ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 399 รากฐานของโจวฝาน ยึดครองนิกายเจี๋ย
หานเจวี๋ยไม่รู้เลยว่าหลี่เต้าคงจะไปช่วยเหลือเต้าจื้อจุนหรือไม่ ต่อให้ไม่ไป เขาก็ไม่คิดจะแยแสอยู่ดี
คนอย่างเต้าจื้อจุน ตายไปก็สมควรแล้ว
พรสวรรค์เป็นอันดับต้นๆ ของแดนเซียน แต่กลับเที่ยวสำมะเลเทเมาไปทั่ว แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต
ขนาดเจียงอี้ยังกลับตัวเป็นคนดีได้ แล้วเมื่อไรเต้าจื้อจุนจะกลับตัวกลับใจบ้างหนอ
หรือต้องมาปรับทัศนคติที่เกาะสำนักซ่อนเร้น!
หานเจวี๋ยตัดสินใจแล้วว่าต่อไปหากมีโอกาสจะไปลากตัวเต้าจื้อจุนมาปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ให้กลายเป็นคนของสำนักซ่อนเร้นต่อไป
คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล มีคุณสมบัติเพียบพร้อมในการเข้าสู่สำนักซ่อนเร้น
…
ในมิติอันมืดมิด บนดวงอาทิตย์
โจวฝานดูดซับเพลิงแท้สุริยะอย่างบ้าคลั่ง ตัวเขากลายเป็นมนุษย์เพลิงทั้งร่าง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ยังคงชัดแจ้ง และจ้องเขม็งไปยังความมืดมิด
“อีกนิดเดียว…ใกล้แล้ว…ใกล้แล้ว…”
โจวฝานกัดฟันแน่น กล่าวพลางหอบหายใจ
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงประหลาดใจดังขึ้น
“เจ้าดูดซับเพลิงแท้สุริยะได้ด้วยหรือ เป็นไปได้อย่างไร!”
“เดี๋ยวก่อน เหตุใดดวงวิญญาณของเจ้าถึงมีกระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์ได้”
น้ำเสียงของตี้หล่านเทียนเต็มไปด้วยความเกรงกลัว
โจวฝานเอ่ยด้วยความเฉยเมย “ทำไม เจ้ากลัวรึ”
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
ตี้หล่านเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล เขาไล่สายตาไปยังร่างของโจวฝานที่อยู่เหนือพื้นผิวของดวงอาทิตย์ เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนรนอย่างยิ่ง ร่างของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
เขาเป็นถึงผู้นำเผ่าเทพอีกาทอง ต้าหลัวรุ่นที่หนึ่ง แต่กลับร้อนรนได้ถึงขั้นนี้ ดูท่าทางกระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์คงจะไม่ธรรมดา!
โจวฝานคำรามลั่น “ข้าเป็นแค่คนธรรมดา! ทำไม แค่เห็นกระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์ เจ้าก็กลัวจนหัวหดแล้วหรือ ปอดแหกไปแล้วหรืออย่างไร”
ตี้หล่านเทียนโกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดง
โจวฝานพยายามสงบสติอารมณ์ ชักสีหน้าเหี้ยมเกรียม แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อยากจะกำจัดผลกรรมงั้นหรือ เช่นนั้นก็ยกดวงอาทิตย์ดวงนี้ให้ข้า! ข้ายังต้องการดวงอาทิตย์มากกว่านี้ หาไม่แล้วผลกรรมนี้ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะลบล้างไปได้! มาดูกันว่าเจ้าจะกล้ายอมรับหรือไม่!”
ดวงตาของตี้หล่านเทียนฉายแววกระหายเลือดวูบหนึ่ง เขาถามขึ้นว่า “อย่างนั้นหรือ”
โจวฝานยิ้ม แต่ไม่ตอบอะไร
ตี้หล่านเทียนยกมือขึ้น เพลิงแท้สุริยะไร้สิ้นสุดอัดแน่นอยู่กลางฝ่ามือ มันก่อตัวเป็นอีกาทองสามขาร่างยักษ์
ครั้นเขาโบกมือ อีกาทองสามขาที่ขนาดใหญ่ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ก็โฉบลงมาและกลืนกินดวงอาทิตย์ลงไปในคำเดียว
…
ผ่านไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เริ่มอ่านจดหมาย
[โจวฝานสหายของท่านฟื้นคืนดวงวิญญาณ ได้รับดวงชะตาอันยิ่งใหญ่จากกระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังระดับเทพจากเผ่าเทพอีกาทอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านหยั่งรู้ในคำสอนมรรค พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[หลงเฮ่าลูกศิษย์ของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
…
จดหมายของโจวฝานสะดุดตาหานเจวี๋ยที่สุด จดกมายฉบับอื่นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
กระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์ แค่ได้ยินชื่อก็สุดยอดแล้ว ของวิเศษที่มีชื่อโผล่ขึ้นมาในจดหมายได้ อาจจะเป็นยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ก็เป็นได้
หานเจวี๋ยถามในใจด้วยความสงสัย ‘ทำไมโจวฝานถึงได้รับโอกาสวาสนาตลอด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ห้าพันล้านปี?
