ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 323 เฮ่าเทียนทำลายล้างโลก สาปแช่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 323 เฮ่าเทียนทำลายล้างโลก สาปแช่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
‘ตายตกตามกันไปหมดเลยหรือ’
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาอดไม่ได้ที่จะตระหนกขึ้นมา
หรือเขาก็ตายตกไปพร้อมกับโลกทั้งใบด้วย…
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…
เป็นเพราะข้าสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจและบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จนบ้าไปแล้วหรือ
หานเจวี๋ยพลันนึกเสียใจอยู่ภายในใจ
บัดซบ!
เล่นจนเข้าตัวเองเสียแล้ว!
ในเวลานี้เอง หานเจวี๋ยพลันมองเห็นเงาร่างหนึ่ง
เงาร่างนั้นกำลังเข้าฌานอยู่กลางอากาศ พายุทรายบดบังไว้ ยากที่จะจับสังเกตเขายิ่งนัก
หานเจวี๋ยหรี่ตาลงมอง สีหน้าแปรเปลี่ยนมหันต์
คนผู้นี้…
หลงเฮ่า!
เจ้าเด็กนี่คือผู้มีชัยคนสุดท้ายในมหาเคราะห์อย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยรีบเหาะเข้าไปหาทันที คิดอยากจะเข้าไปใกล้ๆ เขา
จู่ๆ หลงเฮ่าก็พลันลืมตาขึ้น แสงสีทองเหนือศีรษะสลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไป เรือนผมสีดำแผ่สยาย ปลิวไสวอยู่ท่ามกลางสายลม กลายเป็นผมขาวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขาหัวเราะออกมาอย่างโอหังพลางเอ่ยว่า “เราเข่นฆ่าฝ่าข้ามมหาเคราะห์ กระทำสิ่งที่บรรพชนมารเคยกระทำไม่สำเร็จให้สำเร็จได้ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม แดนบรรพกาลเอ๋ย พวกเจ้าจงรอเถิด ตัวเราเฮ่าเทียนจะสังหารฝ่าฟันกลับขึ้นไปในอีกไม่ช้า!”
เฮ่าเทียน
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น
เหตุใดเฮ่าเทียนถึงได้มีชัยในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต
หานเจวี๋ยไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
ในเวลานี้เอง เฮ่าเทียนยกมือขึ้นแล้วกระชากบริเวณอกตน ดึงวิญญาณดวงหนึ่งออกมา
วิญญาณดวงนั้นหน้าตาเหมือนเขาทุกประการ
หลงเฮ่า!
หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง
หลงเฮ่าที่ถูกเฮ่าเทียนจับไว้พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า “เฮ่าเทียน! เจ้าสังหารเสด็จพ่อของข้า! กวาดล้างสำนักซ่อนเร้นของข้า เจ้าจะต้องไม่ตายดี!”
เฮ่าเทียนพูดจาเหยียดหยาม “ภายใต้มรรคาสวรรค์ ผู้ใดจะบังอาจสั่งให้เราตายได้”
หานเจวี๋ยดั่งถูกสายฟ้าฟาด
สำนักซ่อนเร้นถูกกวาดล้างหรือ
ข้าก็ตายแล้วอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยแทบจะเตลิดแล้ว ในยามนี้เอง ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้พังทลายลง
การวิวัฒนาการสิ้นสุดลง!
จิตสำนึกของหานเจวี๋ยกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เขาลืมตาขึ้น คิ้วขมวดแน่น
เจ้าเฮ่าเทียนชาติสุนัข แค้นนี้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าได้
ไม่ตายไม่เลิกรา!
จากนั้นหานเจวี๋ยก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา เฮ่าเทียนยังอยู่ในร่างของหลงเฮ่า หากเขาสาปแช่งเฮ่าเทียน จะต้องส่งผลถึงหลงเฮ่าด้วย
ต้องหาทางแยกพวกเขาออกจากกัน
หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา ถ่ายทอดพลังจิตเข้าไป
ตี้ไท่ไป๋สลายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์จะเชื่อมต่อไปหาผู้ใดแทน
เพียงไม่นาน เสียงหนึ่งก็แว่วเข้ามา “มีเรื่องใดหรือ”
จักรพรรดิสวรรค์!
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิสวรรค์จะยึดป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์มาจากตี้ไท่ไป๋ เขายังนึกว่าจักรพรรดิสวรรค์ทำลายทิ้งไปพร้อมกับตี้ไท่ไป๋แล้ว
จักรพรรดิสวรรค์ช่างใส่พระทัยยิ่งนัก!
หานเจวี๋ยกลั่นกรองถ้อยคำ เอ่ยว่า “ฝ่าบาท หลังกลับจากการฟังธรรม ข้าฝึกบำเพ็ญมหามรรคแห่งกรรม สามารถคำนวณได้ว่าภายในร่างเฮ่าเอ๋อร์มีวิญญาณดวงหนึ่งซุกซ่อนอยู่ จำเป็นต้องป้องกัน!”
