ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 77 ราชาปีศาจบาดเจ็บสาหัส ผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งของลัทธิสัจจะยุทธ์
- Home
- ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
- บทที่ 77 ราชาปีศาจบาดเจ็บสาหัส ผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งของลัทธิสัจจะยุทธ์
พื้นดินทางตอนเหนือของต้าเยี่ยนเต็มไปด้วยหิมะน้ำแข็ง
ภายในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่ง น้ำแข็งหนาวเย็นก่อตัวเป็นกรวยปกคลุมไปทั่วอุโมงค์ถ้ำ ดูอัปลักษณ์และน่ากลัวยิ่งนัก
สิ้นสุดปลายอุโมงค์ บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงน้ำแข็ง บนร่างของเขาสวมชุดขนาดใหญ่ที่ทำมาจากขนสัตว์ ใบหน้าแปลกประหลาด ที่ด้านหลังมีสิ่งที่ดูคล้ายหางสีดำขนาดใหญ่กวัดแกว่งไปมาอยู่สี่สาย
เขาก็คือราชาปีศาจเตี่ยนซู่ หรือราชาปีศาจเตี่ยนซู่ที่แปลงกายแล้ว
ฟู่…
ราชาปีศาจเตี่ยนซู่พ่นศรโลหิตออกมาอย่างรุนแรง สาดกระเซ็นลงบนพื้นที่เป็นน้ำแข็ง เผาไหม้จนละลายกลายเป็นไอลอยขึ้นด้านบน
หน้าเตียงน้ำแข็งมีหลุมบ่อปรากฏอยู่มากมาย ทั้งหมดล้วนเกิดจากโลหิตที่เขาพ่นออกมาก่อนหน้า
เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด!
ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ทั้งโกรธทั้งกลัว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
เมื่อห้าชั่วยามก่อนหน้านี้ เขาก็เริ่มกระอักเลือดออกมา กระอักมาจนถึงตอนนี้ ยามนี้กลับเริ่มกระอักโลหิตวิสุทธิ์ออกมาแล้ว!
เช่นนี้จะทำอย่างไร
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวที่สุดคือเขาไม่สามารถที่จะฝึกฝนได้ พอดูดซับปราณ พลังปีศาจที่อยู่ในร่างไม่เพียงแต่จะไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับลดลง
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…
ราชาปีศาจเตี่ยนซู่รู้สึกไม่สบายใจ มีชีวิตอยู่มาหมื่นปี นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับเคราะห์กรรมเช่นนี้
เขาพลันนึกถึงตำนานบรรพกาลบางอย่างขึ้นมา หรือในกลุ่มผู้บำเพ็ญตอนนั้นจะมีคนบรรลุมรรคา และกำลังจ้องมองเขาอยู่?
เขาเพิ่งประกาศแผนการชุบเลี้ยงเผ่ามนุษย์ออกไปได้ไม่ถึงสองปี คิดไม่ถึงว่าจะพบกับเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้แล้ว
ขณะที่ดำลังคิดอยู่นั้น เลือดก็พุ่งขึ้นในลำคอของเขา ราชาปีศาจเตี่ยนซู่จำต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
เขาจะบ้าอยู่แล้ว!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องกระอักเลือดจนตายแน่
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ปลดผนึกออกมา เขาฝึกฝนมาโดยตลอด คิดอยากจะฟื้นฟูตบะ ผลปรากฏว่าเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วยามตบะของเขากลับถดถอย อาการบาดเจ็บเพิ่มระดับรุนแรง แย่กว่าตอนที่เพิ่งปลดผนึกออกมา
ราชาปีศาจเตี่ยนซู่คิดว่าตนเองจะต้องไปล่วงเกินเซียนบนสรรค์แน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกลงทัณฑ์อย่างไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ได้
ในเรื่องการบำเพ็ญของเขาก็ไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนมารในใจก็ถูกเขากำจัดไปเมื่อสามร้อยปีก่อนแล้ว ดูท่าตอนนี้มารในใจคงบังเกิดอีกครั้ง
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไปท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจและสิ้นหวังของราชาปีศาจเตี่ยนซู่
เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม
ในที่สุดราชาปีศาจเตี่ยนซู่ก็ไม่กระอักเลือดออกมาอีก และสามารถทำการฝึกฝนได้ใหม่อีกครั้ง แต่ทว่าประสบการณ์ในช่วงนี้กลับกลายเป็นฝันร้ายของเขา
ภายในที่ลับไม่อาจมองเห็น จะต้องมีผู้ทรงพลังจ้องมองเขาอยู่อย่างแน่นอน!