อะไรกันเนี่ย! ราคานี้มันสูงยิ่งกว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนอีกไม่ใช่หรือ หรือนี่จะเป็นราคาของอริยะกัน
เอาเถอะ!
แม้หานเจวี๋ยจะรู้สึกกลัว แต่เขาก็กัดฟัน วิวัฒนาการต่อไป
เขาอยากรู้ว่าคนผู้นี้ซ่อนเล่ห์กลอะไรเอาไว้
[โจวฝาน: จักรพรรดิเซียนสามวัฏ หนึ่งในร่างจำลองอริยะ กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา ดวงชะตาซุกซ่อนอยู่ในกระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์ ในระหว่างสำเร็จมรรคขึ้นสู่สวรรค์ มรรคาสวรรค์นำกระถางสำริดดินฟ้าโลกาสวรรค์หลอมรวมเอาไว้ในส่วนลึกวิญญาณของเขา นอกจากจิตรับรู้ของมรรคาสวรรค์แล้วก็ไม่มีทางสอดแนมได้ เขาคืออริยะเจ็ดวิถี]
หานเจวี๋ยตกตะลึง โจวฝานกลับกลายเป็นร่างจำลองของอริยะอย่างนั้นหรือ
มิน่าดวงชะตาถึงได้เหนือความคาดหมายเช่นนั้น!
เดี๋ยวก่อน!
อริยะเจ็ดวิถี…
นั่นมันสหายของข้าไม่ใช่หรือ
หลังจากสิ้นสุดการสดับเต๋าที่ตำหนักเอกอนันต์แล้ว มีอริยะอย่างน้อยสี่คนที่เกิดความประทับใจในตัวของหานเจวี๋ย
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ตี้จวิน อวี้ผูถี และอริยะเจ็ดวิถี!
หานเจวี๋ยรีบเปิดดูค่าความสัมพันธ์ทันที
[อริยะเจ็ดวิถี: ไม่ทราบตบะ ดวงจิตมหามรรค บรรลุมหามรรคเจ็ดแขนง เคยประสบกับมหาเคราะห์มรรคา อาศัยอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิมมาเนิ่นนาน เกิดความประทับใจในตัวท่านเนื่องจากได้รับคำชื่นชมจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
มิน่าเล่าความประทับใจของอริยะเจ็ดวิถีในตัวเขาถึงได้มากกว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงและอวี้ผูถี หรือนี่จะเกี่ยวข้องกับโจวฝาน?
หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด
ในเมื่อภูมิหลังของโจวฝานไม่ได้เป็นศัตรูกับหานเจวี๋ย เช่นนั้นเขาก็ไร้กังวล
ก่อนหน้าที่จะวิวัฒนาการอนาคต ไม่เคยปรากฏอริยะเจ็ดวิถีมาก่อน
ดวงจิตมหามรรค แค่ได้ยินชื่อก็ฟังดูแข็งแกร่งกว่าอริยะทั่วไปแล้ว เดาว่าคงไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงออกไปช่วงชิงดวงชะตามหาเคราะห์ก็ได้
คนผู้นี้เคยประสบมรรคามหาเคราะห์มาก่อน นับประสาอะไรกับมหาเคราะห์มรรคาสวรรค์แค่นี้
“ดูเหมือนว่าชายผู้ฆ่าไม่ตายเหล่านั้นจะมีที่มาอันยิ่งใหญ่ แต่การที่พวกเขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ของข้านั้น คงจะไม่ใช่ความบังเอิญ”
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
“ข้าอยากรู้ว่าอริยะเจ็ดวิถีมีจิตคิดปองร้ายข้าหรือไม่”
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[ยังไม่ใช่ตอนนี้]
หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
เช่นนั้นก็ดี!
ฝึกบำเพ็ญต่อ!
