ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 666 หานทั่วกระสับกระส่าย
หานเจวี๋ยจ้องมองหน้าท้องสิงหงเสวียน ลูกชายคนเล็กขดตัวเป็นก้อน ดูราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ สัญญาณชีพแข็งแกร่งยิ่ง
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กคนนี้กำลังดูดซับพลังเวทของสิงหงเสวียนอยู่ น่าสนใจอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้นจึงเคลื่อนย้ายไปนั่งข้างๆ สิงหงเสวียน ใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับนาง
สิงหงเสวียนเห็นเขาปรากฏตัวขึ้น จึงถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องใดหรือ”
น้อยมากที่หานเจวี๋ยจะเป็นฝ่ายมาหานาง
หรือจะเป็นเพราะลูก
สิงหงเสวียนลูบหน้าท้องตน ใบหน้าฉายแววคาดหวังตั้งตารอ
ช่วงแรกๆ นางก็เคยกังวลเช่นกัน เพราะตั้งครรภ์มานานถึงเพียงนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า นางก็ยังสัมผัสถึงสัญญาณชีพของลูกได้ ตอนนี้นางจึงเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ครรภ์ที่ผิดไปจากมนุษย์ปกติเช่นนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “หากเกิดปัญหาขึ้น ถ่ายทอดเสียงหาข้าได้ตลอด ไม่ต้องกลัวจะรบกวนข้า”
สิงหงเสวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นถึงเซียนทองต้าหลัว ยังจะมีภาวะคลอดยากได้อีกหรือ”
หานเจวี๋ยคุยเล่นกับนางไปสักพัก หลังจากชำระล้างเสร็จแล้ว เขาถึงได้จากไป
หานเจวี๋ยนั่งบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร เริ่มตรวจดูจดหมาย
ตัวเอกในแวดวงสหายกลายเป็นผานซิน คนผู้นี้ต่อสู้อยู่ตลอด ซ้ำยังไม่ได้รับเคยบาดเจ็บสาหัสเลย แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยเห็นแจ้งเตือนของจอมเทพข่งเซวี่ย ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ตลอด
น่าอนาถจริงๆ
หานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย เผชิญกับการโจมตีเป็นครั้งคราว เอะอะมะเทิ่งอยู่เสมอ
หลังตรวจจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยทอดสายตามองแดนเซียน
เผ่าหายนะส่งเสริมการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตในแดนเซียน กระแสการบำเพ็ญเฟื่องฟูขึ้นมา ดวงชะตามรรคาสวรรค์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เรื่องที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือเผ่ามนุษย์
ภายในระเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งพันปี ประชากรเผ่ามนุษย์เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า นี่เป็นเพราะอิทธิพลของสำนักนิกายแห่งอริยะ ทำให้เผ่าพันธุ์อื่นๆ ไม่กล้าคุกคามเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์ขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆ มิใช่การขยายเชิงรุกคืบ แต่เป็นการอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ
เผ่ามนุษย์ยินดีอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ และนี่คือเรื่องที่เหล่าอริยชนอยากจะเห็น
ภายในมรรคาสวรรค์เป็นปึกแผ่นกลมเกลียว ถึงจะสามารถเผชิญหน้ากับอันตรายจากฟ้าบุพกาลได้
สาเหตุที่เผ่าหายนะและเผ่าเพลิงกัลป์แข็งแกร่งขนาดนั้น ก็เป็นเพราะภายในเผ่าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ขัดแย้งกันภายในน้อยยิ่ง
หานเจวี๋ยสอดส่องสรรพสิ่งสารพัดชนิด แม้ความทุกข์ทรมานในโลกมนุษย์ลดน้อยลง แต่ก็มิได้หมดไป ทั้งยังมีความพะวงในวิถีบำเพ็ญเริ่มปกคลุมไปทั่วมรรคาสวรรค์
แม้จะมีอริยะเทศนาธรรม แต่คุณสมบัติแตกต่างกันไปตามชาติกำเนิด เปรียบเสมือนคูน้ำที่ขวางกั้นสรรพสิ่ง
หานเจวี๋ยสอดส่องหานอวี้
เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งขึ้น หานอวี้ได้รับดวงชะตาเผ่ามนุษย์ ตบะก้าวหน้าดุจโบยบิน
หานเจวี๋ยหันไปมองยมโลกต่อ ช่วงนี้ซูฉีปิดด่านอยู่ตลอด หยางเทียนตงก็สงบสุขดียิ่ง
จี้เซียนเสินหัวหน้าเผ่าสวรรค์คล้ายจะละทิ้งความปรารถนาในอำนาจไปแล้ว ปิดด่านฝึกบำเพ็ญตลอด เผ่าสวรรค์มีตัวตนในยมโลกน้อยยิ่ง ถึงขั้นที่มีเทพเซียนไม่น้อยเปลี่ยนไปเข้าร่วมกับยมโลกหรือไม่ก็หวนคืนแดนเซียน ย้ายไปเข้าร่วมสำนักวิถีสวรรค์
อีกด้านหนึ่ง หลังจากแดนเซียนพิภพเชื่อมรวมกับมรรคาสวรรค์ หานเจวี๋ยก็สามารถสอดส่องสถานการณ์ของแดนเซียนพิภพผ่านอาณาเขตเต๋าหลักได้ ตบะของเริ่นกังและอิ่นหงเฉินก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย นับว่าทำให้เขาพอใจได้
ผ่านไปหลายชั่วยาม
หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา ฝึกบำเพ็ญต่อ
สามพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา
เมื่อหานเจวี๋ยลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่ทำคือสอดส่องสิงหงเสวียน
ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่คลอด!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาสอดส่องตัวอ่อนภายในครรภ์ของสิงหงเสวียน กลิ่นอายเหนือล้ำกว่ามนุษย์ธรรมดา วิญญาณก่อตัวแล้ว แต่ยังอยู่ในสภาวะหลับใหล
เด็กคนนี้…
จะเอาแต่นอนขี้เกียจในท้องมารดาเขาเช่นนั้นหรือ!