……
เขาเพียรบำเพ็ญเซียน
[ราชาปีศาจเตี่ยนซู่สหายของท่านเผชิญกับคำสาป ร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตบะถดถอย]
หานเจวี๋ยเห็นจดหมายฉบับนี้ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขายิ้มอย่างเบิกบานใจ
เพิ่งสาปแช่งไปเมื่อวาน วันนี้ก็เห็นผลในจดหมายแล้ว
ผลลัพธ์ของการใช้หนังสือแห่งความโชคร้ายด้วยพลังทั้งหมด มันช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
ครั้งนี้หานเจวี๋ยวางใจแล้ว
เขาตัดสินใจว่าทุกๆ สามปีจะใช้พลังทั้งหมดสาปแช่งราชาปีศาจเตี่ยนซู่หนึ่งครั้ง ทำให้เจ้าหมอนี่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสไปตลอด!
หานเจวี๋ยทำการฝึกฝนต่อ เป้าหมายของเขาคือระดับสุญตาขั้นแปด
ขณะที่ต้นฝูซังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถ้ำเทวาฟ้าประทานที่อยู่ใกล้มากที่สุดก็ได้รับผลประโยชน์ก่อน พลังวิญญาณเริ่มเพิ่มทวี
……
วสันตฤดูผ่านพ้นไป สารทฤดูเข้ามาเยือน
พริบตาเดียว
ภาพเหตุการณ์สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับม้าห้อ พอไปแล้วไม่ย้อนกลับ
หานเจวี๋ยทะลวงสู่ระดับสุญตาขั้นแปดในที่สุด!
หลังจากทำตบะให้แข็งแกร่ง หานเจวี๋ยก็เดินออกจากไปนอกถ้ำเทวา เขาตรวจสอบดูสภาพความแข็งแรงของต้นฝูงซังก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงไปหาไก่คุกรัตติกาลเพื่อถ่ายทอดวิชาให้มัน
ไก่คุกรัตติกาลกำลังมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นหงส์คุกรัตติกาลอย่างต่อเนื่อง ตบะเองก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พอที่จะเทียบได้กับผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดแล้ว
ระดับขั้นการบำเพ็ญของเผ่าปีศาจแตกต่างจากเผ่ามนุษย์ แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือระดับปราณก่อกำเนิด ระดับขั้นหลังจากนั้นยังคงเหมือนกัน ปีศาจไม่มีระดับปราณก่อกำเนิด แต่พวกมันสามารถหลอมโอสถปีศาจ และจิตดั้งเดิมออกมาได้
หานเจวี๋ยไม่ได้หวังให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอกนาน แล้วกลับมาสามารถตีไก่คุกรัตติกาลได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นมรรคจิตของเขาอาจจะเสียหายได้
เพียรบำเพ็ญไม่สู้ต่อสู้เพื่อโอกาสหรือ
ไม่มีทาง!
นั่นใช้ได้สำหรับมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น!
หลังจากสอนไก่คุกรัตติกาลเสร็จแล้ว หานเจวี๋ยถือโอกาสไปหาสิงหงเสวียนที่อยู่หลังเขาด้วย เป็นการยากที่สิงหงเสวียนจะปิดด่านฝึกฝนแล้วไม่ออกไปเตร็ดเตร่ด้านนอก
หานเจวี๋ยตัดสินใจถ่ายทอดวิชาเวทให้นางจำนวนหนึ่ง เพิ่มวิธีการรักษาชีวิตให้กับนาง
หลังจากสิงหงเสวียนทราบเรื่องก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ดวงตาอ่อนโยนของนางราวกับจะมีน้ำไหลออกมา
หลังจากสอนไปสิบกว่าวัน ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะกลับถ้ำเทวานั้น เขาพลันจับกลิ่นอายพลังสองหอบได้จากบริเวณใกล้ๆ เขาเพียรบำเพ็ญเซียน
กลิ่นอายพลังหนึ่งในนั้นกลับเป็นหวงจี๋เฮ่า
หานเจวี๋ยรู้จากค่าความสัมพันธ์ว่า หวงจี๋เฮ่าได้เปลี่ยนไปเข้าร่วมลัทธิสัจจะยุทธ์ในเขตแก่นประจิมแล้ว
ตบะของอีกคนสูงมาก คาดว่าก็คงจะเป็นผู้แข็งแกร่งของลัทธิสัจจะยุทธ์ด้วยเช่นกัน
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณรอบๆ นอกจากเขาทันที
[ซั่งกวนฉิวเจี้ยน: ระดับสุญตาขั้นเก้า ผู้อาวุโสคุมกระบี่ของลัทธิสัจจะยุทธ์]
ระดับสุญตาขั้นเก้า?
