ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 264 บุตรคู่แห่งสวรรค์ของนิกายเหริน การตัดสินใจของซูฉี
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 264 บุตรคู่แห่งสวรรค์ของนิกายเหริน การตัดสินใจของซูฉี
มองเห็นจักรพรรดิสวรรค์แย้มแย้มในฉับพลัน หานเจวี๋ยก็เป็นกังวล
การแสดงออกที่ปลิ้นปล้อนมาก!
หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์เริ่มวางแผนให้เขาทำงานให้
หานเจวี๋ยแอบถอนหายใจ
จักรพรรดิสวรรค์ทอดมองหานเจวี๋ยด้วยดวงตาแวววาว และถามขึ้นมา “ความจงรักภักดีที่เจ้ามีต่อวังสวรรค์ยังอยู่หรือไม่”
“วังสวรรค์คือบ้านของกระหม่อม หากกระหม่อมไม่มีศัตรูในหมื่นพิภพ จะต้องส่งวังสวรรค์ให้ถึงจุดสูงสุดอย่างแน่นอน!”
“ฮึ! ก็แค่ตอนนี้ไม่ได้ใช่ไหม”
“แค่กๆ ที่ไหนกัน ตอนนี้กระหม่อมอ่อนแอเกินไป คุณูปการที่สามารถทำให้วังสวรรค์ได้ เทพเซียนองค์อื่นๆ ก็สามารถทำได้ ข้าหวังว่าจะเป็นเสาค้ำยันของวังสวรรค์”
“ฮึ ตั้งแต่วันนี้ไปหากมีจักรพรรดิโจมตีโลกเขย่าพิภพ ข้าจะไม่ยื่นมือเข้ามา แต่หากเหนือกว่าระดับจักรพรรดิ ข้าก็จะไม่ให้เจ้าตายเช่นกัน”
จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียงขึ้นจมูก มีท่าทีราวกับข้ามองเจ้าทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว
หานเจวี๋ยรีบพยักหน้า และได้แต่ตอบรับ
จักรพรรดิสวรรค์สังเกตดูหานเจวี๋ยพลางกล่าวออกมา “บางทีเจ้าสามารถบรรลุถึงระดับต้าหลัวได้”
‘ต้าหลัว!’
หานเจวี๋ยใจเย็นสะท้าน ‘เป้าหมายเล็กๆ ของข้าถูกค้นพบแล้วหรือ’
เขาถามด้วยความอยากรู้ “ต้าหลัวในแดนเซียนมีเยอะหรือไม่”
จักรพรรดิสวรรค์ตอบ “น้อย ตั้งแต่มหาเคราะห์ครั้งก่อนสิ้นสุดลง ก็ไม่มีต้าหลัวถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกเลย บางทีอาจปรากฏในมหาเคราะห์ครั้งต่อไป บุตรแห่งสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของนิกายเหรินสองท่านเข้าใกล้ต้าหลัวแล้ว ส่วนเจ้าล่ะก็ หลังจากมหาเคราะห์ในครั้งหน้าสิ้นสุดลงคงจะพิสูจน์ต้าหลัวได้แล้ว ข้าจะพยายามปกป้องเจ้าให้ฝ่ามหาเคราะห์อย่างปลอดภัย”
แม้วังสวรรค์จะหวาดกลัวมหาเคราะห์ แต่ไม่เคยสิ้นหวังมาก่อน
พวกเขาฝ่ามหาเคราะห์มาหลายครั้งแล้ว!
‘นิกายเหริน?’
หานเจวี๋ยกระพริบตาปริบๆ และถามด้วยความอยากรู้ “นิกายเหรินใช่นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายทั้งสามของสำนักเต๋าหรือไม่”
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายพระพักตร์ตอบ “พูดถึงอิทธิพลนับว่าอ่อนแอที่สุด ตั้งแต่มหาเคราะห์ผนึกเทพสิ้นสุดลง ศิษย์แต่ละรุ่นของนิกายเหรินจะบ่มเพาะแค่สองท่านเท่านั้น เพียงแค่มีศิษย์คนใดคนหนึ่งตาย ศิษย์อีกคนก็ต้องตายด้วย แต่หลังจากศิษย์รุ่นหนึ่งแตกดับไปหมดแล้ว ถึงจะบ่มเพาะรุ่นถัดไป พูดถึงพรสวรรค์ศิษย์นิกายเหรินมีสติปัญญาสูงสุด”
‘หืม? เป็นตายร่วมกัน? ในนิกายคงสภาพศิษย์สองคนตลอดหรือ นี่มันกฎอะไรกัน’
หานเจวี๋ยตกใจเข้าแล้ว
‘เส้นทางอัจฉริยะนี้จะแคบไปหน่อยไหม ไม่กลัวนิกายจะดับสูญหรือ’
“ใช่แล้วบาท พระองค์รู้จักผานซินหรือไม่” หานเจวี๋ยถามด้วยความอยากได้รู้
จักรพรรดิสวรรค์ได้ยินก็ขมวดคิ้วทันที แล้วกล่าวด้วยพระสุรเสียงเคร่งขรึม “เข้ารู้ชื่อนี้มาจากที่ใด”
หานเจวี๋ยไม่ได้ปิดบัง เขาพูดเรื่องที่พบเจอกับผานซินออกมา
จักรพรรดิสวรรค์พระพักตร์เคร่งขรึม “อย่าได้คบค้าสมาคมกับคนผู้นี้ลึกซึ้งเกินไป หากล่วงเกินเขา ข้าก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้ อีกอย่างเขาถูกผู้ทรงพลังที่น่าหวาดอย่างถึงขีดสุดจับตามองอยู่ ยากที่จะปกป้องตัวเองได้ คบกับเขาไม่อาจมีจุดจบที่ดี”
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “หรือว่าในโลกยังมีระดับขั้นที่แข็งแกร่งกว่าพระองค์ จักรพรรดิปีศาจ และบรรพชนพุทธอีกหรือ”
“ฮึ รอเจ้าย่างเข้าสู่ระดับเทพเจ้าก็จะเข้าใจ!”
“เช่นนั้นฝ่าบาทคือระดับเทพหรือ”
“ระดับเทพ? เหอะๆ”
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายพระพักตร์และอดแย้มพระสรวลไม่ได้ จากนั้นก็หายไปจากที่เดิม
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
‘เสียงเหอะๆ นี้… หรือว่าจักรพรรดิสวรรค์คือต้าหลัว’
หานเจวี๋ยแอบตกใจ ไม่สามารถล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ได้จริงๆ
ประเดี๋ยวเดียวหานเจวี๋ยกลับมาฝึกบำเพ็ญต่อในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
การทำความเข้าใจยอดมรรควิถีในก่อนหน้าใช้เวลาเกือบสามปี เขาต้องฝึกบำเพ็ญต่อ
ช่วงชิงเวลาในการทะลวงจักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรในเร็ววัน!
……
ในพระราชวังที่มืดมิดแห่งหนึ่ง ซูฉีกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่
ตั้งแต่หลบหนีจากการล่าสังหารของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงแล้ว เขาก็ปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่วังเทพตลอด และไม่คบค้าสมาคมกับผู้คนด้วย
เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวตรงหน้าซูฉี คือจักรพรรดิเทพกระบี่นั่นเอง
จักรพรรดิเทพกระบี่กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ซูฉี ต่อไปเจ้าจะต้องไปทำภารกิจ”
มองเห็นซูฉีเขาก็ปวดหัว
ขณะที่ตบะของซูฉีสูงขึ้นเรื่อยๆ ดวงชะตาแห่งความโชคร้ายของเจ้าหมอนี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เซียนทองไท่อี่ยังไม่แน่ว่าจะสามารถต้านทานดวงชะตาโชคร้ายของเจ้าหมอนี่ได้
รอเจ้าหมอนี่บรรลุเซียนทองไท่อี่ บางทีแม้แต่จักรพรรดิเซียนก็เกิดหายนะได้
นิกายเจี๋ยช่างน่าขยะแขยงเสียจริง มักจะบ่มเพาะหายนะ!
ซูฉีลืมตาถามด้วยความสงสัย “ภารกิจอันใด”
“สังหารเทพปีศาจ เจ้ากล้าหรือไม่”
จักรพรรดิเทพกระบี่ก้มหน้ามองซูฉีจากที่สูง จงใจยั่วยุเขา
ซูฉีกล่าว “ข้าไม่กล้า”
จักรพรรดิเทพกระบี่นิ่งเงียบ
ซูฉีแอบก่นด่า ‘คิดว่าข้าโง่หรือ สังหารเทพปีศาจ? อีกทั้งอาจารย์ไม่ได้แอบปกป้องข้าอยู่ ข้าไปไม่เท่ากับว่าไปตายหรือ อย่างไรเสียอาจารย์ก็ให้ข้าอยู่ในวังเทพ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!’
ตั้งแต่ถูกราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต้าฮวงคุมขัง เขาก็เข้าใจความตั้งใจดีของหานเจวี๋ยในที่สุด
ขณะที่ยังไม่มีตบะที่แข็งแกร่งอย่างสิ้นเชิง ไม่อาจเตร็ดเตร่ไปทั่วได้จริงๆ!
“ไปเถอะ หากกลัวเทพปีศาจ เช่นนั้นก็ไปสังหารราชาปีศาจ” จักรพรรดิเทพกระบี่ระงับความโกรธแล้วกล่าวออกมา
ซูฉีส่ายหน้ากล่าว “ไม่ไป อันตรายเกินไป ข้าอยากตั้งใจฝึกฝน วังเทพมีน้ำใจกว้างต่อศิษย์มากมิใช่หรือ ไม่ต้องทำภารกิจ เว้นแต่จะฝึกบำเพ็ญสำเร็จแล้ว”
แม้ว่าบุตรแห่งสวรรค์ของวังเทพมีมากมาย แต่ก็เป็นเพราะกฎเกณฑ์ของวังเทพ นอกเสียจากวังเทพจะจัดการแล้ว บรรดาศิษย์ต้องฝึกบำเพ็ญสำเร็จถึงจะออกไปทำภารกิจเองได้
ก่อนหน้าซูฉีถูกจักรพรรดิเทพกระบี่ส่งออกไปทำภารกิจแล้วครั้งหนึ่ง เขาคิดว่าการปฏิเสธในครั้งนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่
ต่อให้เขาจะเป็นศิษย์ที่จักรพรรดิเทพกระบี่รับมา แต่ก็ไม่อาจใช้อำนาจขับไล่ศิษย์ได้
จักรพรรดิเทพกระบี่ขมวดคิ้ว
เขาหมุนตัวจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรมาก
ซูฉีโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และฝึกฝนต่อ
“ข้าใกล้จะบรรลุระดับเซียนแท้ไท่อี่แล้ว หากอาจารย์รู้ต้องดีใจแน่นอน ศิษย์ในสำนักคงไม่มีใครตามข้าทัน” ซูฉีคิดด้วยความภาคภูมิใจ
จู่ๆ เขาก็คิดถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียนมาก
รอเขาสำเร็จเซียนทองแล้วค่อยกลับไป พอถึงตอนนั้นอาจารย์จะต้องประหลาดใจแน่นอน ต่อไปหน้าตาของเขาบำเพ็ญเซียนเขาจะเป็นคนรักษาไว้เอง!
……
ผ่านไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายมาสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจ
ภารกิจประจำวันเหลือแค่จักรพรรดิปีศาจแล้ว หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตบะของเขายากที่จะสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจให้ตายได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้จักรพรรดิปีศาจกระวนกระวายใจได้
ขณะที่สาปแช่งไปด้วยก็ตรวจสอบจดหมายไปพลาง
[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียน] x15
[จอมเทพอู่เต๋อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ]
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย วังเทพไม่ได้รับผลกระทบ คุณสมบัติเทพของดาวตัวซวยเริ่มยกระดับ]
[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพปีศาจ] x239,874
[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านถกมรรคกับผู้ทรงพลัง หยั่งถึงมหามรรคแห่งกรรม]
[ตี้หงเย่สหายของท่านไปจากแดนเซียน เข้าสู่แม่น้ำกาลเวลา]
[เจี้ยงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลัง กายเนื้อถูกทำลาย โชคดีได้ผู้ทรงพลังช่วยไว้]
[จั้งกูซิงสหายของท่านกลับคืนสู่กายเนื้อ จิตแห่งมรรคกระบี่เลื่อนขั้น]
……
วังสวรรค์กับวังปีศาจจะตีกันจริงๆ แล้ว!
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าจั้งกูซิงได้กายเนื้อของตัวเองมาแล้ว เขารีบตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ทันที
‘จั้งกูซิง จักรพรรดิเซียนห้าวัฏจักร! ยอดเยี่ยมเช่นนี้เชียว’
หานเจวี๋ยถูกทำให้ตกใจเข้าแล้ว ก่อนหน้าก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่ไม่ธรรมดา ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
‘จั้งกูซิงจะผงาดขึ้นมาหรือ ต้องเป็นความดีความชอบของข้าอย่างแน่นอน!’
ก่อนหน้านั้นหานเจวี๋ยไม่ได้สาปแช่งอวี้เทียนเป่าให้ตายโดยตรง แต่สะสมการสาปแช่งในก่อนหน้ามากเกินไป คาดว่าสภาพจิตใจคงพังทลายไปนานแล้ว
เพราะอวี้เทียนเป่าไม่มีความเกลียดชังต่อหานเจวี๋ย ทำให้หานเจวี๋ยเกรงใจไม่กล้าสาปแช่งให้อวี้เทียนเป่าตายโดยตรง
หากอวี้เทียนเป่าอยากสังหารจั้งกูซิง จั้งกูซิงคงตายไปนานแล้ว คาดว่าคงถูกสกัดกั้นในวังเทพ
คนผู้นี้ให้จั้งกูซิงสังหารด้วยตนเองเถอะ!
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ เขาตรวจสอบจดหมายต่อ บรรดาแม่ทัพสวรรค์ของวังสวรรค์ล้วนประสบกับการถูกโจมตี การเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่มาก
หานเจวี๋ยรู้สึกถึงวิกฤต ต้องคว้าเวลาทะลวงถึงจักรพรรดิเซียนสองวัฏจักรโดยเร็ว!
ขณะนี้อู้เต้าเจี้ยนเดินเข้ามาจากนอกถ้ำเทวา นางมาตรงหน้าหานเจวี๋ยและกล่าวอย่างระมัดระวัง “นายท่าน สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับมาแล้ว”
……………………………………….