ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 692 บุตรแห่งมหาเคราะห์
หืม
หวงจุนเทียนเกิดเรื่องขึ้นหรือ
หานเจวี๋ยเงยหน้ามองขึ้นไป ไม่เห็นหวงจุนเทียนบนชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
เขากวาดตามองไปรอบแดนเซียน สายตาไปหยุดที่โลงศพของสื่อหยวนหงเหมิงอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายของหวงจุนเทียนเลือนหายไปในละแวกโลงศพของสื่อหยวนหงเหมิง!
หรือว่าคนที่โจมตีหวงจุนเทียนก็คือสื่อหยวนหงเหมิง
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขาได้ทราบว่าสื่อหยวนหงเหมิงไม่มีทางเปลี่ยนเป็นเทพมารอนธการสำเร็จ คนผู้นี้คิดซ่อนตัวจากปัญหา หรือว่าจะผสานรวมกับหวงจุนเทียน แทรกซึมเข้าสู่มรรคาสวรรค์
มีความเป็นไปได้สูง!
หานเจวี๋ยเข้าฝันหวงจุนเทียนทันที
หวงจุนเทียนผสานรวมกับสื่อหยวนหงเหมิง เขาต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าตอนนี้ผู้ที่ควบคุมหวงจุนเทียนอยู่ยังใช่ตัวเขาหรือไม่
จะเป็นหนึ่งร่างสองวิญญาณ หรือสองวิญญาณผสานรวม หรือใครสักคนมีอำนาจควบคุมเจตจำนงมากกว่ากันแน่
ในแดนความฝัน
หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น เมื่อเขาเห็นหานเจวี๋ย เขาพลันตื่นเต้นขึ้นมา
“นายท่าน!”
หวงจุนเทียนคุกเข่าลงทันที
พอได้ยินสองคำนี้ หานเจวี๋ยก็รู้สึกเบาใจลงเล็กน้อย แต่ต่อมาก็ตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง
สื่อหยวนหงเหมิงผสานรวมกับหวงจุนเทียน มีความเป็นได้สูงว่าจะได้รับความทรงจำของเขาด้วย
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้ายังเป็นเจ้าอยู่หรือไม่”
หวงจุนเทียนตะลึงงัน จากนั้นก็แสดงสีหน้าเคารพเลื่อมใส เอ่ยขึ้นว่า “ท่านทำนายได้หรือขอรับ ถูกแล้วขอรับ ข้าผสานรวมกับผู้ทรงพลังท่านหนึ่ง แต่ผสานรวมเพียงกายเนื้อเท่านั้น ข้าได้รับคุณสมบัติทางกายภาพของเขา เขาซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณข้า กบดานจากศัตรูของเขา!”
หานเจวี๋ยมองพินิจหวงจุนเทียน ถามต่อว่า “เจ้าเชื่อเขาหรือ”
หวงจุนเทียนกล่าวตอบ “เขาแบ่งปันความทรงจำให้ข้าขอรับ”
“กล่าวอีกนัยคือ เจ้าก็แบ่งปันความทรงจำให้เขาเช่นกันใช่หรือไม่”
สีหน้าของหานเจวี๋ยเยียบเย็นเล็กน้อย หวงจุนเทียนตกใจรีบอธิบายว่า “ข้าลบอดีตระหว่างพวกเราออกไปแล้วขอรับ เมื่อข้าได้พบท่าน ก็จดจำการกระทำเหล่านี้ได้ ท่านคือนายของข้า กลายเป็นสัญชาตญาณของข้าไป เช่นเดียวกับสัญชาตญาณในการใช้ชีวิตแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับความทรงจำขอรับ”
“ดังนั้นผู้ทรงพลังท่านนั้นไม่มีทางรู้เรื่อง”
สีหน้าหานเจวี๋ยโอนอ่อนลง แต่เขายังคงไม่เชื่ออยู่บ้าง
มีการควบคุมเช่นนี้ด้วยหรือ
แฟนตาซีเกินไปแล้ว!
