ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 306 เทพสวรรค์ประกาศศึก ดวงชะตาเทพสงคราม
“แต่…”
เงาดำหันกลับมา ทำเอาหานมิ่งเงยหน้าขึ้น ทอดมองเขาอย่างวาดหวัง
“นิกายฉ่านกำลังจะจัดงานชุมนุมคุณสมบัติเซียนที่คุนหลุน ภูตเซียนอายุต่ำกว่าหนึ่งล้านปีล้วนสามารถเข้าร่วมได้ เจ้าลองไปดูสิ จะได้รับโชคใดก็ขึ้นอยู่กับเจ้าทั้งสิ้น หลังจากจบงานชุมนุมใหญ่แล้วเจ้าต้องกลับมา ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้เจ้าข้าศิษย์อาจารย์ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
เมื่อหานมิ่งได้ยินเช่นนี้ ก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก รีบร้อนคารวะขอบคุณเป็นพัลวัน
เขาอยู่ที่นี่มาสามพันกว่าปีแล้ว ตั้งแต่ที่จำความได้ก็อยู่ที่นี่ไม่เคยไปที่ใด แม้กระทั่งพ่อแม่ของเขาก็ยังไม่เคยพบด้วยซ้ำ
เขารอคอยโอกาสที่จะได้ออกไปข้างนอกมาโดยตลอด!
“ข้าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังเป็นอันขาด!”
หานมิ่งรับปาก น้ำเสียงตื่นเต้นยิ่งนัก
เงาดำพยักหน้าเล็กน้อย ร่างกายเคลื่อนไหว ตั้งท่าจะจากไป
หานมิ่งรีบเอ่ยถามขึ้นทันควัน “พี่ชายข้าจะไปหรือไม่”
เงาดำพูดอย่างมีเลศนัย “เขาไม่ไปหรอก เจ้าอย่าเอาแต่คิดถึงเขา ระยะห่างระหว่างพวกเจ้ามากเกินไปนัก แม้ตอนนี้เจ้าอยากจะยอมรับเขาเป็นพี่ชาย แต่เขาก็คงไม่ยอมรับเจ้า เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเจ้ามีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีอาจารย์คอยดูแล ส่วนเขาอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ในใจของเขาไม่ยอมรับความรักฉันท์ครอบครัวตั้งนานแล้ว สิ่งที่เจ้าควรทำคือการตั้งใจบำเพ็ญตบะให้ดี พยายามเทียมเคียงเขาให้ได้สักวันหนึ่ง”
วาจาสิ้นสุดลง เงาดำก็หายไปจากลานแสดงยุทธ์
หานมิ่งขมวดคิ้ว สองมือกำเป็นหมัดแน่น
……
สิบปีต่อมา
หลังจากหานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญตบะเสร็จแล้ว ก็นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสาปแช่งศัตรู ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบกล่องจดหมายไปด้วย
[จี้เซียนเสินสหายของท่านออกจากยมโลก]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากศิษย์นิกายเจี๋ย] x59308
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x243376
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเข้าสู่แดนลึกลับนิกายเจี๋ย]
[มารสวรรค์เบิกฟ้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูของท่าน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักพรรดิปีศาจศัตรูของท่าน]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านก่อร่างสร้างกายเนื้อใหม่ รู้แจ้งมรรคาสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มพูน]
…
วังสวรรค์เริ่มสู้กับวังปีศาจอีกแล้ว!
ช่างไม่เลิกไม่ราจริงๆ
ในบรรดาศิษย์ของสำนักซ่อนเร้น มีเพียงฟางเหลียงที่ยังคงพเนจรอยู่ในวังสวรรค์ ตอนนี้หานเจวี๋ยเองก็ไม่สะดวกที่จะเรียกฟางเหลียงกลับมา เห็นได้ชัดว่าเขาก็ต้องการละทิ้งวังสวรรค์เช่นเดียวกัน
หานเจวี๋ยเลื่อนมองลงมาด้านล่าง แต่ไม่เห็นเหตุการณ์สำคัญใดๆ ในตอนนี้
มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตอาจคงดำเนินต่อไปนานนับหมื่นปี ภายในเวลาหลายร้อยปีวังสวรรค์และวังปีศาจยากจะเข้าสู่ระยะต่อสู้จนล้มตายกันหมด
กองกำลังของแต่ละฝ่ายกำลังก่อสงสครามเพื่อสนับสนุนสงคราม อ้างชื่อของสงครามเพื่อกลืนกองกำลังขนาดเล็กอื่นๆ อย่างบ้าคลั่ง
เช่นเดียวกับวังปีศาจ ที่ล้วนบุกมาถึงยมโลกแล้ว
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังอ่านจดหมาย ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนเดือดดาลก็ดังขึ้นราวกับสายฟ้าฟาดกลางแดดจัด มาแบบไม่ทันตั้งตัว
“ข้าคือแม่ทัพเทพสวรรค์แห่งวังสวรรค์ หมายช่วงชิงสมญานามเทพสงครามคนแรกของแดนเซียน ข้าจะเฝ้าพิทักษ์ในแม่น้ำสวรรค์ ไม่ว่าผู้ใดที่ไม่ยอมรับล้วนมาท้าประลองกับข้าได้ หากเอาชนะข้าได้จะได้รับพลังวเวท ของวิเศษและมหาดวงชะตามรรคาสวรรค์ของข้าไปชั่วชีวิต!”