หานเจวี๋ยหลับตาลง เริ่มจำลองการทดสอบ
ผ่านไปไม่กี่วินาที เขาก็หาวิธีสังหารซั่งกวนฉิวเจี้ยนได้ภายในเสี้ยววินาที
เขาหายไปจากที่เดิมทันที
ขณะเดียวกัน
หวงจี๋เฮ่าพาบุรุษเสื้อน้ำเงินผู้หนึ่งเดินมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสามลี้
ทอดมองเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอันใหญ่โตที่อยู่ไกลๆ ซั่งกวนฉิวเจี้ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ที่นี่มียอดฝีมือมรรคกระบี่ตามที่เจ้าพูดจริงๆ หรือ ข้าสัมผัสจิตกระบี่ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษไม่ได้เลย
หวงจี๋เฮ่ากำลังจะเอ่ยปาก ก็มองเห็นหานเจวี๋ยขี่กระบี่เหินเวหาเข้ามาอย่างเนิบช้า
หวงจี๋เฮ่ารีบร้อนโค้งกายคารวะ และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา หวงจี๋เฮ่าคารวะผู้อาวุโส!
ผู้อาวุโส?
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนขมวดคิ้ว คนผู้นี้ดูแล้วไม่ได้แข็งแกร่ง เพียงแค่หน้าตาหล่อเหลาเท่านั้น
ช้าก่อน!
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนรับรู้ถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากเว่ยหยวนและนักพรตเต๋าชิงเสียนก่อนหน้านั้น
เจ้าหมอนี่มีสมบัติวิญญาณเต็มตัว!
แม้แต่ผู้อาวุโสคุมกระบี่ของลัทธิสัจจะยุทธ์ก็ยังไม่เคยเห็นผู้บำเพ็ญที่ฟุ่มเฟือยเช่นนี้
หานเจวี๋ยเหาะมาตรงหน้าหวงจี๋เฮ่า เอ่ยถามว่า พวกท่านมาสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยเหตุใด
เพียงแค่หวงจี๋เฮ่ากล่าววาจาที่เป็นภัยต่อสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยก็จะเปิดฉากใหญ่ทันที!
จะไม่ปล่อยให้มีโอกาสอย่างแน่นอน!
จะไม่บกพร่องอย่างคราวนักพรตเต๋าชิงเสียนเด็ดขาด!
หวงจี๋เฮ่ากล่าวอย่างนอบน้อม ผู้อาวุโส พวกข้ามาสนทนากระบี่กับท่าน ด้านหลังของข้าผู้นี้คือผู้ฝึกสายกระบี่อันดับหนึ่งของลัทธิสัจจะยุทธ์ในเขตแก่นประจิม เขาอยากแลกมือกับท่าน ท่านวางใจได้ เพียงแค่แลกมือศึกษาเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อสำนักหยกพิสุทธิ์ และยิ่งไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสำนักหยกพิสุทธิ์กับลัทธิสัจจะยุทธ์ นี่คือเจตนาของพวกเรา
แลกมือ?
หานเจวี๋ยมองทางซั่งกวนฉิวเจี้ยนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
เหตุใดเจ้าถึงกล้า!