หวงจุนเทียนเอ่ยต่อว่า “รอจนพวกเราผสานรวมกันสำเร็จสมบูรณ์แล้ว ข้าจะกลับเข้ามรรคาสวรรค์ เขาจะซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณข้าไปตลอด ช่วยข้าฝึกบำเพ็ญ นี่คือข้อเรียกร้องของเขาขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่แว้งกัดเจ้าแน่นอน หากสลับเป็นเจ้า จะยินดีทำเช่นนี้หรือ”
หวงจุนเทียนเงียบไป
เขาตกใจแล้ว
หานเจวี๋ยกล่าวไปว่า “หากไม่วางใจ ก็มาหาข้า”
พูดจบ เขาก็โบกแขนเสื้อสลายแดนความฝัน
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ถามในใจ ‘สิ่งที่หวงจุนเทียนพูดเป็นความจริงหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เป็นความจริง]
หานเจวี๋ยโล่งอก ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อหวงจุนเทียนด้วย
มิน่าเล่าคนผู้นี้ถึงวางแผนกุมอำนาจเก่งขนาดนั้น มีทักษะด้านนี้มาตั้งแต่กำเนิดนี่เอง
หานเจวี๋ยก็สามารถลบความทรงจำตัวเองได้เช่นกัน แต่หากจะทำให้หลงลืมฐานะตัวตนของคนผู้หนึ่งไป แต่เมื่อพบหน้าก็จะกระตุ้นให้จดจำความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้ นี่ออกจะเหนือชั้นเกินไป
อย่างไรก็ตามในเมื่อหวงจุนเทียนไม่เป็นอะไร เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว
หากคนผู้นี้มาหาหานเจวี๋ย เขาจะช่วยเหลือแน่นอน แต่หากไม่มา เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของหวงจุนเทียนเอง
คนเราต่างมีชะตากรรมต่างกันไป
หานเจวี๋ยยังคงคาดหวังในตัวหวงจุนเทียนอยู่ คนผู้นี้มักจะเอาตัวรอดได้ และใช้ชีวิตได้ดียิ่ง
ในมหาเคราะห์ครั้งก่อน บุตรแห่งสวรรค์ที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นกว่าหวงจุนเทียนมีอยู่มากมาย แต่ผู้ที่เอาตัวรอดได้ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างหวงจุนเทียน กลับไม่มีเลย!
แม้แต่หลี่เต้าคงและฟางเหลียงก็ยังสู้หวงจุนเทียนไม่ได้
หานเจวี๋ยสอดส่องสิงหงเสวียน
บุตรชายคนเล็กยังอยู่ในครรภ์
มองจากรูปการณ์นี้ ถึงมารดาเขาจะพิสูจน์ครึ่งอริยะได้ ก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะถือกำเนิด
หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา แต่ยังคงมาหาสิงหงเสวียน แสร้งว่ามาหาเพราะเป็นห่วง แต่ความจริงมาเพื่อใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์
สิงหงเสวียนก็กำลังวิตกอยู่เช่นกัน ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันแน่กว่าเด็กคนนี้จะถือกำเนิด
โชคดีที่ได้รับการปลอบโยนจากหานเจวี๋ย
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าหานเจวี๋ยแสนดีจริงๆ ดูเหมือนจะเย็นชา แต่ยามอยู่ต่อหน้าผู้ให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของตน ก็จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตนออกมา
หลังจากใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์แล้ว หานเจวี๋ยถึงได้ออกมา
ในใจสิงหงเสวียนเต็มไปด้วยความหวานชื่น ฝึกบำเพ็ญต่อ
หลังจากหานเจวี๋ยกลับถึงอารามเต๋าของตนก็เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญ
ต้องพิสูจน์มหามรรคให้ได้ในเร็ววัน
….
ห้าพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา
ขณะที่หานเจวี๋ยเพิ่งสิ้นสุดการบำเพ็ญ เสียงของจอมอริยะเสวียนตูก็ดังแว่วขึ้นมา “สหายเต๋าหาน มาที่ตำหนักเอกภพเถิด”
หารืออีกแล้วหรือ
เดิมทีหานเจวี๋ยคิดจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมา จอมอริยะเสวียนตูทำนายเวลาเพื่อแจ้งให้เขาทราบ ก็ควรจะไว้หน้าบ้าง
หากไม่มีจอมอริยะเสวียนตูคอยดูแลควบคุมภาพรวมมรรคาสวรรค์ มรรคาสวรรค์ไหนเลยจะพัฒนาได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
หานเจวี๋ยสอดส่องชั้นฟ้าที่สามสิบสามก่อน เหล่าอริยชนอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มียอดฝีมือแปลกหน้า
หวงจุนเทียนเองก็กลับมาแล้ว ตบะเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย ดูเหมือนสื่อหยวนหงเหมิงจะให้ความช่วยเหลือเขามากยิ่ง
หลายปีมานี้ หวงจุนเทียนก็ไม่ได้มาหาหานเจวี๋ยเลย คาดว่าคงต้องการเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายมาปรากฏตัวที่ตำหนักเอกภพ อริยะคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยตามมาถึง
คาดว่าจอมอริยะเสวียนตูคงแจ้งหานเจวี๋ยก่อนเป็นคนแรก
ไม่นานนัก เหล่าอริยะก็มากันพร้อมหน้า
หวงจุนเทียนไม่ได้มองมาทางหานเจวี๋ย ทำเหมือนทั้งสองไม่คุ้นเคยกัน
เหล่าอริยะล้วนจ้องมองไปที่จอมอริยะเสวียนตู แม้แต่ผานซินก็ทำเช่นเดียวกัน
ตอนนี้จอมอริยะเสวียนตูคือศูนย์กลางของเหล่าอริยะ ยามที่ผานซินกลับมาเขาคิดยื้อแย่งอำนาจ แต่ต่อมาถึงได้ตระหนักว่าตนยังห่างชั้นนัก มีหลายเรื่องที่เขาจำเป็นต้องถามความเห็นจากจอมอริยะเสวียนตู จึงค่อยๆ เริ่มคล้อยตามจอมอริยะเสวียนตูไปโดยไม่ทันรู้ตัว
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “มรรคาสวรรค์ เริ่มต้นใหม่มาสองแสนปีแล้ว พวกเราสมควรวางแผนสำหรับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งต่อไปไว้แต่เนิ่นๆ”
มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เดิมทีเขานึกว่าหลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มขยายตัว มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตจะเลื่อนออกไป ถึงขั้นที่หายไปด้วยซ้ำ
สาเหตุที่มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมีตัวตนอยู่ เป็นเพราะมรรคาสวรรค์ไม่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตมากจนเกินไปได้ เมื่อถึงยามที่ทรัพยากรขาดแคลน ความขัดแย้งระหว่างสรรพสิ่งย่อมสั่งสมเพิ่มพูน ประกอบกับมีอริยะคอยผลักดัน ฉวยโอกาสจากมหาเคราะห์กำจัดสิ่งมีชีวิตมากมายมหาศาล ทำให้มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้
มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตนี้อันที่จริงแล้วไม่มีความหมายเลย หากในฟ้าบุพกาลมีเพียงมรรคาสวรรค์ยังพอว่า แต่ยังคงมีแดนเทพหวนปัจฉิม แดนบรรพกาลรวมถึงมรรคาสวรรค์น้อยอื่นๆ อยู่ด้วย เพราะแบบนี้ถึงทำให้เผ่าเพลิงกัลป์และเผ่าหายนะแทบจะอยากทำลายล้างทั้งมรรคาสวรรค์
เทพสูงสุดหนานจี๋ถามขึ้นมาก่อน “จำเป็นด้วยหรือ ตามปกติแล้วมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตต้องใช้เวลาสั่งสมหลายร้อยล้านปี ยิ่งไปกว่านั้นมรรคาสวรรค์ในยามนี้ก็พัฒนาไปดียิ่ง ในอนาคตอาจไม่จำเป็นต้องมีมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็เป็นได้”
ผานซินพยักหน้ารับ เอ่ยขึ้นว่า “หากจะพิจารณาถึงมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต มิสู้พิจารณาถึงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ดีกว่า มหาเคราะห์นั้นจะกวาดล้างไปทั่วฟ้าบุพกาล”
อริยะคนอื่นๆ พากันคล้อยตาม
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “มรรคาสวรรค์ต่างไปจากในอดีต มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตย่อมแตกต่างไปจากในอดีตด้วยเช่นกัน จะไม่ใช่การลดจำนวนสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป แต่จะทำให้มีบุตรแห่งสวรรค์และผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่ถือกำเนิดเพิ่มมากขึ้น อีกอย่างสงบสุขนานเกินไปก็มิใช่เรื่องดี จะทำให้หย่อนยานได้ง่ายๆ เกิดความกดดันสะสมภายในจิตใจ
“ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ศิษย์ของสำนักดวงชะตาต่างๆ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากวิธีการอื่นข่มเหงสรรพสิ่งได้อยู่ดี”
เหล่าอริยะพยักหน้ารับ อันที่จริงพวกเขาก็สังเกตเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แต่พวกเขาไร้หนทางแก้ไข หากสำนักดวงชะตาไม่เหนือชั้นกว่า จะดึงดูดสิ่งมีชีวิตมาเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นได้อย่างไร
ความสงบสุขและยุติธรรมไม่มีอยู่อย่างแท้จริง
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยต่อไปว่า “นับจากนี้พวกเราต้องคัดเลือกกลุ่มอิทธิพลที่จะให้กำเนิดบุตรแห่งมหาเคราะห์ขึ้น มอบบทตัวเอกให้เขา ยกระดับเข้าสู่ยุคสมัยที่บุตรแห่งสวรรค์จะออกมาเฉิดฉายโลดแล่น เมื่อถึงเวลานั้น เหล่าอริยะไม่จำเป็นต้องสอดมือเข้ายุ่ง ก่อเกิดสถานการณ์ที่ทำให้บุตรแห่งสวรรค์ต้องต่อสู้ช่วงชิงกันเอง”
………………………………………………………………