จักรพรรดิเซียนเอ่ยด้วยความฉงน “เจ้าเป็นเพียงจักรพรรดิเซียน ฝึกฝนมหามรรคแห่งกรรมได้อย่างไร”
“แค่กๆ อาจะเป็นพรสวรรค์กระมัง”
“เจ้าคำนวณผิดแล้ว ในร่างของเฮ่าเอ๋อร์ไม่ได้มีวิญญาณอื่น เขาเป็นโอรสของเรา วิญญาณของเขาเป็นวิญญาณก่อกำเนิดใหม่”
“ข้าคำนวณได้ว่าวิญญาณดวงนั้นมีนามว่าเฮ่าเทียน เป็นคำว่าเฮ่าตัวเดียวกับของเฮ่าเอ๋อร์พอดี”
“เฮ่าเทียนหรือ”
สุ้มเสียงของจักรพรรดิสวรรค์แปรเปลี่ยน มีความตระหนกอยู่บ้าง
“วาจานี้เป็นความจริงหรือ”
“เป็นจริงอย่างแน่แท้ ฝ่าบาท อย่าได้กล่าวว่าเป็นการทำนายของข้านะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม!”
จักรพรรดิสวรรค์ตัดการเชื่อมต่อทางพลังจิตอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนจักรพรรดิสวรรค์ยังคงไม่รู้จริงๆ หวังว่าจักรพรรดิสวรรค์จะช่วยเหลือหลงเฮ่าได้บ้าง
ขอเพียงดึงวิญญาณของเฮ่าเทียนออกมาได้ หานเจวี๋ยก็สามารถพุ่งเป้าไปที่เขาได้แล้ว
ดีเลย!
เจ้าหมอนี่กลับกล้ากวาดล้างสำนักซ่อนเร้น หานเจวี๋ยโกรธมากจริงๆ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่เขาก็ยังคงโมโหมากอยู่ดี ค่าความเกลียดชังที่มีต่อเฮ่าเทียนพุ่งขึ้นไปที่หกดาวแล้ว
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์สูญเสียคุณสมบัติในการเป็นผู้มีชัยในฉากสุดท้ายไปแล้ว ต่อไปไม่จำเป็นต้องเพ่งเล็งเป็นพิเศษอีก สิบปีครั้ง พยายามทำให้ตายตกไปในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็พอ ตอนนี้ยังไม่รีบ
ต่อไปนี้ เฮ่าเทียนจึงกลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของหานเจวี๋ย
‘เฮ้อ ต้องมาวิตกกังวลเพื่อช่วยเหลือสรรพสิ่งอีกแล้ว’
หานเจวี๋ยทอดถอนใจคราหนึ่ง ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
อนาคตที่เขาต้องการเรียบง่ายยิ่งนัก สรรพสิ่งคงอยู่ กฎระเบียบคงอยู่ จักรพรรดิสวรรค์มีชีวิตอยู่ ตัวเขามีชีวิตอยู่
ง่ายดายเพียงนี้
ผลลัพธ์ในสองครั้งก่อนหน้านี้มืดมนเกินไปแล้วจริงๆ บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เข้าสู่ด้านมืด เตรียมมอบความมืดมนให้สรรพสิ่ง เฮ่าเทียนก็ทำลายล้างสรวงสรรค์หมื่นโลกาย่อยยับ ไร้เหตุผลสุดขีด
‘ข้าใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเสียที่ไหน ข้าคือผู้กอบกู้โลกชัดๆ!’
หานเจวี๋ยปรับสภาพอารมณ์ ก่อนจะฝึกบำเพ็ญต่อไป
การสาปแช่งเป็นเพียงวิธีการหนึ่ง ตบะสิถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!
เขาจะพึ่งพาการสาปแช่งอย่างเดียวไม่ได้
สักวันหนึ่ง เขาต้องมีพลังจนอยากสังหารผู้ใดก็สังหารผู้นั้นได้ โดยไม่ต้องซุกตัวอยู่ด้านหลังคอยสาปแช่งอีก
ถึงแม้เช่นนี้จะยอดเยี่ยมนัก แต่สุดท้ายก็เป็นวิธีการต่ำช้าที่ไม่สามารถนำออกมาแสดงในฉากหน้าได้
….
แดนเซียน ปัจฉิมสวรรค์
สามยอดบรรพชนพุทธยืนอยู่เหนือเมฆ เรือนกายสูงใหญ่หมื่นจั้ง แผ่แสงธรรมเรืองรองนับหมื่นจั้ง สานุศิษย์สำนักพุทธนับไม่ถ้วนรายล้อมอยู่กลางอากาศ สายตาของทุกคนต่างมองลงไปยังทิวเขาแห่งหนึ่งที่อยู่เบื้องล่าง
ทิวเขาด้านล่างถูกปิดยันต์อย่างแน่นหนามากมายนับไม่ถ้วน
ลึกลงไปใต้พื้นดิน บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กำลังเข้าฌานอยู่ในถ้ำ สองเนตรของเขาแดงฉาน ไร้ซึ่งความสง่างามเช่นในวันวาน
เขากัดฟันกล่าววาจา “ข้าถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการลอบเล่นงาน ข้ามิใช่เผ่ามาร! ความเป็นมาของข้า พวกเจ้ายังไม่กระจ่างอีกหรือ!”