“ตามมรรคาสวรรค์ หากภายในพันปีนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะเป็นเทพสงครามที่แข็งแกร่งที่สุด!”
เสียงนี้เผด็จการอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำเอาผู้คนตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งหานเจวี๋ยเองก็ยังตกใจ
เสียงชวนสยองดังก้องกังวานยิ่งนัก!
หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นในทันที สายตามองทะลุเกาะสำนักซ่อนเร้น ทอดมองท้องฟ้าของยมโลก
เขามองเห็นอะไร
เขากลับเห็นว่าท้องนภาถูกหอกขนาดใหญ่เล่มหนึ่งแทงทะลุ ต่อหน้าหอกเล่มนี้ ทุกสรรพสิ่งในยมโลกล้วนเล็กจ้อยลงถนัดตา
มันใหญ่โตกว่าสิ่งใดที่หานเจวี๋ยเคยพบเห็น!
ลำพังเพียงปลายหอกก็ใหญ่ยักษ์เช่นนี้แล้ว แล้วหอกวิเศษทั้งเล่มนั้นจะน่ากลัวเพียงใดกัน
หานเจวี๋ยตกใจ บรรดาศิษย์ในสำนักซ่อนเร้นทั้งหมดก็ล้วนตกใจไม่ต่างกัน
“นั่นคืออะไร”
“นั่นมันอาวุธเทพของแม่ทัพเทพสวรรค์!”
“แม่ทัพเทพสวรรค์อวดดียิ่งนัก!”
“เขาก็มีคุณสมบัติที่จะอวดดีจริงๆ นั่นละ คราวนี้แดนเซียนก็ครึกครื้นแล้ว”
“นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือ คิดจะสร้างศัตรูให้วังสวรรค์หรืออย่างไร”
“ไม่ใช่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต มรรคาสวรรค์จะถูกอัญเชิญ เขาพูดเองว่าให้ดำเนินตามมรรคาสวรรค์ หากไม่มีใครเอาชนะเขาได้ในพันปี เขาจะได้รับดวงชะตาเทพสงคราม ปวงสวรรค์หมื่นโลกา ไม่ว่าดวงชะตา หรือสิ่งมีชีวิตใดที่เรียกตัวเองว่าเทพสงคราม หรือจะเป็นสมญานามเทพสงครามล้วนต้องตกเป็นของเขาทั้งหมด!”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลเองก็เข้าร่วมวงสนทนาของบรรดาศิษย์ วิเคราะห์สาเหตุว่าเหตุใดแม่ทัพเทพสวรรค์ถึงทำเช่นนี้
ทุกคนอดมองไปทางมู่หรงฉี่ไม่ได้
มู่หรงฉี่เองก็ได้ชื่อว่าเป็นเทพสงคราม
การที่แม่ทัพเทพสวรรค์ทำเช่นนี้ก็เป็นภัยคุกคามต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
มู่หรงฉี่ยิ้มออกมาอย่างจนใจพร้อมกล่าวว่า “อย่ามองข้า อย่างมากข้าก็แค่ละทิ้งดวงชะตาเทพสงคราม คิดเสียว่าชีวิตนี้ของข้ายังไม่ถือว่าเป็นเทพสงคราม จึ๊ๆ ที่แม่ทัพเทพสวรรค์ทำเช่นนี้ก็คงจงใจมุ่งเป้าไปที่วังเทพ เทพสงครามของวังเทพนั้นมีมากที่สุดแล้ว”
ซูฉีเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “วังสวรรค์กับวังเทพไม่ได้เป็นพันธมิตรกันหรือ”
หลังจากกลับมาพร้อมกับมู่หรงฉี่ เขาล้วนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปิดด่าน มีน้อยครั้งที่จะถูกทำให้ตกใจเหมือนอย่างวันนี้
“ความสัมพันธ์ระหว่างสี่ขุมอำนาจในแดนเซียนนั้นมักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เชื่อถือไม่ได้หรอก” จอมปีศาจคุกรัตติกาลส่ายหน้ากล่าว
ลี่เหยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพเทพสวรรค์เดิมพันดวงชะตาเทพสงคราม เช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ที่ยังจะเดิมพันดวงชะตาอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นเดิมพันเซียน คำว่าเซียนคำนี้ก็สามารถช่วงชิงดวงชะตาของสรรพสิ่งทั้งหมดในแดนเซียนได้หรือไม่”
ทุกคนมองมาที่นาง ยามปกติหญิงสาวผู้นี้จะสงบเสงี่ยมเจียมตัวยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะใจกล้าเพียงนี้
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกลอกตาไปมา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครจะกล้า แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิปีศาจเองก็ยังไม่กล้า ใครที่กล้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตายให้ตัวเองแล้ว”
ลี่เหยายิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน เป็นเช่นนั้นจริงๆ นางคิดง่ายดายเกินไป
ต้วนหงเฉินยืนอยู่ข้างหลัง ลูบปลายคางครุ่นคิด
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยเองก็แอบได้ยินคำอธิบายของจอมปีศาจคุกรัตติกาล เขาแอบร้อนรนขึ้นมา
วังสวรรค์กำลังรนหาที่ตายนี่!