อย่างไรก็ตามตัวอ่อนยังคงดูดซับพลังเวทของสิงหงเสวียนตามสัญชาตญาณ ไม่มีการฝึกบำเพ็ญ ตอนนี้จึงยังไร้ซึ่งระดับ
สิงหงเสวียนก็ไม่ได้ชะลอหยุดยั้งการฝึกบำเพ็ญเพราะเขาเช่นกัน สภาวะร่างกายยอดเยี่ยมยิ่ง ถึงขั้นที่ฝึกบำเพ็ญก้าวหน้าเร็วกว่าช่วงก่อนตั้งครรภ์อยู่บ้าง
พอเห็นเป็นแบบนี้ หานเจวี๋ยก็วางใจแล้ว
เขาเพียงเกรงว่าตัวอ่อนจะถ่วงรั้งสิงหงเสวียน
มองจากตอนนี้ สิงหงเสวียนนับว่าได้รับอานิสงส์จากบุตรในครรภ์ ตบะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเมื่อก่อน
ข่าวเรื่องสิงหงเสวียนตั้งครรภ์แพร่ไปทั่วเขตเซียนร้อยคีรีแล้ว เหล่าศิษย์ล้วนตั้งตารอคอยเจ้าสำนักน้อยคนนี้
มีเพียงคนส่วนน้อยที่ทราบว่าหานทั่วคือบุตรชายของหานเจวี๋ย ศิษย์ส่วนใหญ่ต่างนึกว่าหานเจวี๋ยมีเพียงบุตรคนนี้ที่อยู่ในครรภ์
“ได้ยินว่าเจ้าสำนักน้อยยังอยู่ในครรภ์ ต้องเลิศล้ำแน่นอน”
“ใช่แล้ว ยิ่งตั้งครรภ์นานเท่าไร คุณสมบัติก็ยิ่งยอดเยี่ยมเท่านั้น ได้ยินว่าจ้าวมังกรตั้งครรภ์นับหมื่นล้านปีเลยนะ”
“หมื่นล้านปีก็เกินจริงไปแล้วกระมัง!”
“อย่างไรก็ตามบุตรของเจ้าสำนักต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์แน่ พวกเรามาเดากันเถอะว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเขาจะลืมตาดูโลก”
“คาดว่าคงอีกนาน”
….
หานเจวี๋ยได้ยินเหล่าศิษย์มากมายในเขตเซียนร้อยคีรีกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนคาดหวังตั้งตายิ่ง
หานเจวี๋ยมีทายาท เช่นนั้นสำนักซ่อนเร้นก็สามารถสืบทอดต่อไปได้ ส่วนบรรดาศิษย์สืบทอด พวกเขาทรงพลังไม่เท่าท่านผู้พิทักษ์ที่เข้าร่วมทีหลังด้วยซ้ำ จึงไม่ได้รับการยอมรับมากนัก
หากว่าตบะและคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากหานเจวี๋ยได้ เช่นนั้นก็มีเพียงสายเลือดเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับ
หานเจวี๋ยตั้งตารอชมผลงานหลังจากที่ลูกคนนี้ถือกำเนิดขึ้น
‘ควรตั้งชื่อว่าอะไรดี’
หานเจวี๋ยลูบคางใคร่ครวญ
หวังว่าเด็กคนนี้จะไม่บ้าระห่ำ จะชอบเพียรบำเพ็ญเหมือนเขา
เช่นนั้นเรียกว่าหานปู้ลั่งดีหรือไม่?
