้านัก พวกเจ้ารู้สึกละอายบ้างหรือไม่”
มู่หรงฉี่เบ้ปาก
“แล้วเจ้าเล่า รู้สึกว่าเจ้าเองก็ไม่ได้ทะลวงใดๆ เลย” หยางเทียนตงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
ไก่คุกรัตติกาลโพล่งขึ้นว่า “ปู่ไก่แข็งแกร่งกว่าเจ้าก็แล้วกัน!”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร”
“ปู่ไก่ก็แค่เหนือกว่าเจ้า!”
“เจ้า…”
หยางเทียนตงเดือดดาลจนแทบจะอกแตกตาย ทำได้เพียงกระฟัดกระเฟียดกลับไปฝึกฝน หันหลังให้ไก่คุกรัตติกาล ไม่มองท่าทางลำพองของมัน
หนึ่งไก่หนึ่งสุนัขของอาจารย์ ล้วนแต่เอาเรื่องกันทั้งนั้น!
…..
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน
หานเจวี๋ยและหลี่ชิงจื่อมาถึงพื้นที่ราบแห่งหนึ่งที่มีฝนตกชุก
“ท่านกลับไปก่อนเถิด ข้าคงต้องใช้เวลาในการฝ่าด่านเคราะห์สักหน่อย” หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว
หลี่ชิงจื่อลังเลเล็กน้อย ก่อนถามว่า “ไม่ต้องการให้ข้าคุ้มกันท่านหรือ”
“ศัตรูที่สามารถรบกวนการฝ่าด่านเคราะห์ของข้า ท่านก็สามารถต้านทานได้หรือ”
“นับว่ามีเหตุผล… ลาก่อน!”
เมื่อหลี่ชิงจื่อจากไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ทะยานไปข้างหน้าต่อ
ฝนยังคงตกอยู่ตลอด ท้องฟ้ามีหมอกหนาทึบ มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด บนที่ราบมีพฤกษาที่บางตา ไต่ตอมไปด้วยแมลงพิษหลากหลายชนิด บางครั้งยังสามารถมองเห็นสัตว์ปีศาจที่ยังไม่แปลงกายบางส่วนห้อตะบึงอยู่บนพื้นหญ้า
หานเจวี๋ยใช้เวลาในการเลือกสถานที่ไม่นาน เขานั่งสมาธิบนอากาศ เริ่มเคลื่อนย้ายลมปราณ เตรียมที่จะฝ่าด่านเคราะห์
สามชั่วยามต่อมา
เคราะห์สวรรค์มาถึง!
ด้วยสมบัติวิญญาณและความแข็งแกร่งในตัวของหานเจวี๋ย แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตกตายในเคราะห์สวรรค์ เว้นแต่เพียงจะมีคนใช้โอกาสนี้โจมตีเขา
แม้ในต้าเยี่ยนจะไม่มีผู้ใดที่แข็งแกร่งกว่าเขา แต่เขาก็มักจะกังวลอยู่เสมอ
จากประสบการณ์ในนิยายบำเพ็ญเซียนส่วนหนึ่งที่เขาเคยอ่านมา เค้าโครงเรื่องใหม่อาจจะเริ่มขึ้นเมื่อตัวเอกถูกรบกวนขณะฝ่าด่านเคราะห์
หนึ่งเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยฝ่าด่านเคราะห์สำเร็จ และประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจแล้วว่าตนเองไม่ใช่ตัวเอกในนิยาย บุคคลเช่นโจวฝานนั่นต่างหากถึงจะใช่
[ท่านทะลวงระดับฝ่าด่านเคราะห์ได้สำเร็จ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง เตรียมสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์ สามารถไปได้ทั้งสามแดน จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น และหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
[สอง ฝึกฝนต่อไป มุ่งสู่ระดับมหายาน จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น และสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]
หือ?
ระดับฝ่าด่านเคราะห์ก็สามารถขึ้นสวรรค์ได้?
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงจูเชวี่ยและนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน
ทั้งสองยังคงรอเขาอยู่บนสวรรค์นี่นะ แล้วเขาจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร
…………………………………………………………………