เหนือหมู่มวลเมฆ บรรพชนพุทธเทวัญผู้น่าเกรงขามที่สุดเอ่ยปากกล่าวว่า “อมิตาพุทธ เรื่องนี้พวกเราทราบดี ส่วนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ข้าจะหาตัวออกมาให้ได้ แต่ความผิดที่เจ้าก่อกรรมนั้นมีจริง สงบใจภาวนาอยู่ที่นี่ไปเถิด จนกว่าจิตพุทธจะผ่องแผ้วแล้วค่อยออกมา!”
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เงียบลง
เวลานี้เอง ในหมู่สานุศิษย์สำนักพุทธมีพุทธองค์หน้าตาธรรมดาสามัญรูปหนึ่งอยู่ เขาก็คือมารสวรรค์เบิกฟ้าที่ยึดร่างเรียบร้อยแล้ว
‘จุ๊ๆ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการช่างร้ายกาจจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เสียการควบคุมได้ ดูเหมือนยุคสมัยหนึ่งหัตถ์บังฟ้าของสำนักพุทธจะล่วงเลยไปแล้ว’
มารสวรรค์เบิกฟ้าคิดอย่างเงียบๆ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหานเจวี๋ย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจมีความเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยช่างชั่วร้ายเหลือเกิน!
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นคนของหานเจวี๋ยแล้ว ถูกหานเจวี๋ยควบคุมความเป็นความตาย เขาย่อมไม่กล้าคิดร้ายป้ายสีหานเจวี๋ย
ยามนี้เขาหวังเพียงว่าหานเจวี๋ยจะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
หากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้อยู่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย เขาก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย
ทว่าอย่างมากหานเจวี๋ยก็เป็นได้เพียงลูกน้องเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกระมัง
หากเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนมนุษย์แล้ว
มารสวรรค์เบิกฟ้าคิดเช่นนี้
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถูกกำราบ ดังนั้นขาจึงสามารถเผยความทะเยอทะยานในใจตนออกมาได้
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เป็นบรรพชนมารจริงๆ ส่วนตัวเขาก็เป็นสายให้บรรพชนมาร ยามนี้ตัวเขาก็นับว่าทรยศต่อเผ่ามารแล้ว ดังนั้นจึงหวาดกลัวว่าจะถูกบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์จับได้มาโดยตลอด
….
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปอีกยี่สิบปี
สำหรับความเคลื่อนไหวในแดนเซียน หานเจวี๋ยไม่ทราบแน่ชัด ได้แต่คาดเดาเชื่อมโยงจากในจดหมาย
ในวันนี้
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาทำภารกิจประจำวัน
เขาก็พลันขมวดคิ้ว
หืม?
มีพลังที่แปลกพิสดารยิ่งนักอย่างหนึ่งแทรกซึมเข้ามาในร่างของเขา พลังนี้คล้ายคลึงกับมหามรรคแห่งกรรมอยู่บ้าง แต่แตกต่างกันมาก ไม่อาจคว้าจับได้ เขาทำได้เพียงใช้พลังเวทต่อต้านมัน
ช้าก่อน!
พลังแห่งคำสาปแช่ง!
เวรแล้ว!
มีคนสาปแช่งข้าอยู่หรือ
หานเจวี๋ยตกใจ สั่นสะท้านไปทั้งตัว
เกิดอะไรขึ้น
เขารีบตรวจหาศัตรูผู้แข็งแกร่งรอบๆ เกาะสำนักซ่อนเร้นทันที ผู้ที่มีตบะสูงสุดคือตัวเขาเอง
ไม่มีศัตรูรุกราน
หรือจะเป็นจักรพรรดิปีศาจ?
หลี่เสวียนเอ้า?
ซวีหวง?
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์?
พวกเขารู้แล้วหรือว่าข้าคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ไม่ถูกสิ!
หากพวกเขารู้ เช่นนั้นการแจ้งเตือนค่าความเกลียดชังของข้าก็ต้องเพิ่มขึ้นสิ
หานเจวี๋ยกังวลใจ
เป็นผู้ใดกัน
คิดไม่ถึงว่าจะสาปแช่งมาถึงตัวข้าได้
หานเจวี๋ยนับนิ้วคำนวณ ไม่อาจสืบสาวหาบ่วงกรรมจากพลังคำสาปแช่งได้
เขายิ้มออกมา
อีกฝ่ายก็มีฝีมืออยู่บ้าง
แต่ว่าข้ายังคงมีฝีมือมากกว่าอยู่ดี!
………………………………………………………………