หานขู่ซิวล่ะ?
หรือว่าหานโก่ว
เพ่ย! ชื่อนี้เหมือนกำลังด่าคนอยู่ชัดๆ!
ค่อยว่ากันทีหลังเถิด
หานเจวี๋ยหลับตาลงอย่างรวดเร็ว เขาได้รับแรงกระตุ้นจากบุตรคนเล็กแล้วเช่นกัน
ก่อนที่ลูกคนนี้จะลืมตาดูโลก เขาต้องพยายามทะลวงขั้นเล็กให้ได้!
….
ณ แดนต้องห้ามอันธการ
ประตูศิลาใหญ่ยักษ์บานหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ตั้งตระหง่านเหนือหมู่เมฆา ใต้ประตูมีเงาร่างสองร่างนั่งสมาธิอยู่ เป็นหานทั่วและอี๋เทียน
จู่ๆ หานทั่วก็ลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น
อี๋เทียนเอ่ย “เป็นอะไรไป เหตุใดระยะนี้ถึงกระสับกระส่ายนักเล่า เจ้ากลัวโดนจอมเทพข่งเซวี่ยล้างแค้นหรือ”
หานทั่วส่ายหน้า “ย่อมมิใช่ จอมเทพข่งเซวี่ยถูกสะกดไว้แล้ว ต่อให้หนีออกมาได้ ก็คงไปล้างแค้นฝ่าบาท แต่ไม่ทราบว่าเหตุใด ระยะนี้จิตใจร้อนรุ่มวุ่นวายอย่างน่าประหลาด”
อี๋เทียนลืมตาขึ้น ถามต่อว่า “ลองไปให้ฝ่าบาททำนายดูหน่อยดีหรือไม่”
หานทั่วคิดๆ ดู ความรู้สึกนี้ส่งผลต่อการบำเพ็ญของเขาจริงๆ จึงลุกขึ้น
มีแสงจ้าแผ่ออกมาจากประตู เป็นค่ายกลส่งตัวที่สูงใหญ่นับหมื่นจั้ง!
หานทั่วกระโดดเข้าไปในแสงจ้า มาโผล่ที่ภพเซียนแห่งหนึ่ง
เมฆขาวฉาบนภา วิหคเวียนเรียงแถวโบยบิน มีตำหนักตั้งอยู่เหนือหมู่เมฆา ทหารสวรรค์และขุนพลสวรรค์เหาะลาดตระเวนไปมาเป็นระยะๆ
หานทั่วเหาะมาถึงหน้าพระราชวังใหญ่โตโอ่อ่าที่อยู่สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว มีป้ายแขวนอยู่เหนือประตูใหญ่ของพระราชวัง
พระราชวังเทียมเมฆา!
หานทั่วมีป้ายคำสั่งของจักรพรรดิสวรรค์ เข้าวังไปได้ทันที
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนั่งอยู่บนบัลลังก์ ในมือถือเศษหยกสองชิ้น ขมวดคิ้วแน่น
“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากพระองค์พะย่ะค่ะ” หานทั่วประสานหมัดทำความเคารพ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเงยหน้ามอง เผยรอยยิ้มเมตตา เอ่ยถามเขา “มีเรื่องใด”
เขาพอใจในตัวหานทั่วนัก รู้สึกว่าหานทั่วมีคุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่าหานเจวี๋ยเลย ช่วยชดเชยความเสียใจของเขาที่ในอดีตไม่ได้สั่งสอนดูแลหานเจวี๋ยให้ดี
หานทั่วเล่าความกังวลของตนออกมา
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายขมวดคิ้ว หานทั่วก็นับว่าเป็นผู้ทรงพลัง ความสามารถในการควบคุมสังขารและวิญญาณบรรลุขีดสูงสุดแล้ว เหตุใดถึงว้าวุ่นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุเล่า
เขานับนิ้วทำนายชะตา ทว่าไม่สามารถทำนายได้
เขาจำเป็นต้องนำคันฉ่องสีทองบานหนึ่งออกมา
“เข้ามาใกล้ๆ” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยเบาๆ
หานทั่วขยับเข้าไปอีกก้าวทันที
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถือคันฉ่องทองส่องมาทางหานทั่ว แสงสีทองแผ่ออกมา กระทบร่างหานทั่ว
เพล้ง!
คันฉ่องปริร้าวในทันที ปรากฏรอยร้าวยาวเส้นหนึ่ง คันฉ่องแตกเป็นสองซีก
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเบิกตากว้าง อดอุทานออกมาไม่ได้ “เป็นไปได้อย่างไร!”
หานทั่วมองคันฉ่องที่แตกร้าว ใจเต้นแรงขึ้นมา
แย่แล้ว!
นี่คือสมบัติของฝ่าบาท!
………………………………………………………………