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนยังคงคิดว่าหานเจวี๋ยหวาดหวั่นต่อชื่อเสียงของตน จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย สหายเต๋าวางใจ จะไม่ทำร้ายถึงชีวิตและตบะอย่างแน่นอน
หานเจวี๋ยทอดถอนใจกล่าว ข้าผู้นี้กลัวความยุ่งยากที่สุด
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนขมวดคิ้ว เจ้าหมอนี่กลัวหรือ
เช่นนี้เถิด ข้าจะออกกระบี่เดียว หากเจ้าสามารถรับได้ นับว่าข้าแพ้ก็แล้วกัน! หานเจวี๋ยโบกมือโบกไม้มือกล่าว
หวงจี๋เฮ่าหนังตากระตุกอย่างบ้าคลั่ง
เขาอดที่จะนึกถึงฝันร้ายในอดีตไม่ได้
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนตอบกลับ ตกลง!
เขามองออกแล้ว ถึงแม้ว่าหานเจวี๋ยจะมีสมบัติวิญญาณมาก แต่เห็นได้ชัดว่าเขาใจฝ่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จบให้ไวหน่อยก็ดี
วาจาของเขาเพิ่งสิ้นสุดลง หานเจวี๋ยพลันนำกระบี่พิพากษาอนธการออกมา ฟาดฟันไปทางซั่งกวนฉิวเจี้ยน
หานเจวี๋ยมาปรากฏกายต่อหน้าซั่งกวนฉิวเจี้ยนราวกับเคลื่อนย้ายได้ในพริบตา สำแดงกระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจอย่างไม่อ้อมค้อม
พลังวิญญาณหกสายของระดับสุญตาขั้นแปดพวยพุ่งออกมาราวกับน้ำที่ไหล่บ่าลงจากภูเขา ทั้งหมดล้วนพุ่งเข้าไปในกระบี่พิพากษาอนธการ ปราณกระบี่สีดำสายหนึ่งพาดแฉลบผ่านฟากฟ้า เวลาราวกับหยุดเคลื่อนไหว
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนเบิกตาโพลง มือของเขาลูบไปยังกระบี่บนเอว
ไม่ดี!
เร็วเกินไป!
รับไม่ทันแล้ว!
ปราณกระบี่อันน่ากลัวปิดล้อมซั่งกวนฉิวเจี้ยนไว้ ทำให้ซั่งกวนฉิวเจี้ยนรู้สึกราวกับตกอยู่ในนรกโลกันตร์ แม้แต่ดวงวิญญาณยังสั่นสะท้าน
กี่ปีแล้ว!
ไม่คาดคิดว่าซั่งกวนฉิวเจี้ยนจะได้กลิ่นของความตายอีกครั้ง!
ที่สำคัญคือเขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้
เกิดเสียงดังโครม!
ป่าไม้ด้านหลังถูกปราณกระบี่พัดจนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับถูกพายุฝนกระหน่ำโจมตี
ซั่งกวนฉิวเจี้ยนคิดว่าตนเองตายไปแล้ว แต่ความจริงเขายังไม่ตาย
กระบี่พิพากษาอนธการลอยอยู่ตรงหน้าผากของซั่งกวนฉิวเจี้ยน เขาสามารถมองเห็นสีหน้าสิ้นหวังของตนผ่านแสงสะท้อนของคมกระบี่ เหงื่อเย็นเม็ดเป้งผุดขึ้นบนหน้าผาก
หานเจวี๋ยกุมกระบี่ด้วยมือข้างเดียว อาภรณ์สีทองโบกสะบัด ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณบนมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์แกว่งไปมาราวกับเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
สีหน้าเยือกเย็นของเขาทำให้ซั่งกวนฉิวเจี้ยนรู้สึกราวกับมองเห็นเซียนกระบี่ที่มาถึงปลายทางของมรรคกระบี่
เจ้า ดูเหมือนจะรับไม่ไหว หานเจวี๋ยกล่าวเบาๆ
เกิดเสียงดังตุบ!
ขาคู่นั้นของซั่งกวนฉิวเจี้ยนอ่อนแรง แรงกดดันมหาศาลของการหลบหนีจากความตาย ทำให้ขาของเขาแบกรับไม่ไหว จนต้องคุกเข่าลงพื้นหลังจากนั้น
ผู้บำเพ็ญระดับสุญตาขั้นเก้าผู้นี้ถูกกระบี่ของหานเจวี๋ยขู่ขวัญจนต้องหมอบอยู่บนพื้น หวงจี๋เฮ่าที่อยู่ข้างๆ กลับไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนก ในทางกลับกันเขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น
……………………………………….。