ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 819 ทะลวงขั้น! ระยะสมบูรณ์!
บทที่ 819 ทะลวงขั้น! ระยะสมบูรณ์!
หลังจัดการเรื่องหานตั้วเทียนเสร็จ หานเจวี๋ยก็ไปเข้าฝันจอมเทพข่งเซวี่ย โดยใช้รูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
จอมเทพข่งเซวี่ยลืมตาขึ้น เมื่อเห็นหานเจวี๋ย ก็รีบทำความเคารพทันที
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “มีภารกิจอย่างหนึ่งจะมอบหมายให้เจ้า”
จอมเทพข่งเซวี่ยมีสีหน้าตื่นเต้น มีเรื่องมาแล้ว!
เขาคันไม้คันมืออยู่พอดี!
ก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้กับพุทธสัจจะยุทธ เอาชนะไม่ได้ ทำให้เขาเสียหน้ายิ่ง ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริงๆ
“ท่านว่ามาเถิด! ไม่ว่าภารกิจใดข้าล้วนจะจัดการให้ท่านจนสำเร็จ”
จอมเทพข่งเซวี่ยเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง คล้ายจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ยังพึ่งพาขอให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการช่วยเหลืออยู่เลย
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “พิสูจน์มหามรรค!”
จอมเทพข่งเซวี่ยตะลึงงัน
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ตบะเจ้าอ่อนด้อยเกินไป มีเรื่องราวมากมายทว่าไม่อาจเรียกใช้เจ้าได้”
จอมเทพข่งเซวี่ยอับอาย ไม่กล้าโต้แย้ง
ถึงแม้อริยะมหามรรคจะมีน้อยยิ่ง แต่ในมุมของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ อริยะเสรีไม่ควรค่าให้เหลือบแลจริงๆ
“ตกลง!”
จอมเทพข่งเซวี่ยตอบรับ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ระยะนี้อย่าได้เที่ยวก่อเรื่องไปทั่วอีก ฝึกบำเพ็ญให้ดี หลังพิสูจน์มหามรรคแล้วมีงานใหญ่รอเจ้าไปจัดการอยู่”
จอมเทพข่งเซวี่ยพยักหน้ารับ อับอายยิ่งกว่าเก่า
ดูเหมือนเรื่องที่เขาไประรานโลกพุทธะจะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทราบเข้าแล้ว
เฮ้อ
ขายหน้าอีกแล้ว
จอมเทพข่งเซวี่ยรู้สึกว่าตนพ่ายแพ้อีกครั้ง ที่คุยโม้ไว้ก่อนหน้านี้ล้วนกลายเป็นความขายหน้าทั้งสิ้น
หานเจวี๋ยก็ไม่พูดมากอีก สลายแดนความฝัน
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ถอนหายใจเบาๆ
พูดกันตามตรง เขาค่อนข้างผิดหวังในตัวจอมเทพข่งเซวี่ยจริงๆ
จอมเทพข่งเซวี่ยดูเหมือนจะค่อนข้างหมกมุ่นอยู่กับพลังในปัจจุบัน หลงลืมความมานะพากเพียร
หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจสอบ ดูสถานการณ์ในระยะนี้ของแวดวงสหาย
[เจียงอี้ศิษย์สหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษมหามรรค พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารสวรรค์ดึกดำบรรพ์] x78922732
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารสวรรค์ดึกดำบรรพ์] x80020012
[เหล่าตานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารสวรรค์ดึกดำบรรพ์] x50029837
[เจียงเจวี๋ยซื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x1000843
[มู่หรงฉี่ศิษย์ของท่านหล่อหลอมมรรคจิตแห่งการต่อสู้ พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[เทพมารปฐมภพศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
….
ฟ้าบุพกาลเกิดมรสุมขึ้นอีกแล้ว!
มารสวรรค์ดึกดำบรรพ์เป็นตัวอันใดกัน
หวังว่าจะไม่ใช่กองกำลังหนึ่งที่ออกมาปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย คาดว่าพวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่คงรวมกลุ่มหาค่าประสบการณ์กันอยู่
เมื่อไล่อ่านลงมา หานเจวี๋ยพบกับคำสาปแช่งลึกลับ
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่กล้าสาปแช่งเทพมารปฐมภพด้วย
หรือว่าจะก่อเรื่องโดยแอบอ้างชื่อของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างข้า
หานเจวี๋ยไม่ได้โกรธเคือง เขาเคยชินไปนานแล้ว
แทบทุกครั้งที่ตรวจดูจดหมาย ล้วนมีคนเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นฝีมือของจิ่งเทียนกงรวมถึงสาวกผู้ศรัทธาในตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคนอื่นๆ
ไม่ว่าที่ใดล้วนมีคนที่อยากเลียนแบบผู้แข็งแกร่ง
หลังตรวจดูจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
จากนี้สมควรพุ่งเป้าไปที่ระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์ได้แล้ว!
ถึงฟ้าถล่มลงมา ข้าก็จะไม่หยุด!
….
ในห้วงอวกาศเวิ้งว้างลึกลับ
เจียงเจวี๋ยซื่อนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางกลุ่มอุกกาบาต สองมืออยู่ในท่าร่ายวิชา วงล้อสีม่วงวงแล้ววงเล่าพัวพันอยู่รอบกาย ลึกล้ำลึกซึ้ง ราวกับผสานรวมกับความจริงแห่งมหามรรค
หลังออกจากมรรคาสวรรค์มาได้ระยะหนึ่ง ตบะของเขามั่นคงสมบูรณ์ ขณะเดียวกันเขาก็ผ่านการต่อสู้มามากมายหลายครั้ง เขากำลังสรุปประสบการณ์อยู่ คิดจะสร้างพลังวิเศษอันยิ่งใหญ่ขึ้น
ถึงแม้กลับชาติกำเนิดมหาโชคจะแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายก็เป็นแค่วิชายุทธ์ เขายังขาดพลังวิเศษในการต่อสู้ของตนอยู่
ทันใดนั้น!
เจียงเจวี๋ยซื่อลืมตาขึ้น
“เหตุใดสหายเต๋าถึงจับจ้องข้า”
เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงปะทุออกมา สั่นคลอนห้วงมิติรอบข้าง
เสียงหัวเราะหยอกเย้าสายหนึ่งดังขึ้น “รุ่นเยาว์อย่างเจ้าไม่ธรรมดาเลย มรรคผลของเจ้าเพิ่งพิสูจน์ถึงระดับเบิกฟ้าระยะต้นเท่านั้น แต่พลังเวทของเจ้ากลับเทียบได้กับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าระยะสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งเจ้าเพิ่งมีอายุไม่ถึงสองแสนปี จุ๊ๆ ไม่คิดเลยว่านอกจากอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้ว ยังมีผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้เป็นรายที่สองด้วย”
เจียงเจวี๋ยซื่อขมวดคิ้ว
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เป็นสือตู๋เต้า
มิใช่แค่สือตู๋เต้าเท่านั้น หลี่เต้าคงและปรมาจารย์ลัญจกรสรวงก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
เจียงเจวี๋ยซื่อมีสีหน้าตื่นตะลึง รีบทำความเคารพแล้วเอ่ยเรียก “ปรมาจารย์!”
เขาก็เคยสดับฟังเทศนาธรรมจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวง นับว่าเคยได้รับความเมตตา
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงตกอยู่ในห้วงความคิด
เขานึกย้อนถึงเจียงเจวี๋ยซื่อดูอย่างละเอียด ในไม่ช้าก็นึกออก นั่นเป็นเพราะตบะเขาสูงล้ำ หากเปลี่ยนเป็นเซียนทองต้าหลัวมีจดจำไม่ได้แน่ เนื่องจากเขาเคยสั่งสอนผู้บำเพ็ญมานับไม่ถ้วน และในอดีตเจียงเจวี๋ยซื่อก็เคยเป็นคนที่ธรรมดายิ่งนัก
หลี่เต้าคงเอ่ยยิ้มๆ “มาจากมรรคาสวรรค์เช่นกันหรือ จุ๊ๆ พรสวรรค์ระดับนี้ไยถึงไม่ถูกอริยะรั้งตัวไว้เล่า”
เจียงเจวี๋ยซื่อตอบอย่างสงบ “พวกเขารั้งไม่อยู่”
โอหัง!
สือตู๋เต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ประลองกันหน่อยดีหรือไม่ หากแพ้ต้องเข้าร่วมกับพวกเรา หากเจ้าชนะ พวกเราจะจากไปทันที ไม่รบกวนเด็ดขาด”
เจียงเจวี๋ยซื่อจ้องมองสือตู๋เต้า พลันเอ่ยว่า “ข้าจำเจ้าได้ สือตู๋เต้า อดีตผู้แข็งแกร่งที่สุดในแดนเซียนรองลงมาจากอริยะ”
สือตู๋เต้ายิ้มอย่างพึงพอใจ กล่าวว่า “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเคยพบข้าด้วย เห็นทีว่าเจ้าจะไม่ได้อ่อนวัยถึงเพียงนั้น”
เขาออกจากมรรคาสวรรค์มานานมากแล้ว ตามหลักเจียงเจวี๋ยซื่อน่าจะไม่เคยพบเขา เช่นนั้นก็มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว เจียงเจวี๋ยซื่อไม่ใช่วิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ แต่เป็นผู้ทรงพลังที่กลับชาติมาเกิดเพื่อหาประสบการณ์
เจียงเจวี๋ยซื่อรับคำท้า “ตกลง!”
หลี่เต้าคงเหลือบมองสือตู๋เต้า เอ่ยว่า “อย่าแพ้เสียเล่า เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา”
เจียงเจวี๋ยซื่อมองหลี่เต้าคง แววตาซับซ้อนอยู่บ้าง
เขาจำหลี่เต้าคงได้
ศิษย์เอกแห่งนิกายเหริน แต่หลี่เต้าคงจำเขาไม่ได้
ทั้งสองไม่ใช่ศิษย์นิกายเหรินในยุคสมัยเดียวกัน แต่สมัยก่อนที่เจียงเจวี๋ยซื่ออยู่ในนิกายเหรินเขาธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่ได้รับความสำคัญ ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ของศิษย์เอกแห่งนิกายเหรินยิ่ง หลี่มู่อีก็นับเป็นหนึ่งในชนรุ่นหลังของเขา
สำหรับหลี่เต้าคง เจียงเจวี๋ยซื่อมีความประทับใจอย่างลึกล้ำ พรสวรรค์ของคนผู้นี้เลิศล้ำจริงๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าหลี่เต้าคงคือยอดบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่ยุคโบราณมา จนกระทั่งอริยะสวรรค์เกรียงไกรปรากฏตัวขึ้น ถึงทำให้บุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดอับแสงสิ้นสีสัน
“ข้าไม่มีทางแพ้!”
สือตู๋เต้าแค่นเสียงเอ่ย เหาะเข้าหาเจียงเจวี๋ยซื่อ
ปรมาจารย์ลัญจรสรวงจ้องมองเจียงเจวี๋ยซื่อ ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
….
เจ็ดหมื่นห้าพันสามร้อยปีต่อมา!
ในที่สุดโอกาสฝ่าทะลวงก็มาเยือนหานเจวี๋ย เขาทะลวงขั้นทันที ไม่หยุดรอเลย
สองพันปีต่อมา เขาทะลวงขั้นสำเร็จ!
ระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์!
พลังเวทเพิ่มขึ้นมหาศาล!
หานเจวี๋ยดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นสุขที่สุดคือความรู้สึกที่ได้ทะลวงขั้น เป็นความสุขสันต์ที่อยู่เหนือล้ำกว่าทุกสิ่ง
เขาปรับตบะให้มั่นคงพลางเรียกหน้าต่างค่าสถานะออกมาตรวจสอบ
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 2154332/10,899,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]
[ตบะ: ระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะสมบูรณ์ (อริยะสมบูรณ์แบบ)]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับมหามรรค), วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด, มหามรรคแห่งกรรม, มหามรรคต้นกำเนิด]
….
มีตัวเลขสามหลักเพิ่มขึ้นมาด้านหน้าอายุขัย นี่นับว่าเพิ่มขึ้นร้อยเท่าเลยกระมัง
เกินกว่าจำนวนที่เพิ่มขึ้นในอดีตมหาศาลนัก!
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ค่อนข้างสำนึกเสียใจอยู่บ้าง
ก่อนทะลวงขั้นน่าจะใช้อายุขัยสักหน่อยไม่ใช่หรือ
ช่างเถอะ ก็ไม่รู้จะสาปใครเหมือนกัน ฝึกบำเพ็ญไปอย่างสงบดีกว่า
หาเรื่องให้น้อยๆ หน่อย!
หานเจวี๋ยปรับตบะให้มั่นคงด้วยความรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง
สามพันปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยไม่ได้ฝึกฝนพลังวิเศษในทันที แต่ตรวจดูกล่องจดหมาย ดูว่าระยะนี้ฟ้าบุพกาลมีเรื่องหรือไม่
ไม่นานนัก เขาก็ถูกจดหมายสองฉบับดึงดูดความสนใจ
[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจียงเจวี๋ยซื่อสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[เจียงเจวี๋ยซื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
………………………………………………………………