นับวันระดับที่เขาได้สัมผัสก็ยิ่งสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ จนความรู้สึกเร่งร้อนพลอยทวีขึ้นไปตามกาลเวลา
ตันตนระดับอริยะเจ็ดวิถีเช่นนั้น คำสาปแช่งของหานเจวี๋ยไม่ต่างอะไรกับกัวซา[1]
ไม่ใช่แค่ตบะของเขาเท่านั้นที่ต้องแข็งแกร่งขึ้น แต่หนังสือแห่งความโชคร้ายก็ต้องถูกยกระดับขึ้นด้วย
…
แดนชำระบาปเก้าขุม
นิกายเจี๋ย
ภายในอารามเต๋า หวงจุนเทียนก้าวเข้ามาหาจิ่งเทียนกงด้วยความเคารพแล้วคุกเข่าลง
จิ่งเทียนกงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ พร้อมกล่าว “เวลานี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
หวงจุนเทียนฝืนยิ้ม แล้วกล่าว “เพื่อรับใช้นิกายเจี๋ย ขอทำทุกวิถีทางไม่มีเกี่ยง”
เขารู้สึกขมขื่นไปทั้งหัวใจ นิกายเจี๋ยชักจะมากปัญหาไปกันใหญ่แล้ว! แรกเริ่มเดิมทีคิดว่าแดนชำระบาปเก้าขุมจะสามารถหลีกหนีเคราะห์กรรมได้ แต่ไม่คิดว่าจะต้องก่อสงครามกันอีก ซ้ำร้ายยังหนักหนาสาหัสกว่าแดนเซียนมากนัก
จิ่งเทียนกงกล่าว “พวกเราได้ทำสัญญาสงบศึกกับเผ่าเทพอีกาทองแล้ว ต่อไปข้าจะกลับไปยังแดนเซียน เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากผู้ทรงพลังเฒ่าแห่งนิกายเจี๋ย จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจงเป็นตัวแทนปกครองนิกายเจี๋ยในแดนชำระบาปเก้าขุม ถือเอากระบี่ของข้าเป็นประกาศิต อย่าให้ศิษย์นิกายเจี๋ยกล้าผยองขึ้นมา”
เขาโบกมือขวาหนึ่งครั้ง กระบี่สีทองแดงก็ลอยมาอยู่เบื้องหน้าของหวงจุนเทียน
หวงจุนเทียนถือกระบี่ กล่าวพลางขมวดคิ้ว “ท่านคิดจะต่อสู้กับเผ่าเทพอีกาทองต่อไปหรือขอรับ”
จิ่งเทียนกงกล่าวด้วยความหนักแน่น “แน่นอนอยู่แล้ว แม้แต่เผ่าเทพอีกาทองยังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะช่วงชิงดวงชะตาอันยิ่งใหญ่แห่งมหาเคราะห์ได้อย่างไร”
หัวใจของหวงจุนเทียนกระตุกวูบ
เกินจะทนไหวแล้ว! ยังไม่จบไม่สิ้นอีก!
จิ่งเทียนกงกล่าวต่ออย่างสวยหรู “มหาเคราะห์ครั้งนี้ไม่ธรรมดา อาจพลิกโฉมมรรคาสวรรค์ไปเลยก็เป็นได้ พวกเรานิกายเจี๋ยต้องคว้าโอกาสเอาไว้ ทั้งนี้นอกจากนิกายเจี๋ยแล้ว ข้ายังติดต่อกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอีกคน พวกเราจะพ่ายแพ้ไม่ได้!”
ก่อนหน้านี้ก็แพ้ไปครั้งหนึ่งไม่ใช่หรือ
หวงจุนเทียนก่นด่าในใจ เขารู้สึกว่าจิ่งเทียนกงน่าจะธาตุไฟเข้าแทรกไปเสียแล้ว
ที่สงบศึกกับเผ่าเทพอีกาทองได้ ก็เพราะนิกายเจี๋ยยกพื้นที่ส่วนใหญ่ในแดนชำระบาปเก้าขุมให้กับเผ่าเทพอีกาทองไปหมดแล้วน่ะสิ ตอนนี้ศิษย์นิกายเจี๋ยถูกบีบให้อยู่ในพื้นที่เล็กจ้อย ไหนเล่าศักดิ์ศรีของสำนักอริยะ
“เอาล่ะ เจ้าลงไปเถิด อีกไม่กี่วันข้าก็จะจากไปแล้ว”
จิ่งเทียนกงกล่าวจบ ก็หลับตาลงทันที
หวงจุนเทียนคารวะ เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากอารามเต๋า
เมื่อออกไปจากอารามเต๋าแล้ว สีหน้าของหวงจุนเทียนก็เศร้าหมองลง
แม้ว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้น แต่นั่นก็อันตรายต่อตัวเขามากขึ้นเช่นกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย!
……………………………….
[1] กัวซา (刮痧) เป็นการรักษาตามแผนจีน รักษาโดยการขูดผิวหนังเพื่อเสาะหาพิษ หรือโรคที่แอบแฝงอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย