ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 630 ดวงจิตดับสูญ ระเบียบปั่นป่วน
ครึ่งเดือนต่อมา!
อายุขัยของหานเจวี๋ยถูกใช้ไปเกือบห้าแสนล้านล้านปีแล้ว สองเนตรของเขาเริ่มแดงก่ำ
นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่
ที่ถลุงอายุขัยไปมหาศาล!
ในระหว่างนี้เอง พลันปรากฏจดหมายขึ้นมาสามฉบับ
[เทพบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตได้รับความเสียหาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[เทพบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมารในใจแทรกแซงมรรคจิต เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[เทพบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมหามรรคปั่นป่วนวุ่นวาย พลังแห่งระเบียบเริ่มพังทลาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
หากสละอายุขัยอีกห้าแสนล้านล้านปี เทพบุพกาลน่าจะสิ้นท่าแล้ว
หานเจวี๋ยกัดฟันยืนหยัดต่อไป
ตอนนี้ร่างกายเขายังไม่เกิดอาการผิดปกติขึ้น เพียงปวดใจกับอายุขัยที่ลดลงไปเท่านั้น
เพียงห้าแสนล้านล้านปีเท่านั้น
เกรงว่ายุคสมัยแห่งมรรคาสวรรค์ยังอยู่ไม่นานถึงขนาดนี้เลย!
‘อดทนไว้ หากสามารถสาปแช่งเทพบุพกาลให้ตายได้ ศัตรูคนอื่นๆ ก็น่าจะขวัญหนีดีฝ่อไปด้วย’
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ พลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
สู้กันด้วยพลัง เขาสู้แดนเทพหวนปัจฉิมไม่ได้
สู้กันด้วยแผนการ เขาก็คร้านจะสู้
ในเมื่อพวกเจ้าตบะสูงเทียมฟ้า มากเล่ห์เจ้าแผนการ ข้าก็จะอาศัยวิธีชั่วร้ายเช่นนี้ทำลายล้าง!
[เทพบุพกาลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[เทพบุพกาลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[เทพบุพกาลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
….
จู่ๆ แจ้งเตือนเหล่านี้ก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ยอย่างไม่ขาดสาย
เขาตะลึงงัน เทพบุพกาลรู้แล้วหรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็คือเขา
สองเนตรของหานเจวี๋ยผุดเจตนาสังหารขึ้นมาทันที
เช่นนั้นเจ้าก็ตายซะเถอะ!
หลังจากเด้งขึ้นมารัวๆ หลายสิบครั้ง เทพบุพกาลก็ไม่ขอเข้าฝันหานเจวี๋ยอีก แต่หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งต่อ
ขณะที่อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงเกือบแปดแสนล้านล้านปี เขาก็มองเห็นจดหมายสองฉบับ
[เทพบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตแตกสลาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[เทพบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านสำแดงพลังวิเศษแยกมรรคา กระจายกรรมออกไป เขตฟ้าบุพกาลสูญเสียความเป็นระเบียบเรียบร้อย]
จากนั้นคำสาปแช่งของหานเจวี๋ยก็ไร้ผล
ความรู้สึกนี้ประหลาดนัก แต่ก็ชัดเจนแล้วเช่นกัน เขาไม่สามารถสาปแช่งเทพบุพกาลได้อีก ราวกับอีกฝ่ายดับสูญไปแล้ว
หานเจวี๋ยเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา พบว่ารูปประจำตัวของเทพบุพกาลยังอยู่
คนผู้นี้…
พอมีฝีมืออยู่บ้าง
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘ตอนนี้เทพบุพกาลตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันแน่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เทพบุพกาลกระจายกรรมออกไป แบ่งแยกวิญญาณ ล่องลอยอยู่ในเขตฟ้าบุพกาล ถึงแม้จะไม่ได้สิ้นชีพถาวร แต่ขณะนี้ไม่สามารถคุกคามท่านได้อีก]
หานเจวี๋ยโล่งอก ผ่อนคลายไปทั้งตัว
เขามองหนังสือแห่งความโชคร้ายในมือ มิเสียทีที่เป็นสมบัติวิญญาณเสรี
ทรงพลังนัก!
เดิมทีหนังสือแห่งความโชคร้ายนั้นไร้ประโยชน์ยิ่ง ข้อดีอย่างเดียวคือผู้อื่นทำนายถึงบ่วงกรรมไม่ได้ พลังคำสาปแช่งของมันผลาญอายุขัยมากเกินไป หากตกอยู่ในมือสิ่งมีชีวิตอื่น คงคาดว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย ไม่มีใครกล้าใช้
หานเจวี๋ยค่อยๆ ฟูมฟักมันขึ้นมาทีละขั้นๆ จนมาถึงปัจจุบันนี้ ประกอบกับอายุขัยของหานเจวี๋ยก็เหลือล้นจนน่าพรั่นพรึง ดังนั้นจึงนำมาใช้ประโยชน์เช่นนี้ได้
[ตี้จวินต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
แจ้งเตือนคำขอเข้าฝันข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา
หานเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง ยังคงเลือกยอมรับ
มีความเป็นไปได้สูงว่าฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการของเขาถูกเปิดโปงแล้ว แต่เขายังคิดจะเล่นละครต่อ
ขอเพียงไม่ยอมรับเสียอย่าง เช่นนั้นก็ไม่มีผลแล้ว!
แดนความฝันครั้งนี้อยู่เหนือมวลเมฆา ทิวทัศน์งดงาม สายลมโชยตะวันสาดแสง
ตี้จวินจ้องหานเจวี๋ยอย่างไม่ละสายตา เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารู้จักเจ้าแดนต้องห้ามอันธการใช่หรือไม่”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ย้อนถาม “ไยจึงถามเช่นนี้”
“เจ้าถูกสาปแช่งจริงๆ น่ะหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว! อะไรกัน ท่านคิดว่าข้าคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ คิดจะป้ายสีข้าเช่นนั้นหรือ ข้าหานเจวี๋ยเก็บตัวปิดด่านมาโดยตลอด ไม่เคยหาเรื่องผู้ใดก่อน แต่ข้าก็ไม่กลัวที่จะต้องมีเรื่องเช่นกัน หากท่านยืนกรานจะให้ร้ายข้า ข้าไม่ยอมรับแน่!”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างขุ่นข้องไม่ได้รับความเป็นธรรม “ผู้อาวุโส ท่านเปลี่ยนไป การเข้าฝันในระยะหลังมานี้ มักจะหยั่งเชิงข้าอยู่เสมอ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าในอดีตท่านยังคิดช่วงชิงโอกาสวาสนามาให้ข้าอยู่เลย เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า ข้าทำผิดตรงที่ใด ทำให้ท่านขุ่นเคืองหรือ ทว่าข้าเองก็ไม่ได้พึ่งพาการสนับสนุนจากท่านเช่นกัน!”
ตี้จวินได้ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น
เขาถอนหายใจคราหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเขตฟ้าบุพกาล”
“เกิดเรื่องในเขตฟ้าบุพกาลแล้วเกี่ยวอันใดกับข้า นอกจากตอนออกไปจัดการกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการครั้งก่อน ข้าก็ไม่ได้ออกจากแดนสวรรค์อีกเลย!”
หานเจวี๋ยยังคงขึงขังขุ่นเคืองยากทุเลาลง
ตี้จวินเอ่ยเรียบๆ ว่า “เทพบุพกาลผู้ควบคุมระเบียบเขตฟ้าบุพกาลถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งจนดับสูญ ยามนี้ระเบียบฟ้าบุพกาลโกลาหลยกใหญ่ มารร้ายเหล่านั้นที่ถูกจองจำไว้จะก่อหายนะขึ้น ผนึกแดนบรรพกาลก็จะคลายตัวลงด้วย”
“เทพบุพกาลคือผู้ใด มารร้ายอันใด ผนึกแดนบรรพกาลเช่นนั้นนหรือ แดนบรรพกาลซุกซ่อนสิ่งใดไว้”
หานเจวี๋ยแสดงสีหน้าสับสนมึนงง ไม่ว่าตี้จวินจะเชื่อหรือไม่ แต่ในใจเขา ไม่ใช่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการแน่นอน!
เขาไม่รู้จักเทพบุพกาลเลย!
ตี้จวินถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “หวังว่าเจ้าจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ มิเช่นนั้นเจ้าจะเดือดร้อนเพราะเขา”
พอพูดจบ ตี้จวินก็โบกแขนเสื้อ แดนความฝันสลายตัวลง
จิตรับรู้หานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง
[ความเกลียดชังที่ตี้จวินมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
ฮ่าๆ
อริยะช่างพลิกสีหน้าเก่งจริงๆ
หานเจวี๋ยคร้านจะคาดเดาแล้วว่าตี้จวินเชื่อหรือไม่
ถึงอย่างไรเขาก็หลบซ่อนอยู่ในอาณาเขตเต๋า หากผู้ใดมาหาเรื่องเขา เขาก็จะสาปแช่งคนผู้นั้น!
หานเจวี๋ยปรับสภาวะอารมณ์ ฝึกบำเพ็ญต่อ
….
ณ แดนเทพหวนปัจฉิม ชั้นบนสุดของหอคอยใหญ่หลังหนึ่ง เงาร่างลึกลับกว่าสิบร่างรวมตัวกันอยู่ในโถงใหญ่
เงาร่างหนึ่งในบรรดานั้นเอ่ยเสียงขรึม “เขาไม่ยอมรับ”
เสียงนี้เป็นของตี้จวิน
“เขาไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องปกติ”
“เขาเพิ่งพิสูจน์เสรีได้มิใช่หรือ จะสาปแช่งเทพบุพกาลจนสิ้นชีพได้อย่างไร”
“ถูกต้อง ยิ่งระดับสูงเท่าไรพลังก็ยิ่งเหลื่อมล้ำกันมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้อริยะมหามรรคาจะไม่ป้องกันตัวเลยสักนิด ก็ไม่มีทางถูกอริยะเสรีคนหนึ่งสังหารได้”
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการมาจากมรรคาสวรรค์จริงๆ น่ะหรือ”
“ยามนี้เทพบุพกาลดับสูญ มารมรรคาในแดนเทพหวนปัจฉิมเริ่มออกเข่นฆ่าไร้ซึ่งความกริ่งเกรง ซ้ำพวกเรายังต้องเฝ้าระวังผนึกของแดนบรรพกาลด้วย”
“หากเทียบกับมารมรรคาแล้ว ตัวตนที่อยู่ในแดนบรรพกาลสิถึงจะน่ากลัวที่สุดสำหรับพวกเรา”
เงาร่างอื่นๆ พากันเปิดปากพูด
โพธิสัตว์จุนที เจ้าแม่หนี่ว์วาและฝูซีเทียนก็อยู่ในวงนี้ด้วย
เจ้าแม่หนี่ว์วาถอนหายใจพลางกล่าวว่า “พวกเราไม่ควรส่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการไปโจมตีมรรคาสวรรค์เลย ข้าว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการน่าจะไม่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อาจเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ และมีพลังเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมากที่สุด”
เงาร่างทั้งหมดเงียบไป
แม้เจ้าแม่หนี่ว์วาจะไม่ได้พูดให้ชัดเจน แต่พวกเขาล้วนทราบดี
บรรพชนเต๋า!
พวกเขาสามารถเข้าฝันหานเจวี๋ยได้ ทว่าไม่อาจทำนายได้ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือผู้ใด
มีอยู่เพียงตัวตนเดียวเท่านั้นที่ถ่วงมือถ่วงเท้าพวกเขาเช่นนี้ได้ นั่นก็คือบรรพชนเต๋า!
เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “บางทีเหตุผลที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการพุ่งเป้าไปที่เทพบุพกาล อาจมิใช่เพื่อปกป้องมรรคาสวรรค์”
“หมายความว่าอย่างไร” ตี้จวินรีบซักถาม
เงาร่างสูงใหญ่ตอบว่า “ตำนานเล่าขานว่าบรรพชนเต๋าบุกเบิกแดนบรรพกาล ใช้ดวงชะตาบุพกาลดึกดำบรรพ์สะกดระงับแดนบรรพกาล รวมถึงเขาเทพปู้โจว ทะเลเลือดไร้สิ้นสุด ซากศพบรรพชนจอมเวทและเจ้านิกายทงเทียน เขาเทพปู้โจวคือกระดูกสันหลังของผานกู่ บรรพชนจอมเวทคือแก่นโลหิตของผานกู่ เจ้านิกายทงเทียนแปรผันกำเนิดขึ้นจากจิตดั้งเดิมของผานกู่…”
เงาร่างทั้งหมดพลันตื่นตะลึง
“อะไรกัน ความหมายของเจ้าคือบรรพชนเต๋าต้องการคืนชีพผานกู่เช่นนั้นหรือ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร เขาบ้าไปแล้วหรือ”
“มีความเป็นไปได้จริงๆ บรรพชนเต๋าคล้ายจะกริ่งเกรงบางสิ่งมาโดยตลอด หากเขาสู้ไม่ไหว ก็ทำได้เพียงวาดหวังปลุกชีพปฐมเทพผานกู่ขึ้นมา แล้วหาทางรอดชีวิต…”
“นี่…หากผานกู่คืนชีพขึ้นมา แล้วพบว่าพวกเราปองร้ายมรรคาสวรรค์…”
ความหวาดผวาและกระวนกระวายเริ่มแผ่ขยายไปทั่วห้องโถง
………………………………………………………………