หอกแทงทะลุหัวนก มิน่าเล่าถึงได้พ่ายแพ้ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต!
จักรพรรดิสวรรค์เอ๋ย ข้าควรจะช่วยท่านอย่างไรดี
หานเจวี๋ยจำต้องล้วงป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา ติดต่อกับตี้ไท่ไป๋
เพียงไม่นาน พลังจิตก็เชื่อมต่อกัน
“เจ้าก็มาถามเรื่องแม่ทัพเทพสวรรค์ด้วยหรือ” ตี้ไท่ไป๋เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าจะมีคนมาหาเขามากกว่าหนึ่งคนสินะ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ใช่แล้ว เช่นนี้จะไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ”
“วางใจเถิด วังสวรรค์และสำนักพุทธเป็นพันธมิตรกันโดยสมบูรณ์แล้ว ร่วมมือกันทำรายนามสถาปนาเทพ ก่อนหน้านี้วังปีศาจจะโจมตีวังสวรรค์ ในฐานะพันธมิตรวังเทพกลับละเลยไม่สนใจ พอดีจึงได้ยืมพวกเขามาประเดิมดาบเสียก่อน แล้วค่อยสู้กับวังปีศาจ”
“สำนักพุทธจะเชื่อหรือ”
“บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์มุ่งหน้ามาหารือกับฝ่าบาทด้วยตนเอง เรื่องนี้ได้ประกาศไปยังแดนเซียนแล้ว หากสำนักพุทธตระบัดสัตย์ ใครยังจะกล้าเชื่อสำนักพุทธอีก”
“เอาเถิด”
คิ้วของหานเจวี๋ยยิ่งขมวดมุ่นมากขึ้น
หลังจากวางป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ลง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์รู้จักเล่นจริงๆ
คราวนี้หานเจวี๋ยเริ่มลังเล ไม่รู้ว่าควรจะสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ต่อไปหรือไม่
หากเขาสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จนตาย สำนักพุทธอยู่ในความสับสนวุ่นวาย วังสวรรค์จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่
‘แปลก เหตุใดบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถึงกล้าเป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์สวรรค์โดยไม่สนใจสิ่งใดเพียงนี้
ช้าก่อน!
หรือเป็นเพราะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้สาปแช่งวังสวรรค์ ดังนั้นบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จึงทำเช่นนี้?
ใช่แล้ว ข้าเกือบลืมข้อนี้ไปเสียสนิท
หากมีคนคลำหาเบาะแสนี้ของวังสวรรค์จนพบหานเจวี๋ยเข้า เช่นนั้นจะทำอย่างไร’
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาทันที เริ่มสาปแช่งจักรพรรดิสวรรค์
เขาเพียงแค่แสร้งทำสักหน่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นศัตรูกับจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ
สาปแช่งแค่วันเดียวแล้วกัน แสดงละครสักหน่อย ไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
หานเจวี๋ยลอบขอโทษอย่างเงียบๆ
ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ อย่าได้ตกใจไปเลย ข้าเพียงเล่นละครเท่านั้น จะไม่สาปแช่งท่านจนเกิดปัญหาเด็ดขาด
…
วังสวรรค์
เหล่าเทพเซียนมารวมตัวกันที่พระราชวังเทียมเมฆา
จู่ๆ จักรพรรดิสวรรค์ก็พลันคิ้วขมวด เคลื่อนย้ายลมปราณต่อต้านพลังลึกลับของคำสาปแช่ง
ตี้ไท่ไป๋สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเขา จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าเทพเซียนที่กำลังปรึกษาหารือกันต่างก็มองมาที่จักรพรรดิสวรรค์เป็นตาเดียว
ความโกรธฉายชัดในแววตาของจักรพรรดิสวรรค์ เขากล่าวเสียงขรึมว่า “มีคนกำลังสาปแช่งเรา เราคำนวณเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง คาดว่าเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”
………………………………………….