ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 874 อดีต
บทที่ 874 อดีต
หลังจากเข้าไปในอารามเต๋า หานเจวี๋ยมองเห็นสิงหงเสวียนยังคงนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่
ชิงหลวนเอ๋อร์ประหม่าอย่างยิ่ง กลับเป็นสาวน้อยหานชิงเอ๋อร์ที่ไม่เหนียมอายเลย จ้องมองสิงหงเสวียนตรงๆ
สิงหงเสวียนลืมตาขึ้น มองคนทั้งสามที่เดินเข้ามา ลุกขึ้นมาต้อนรับทันที
นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านนี้คงเป็นน้องชิงหลวนเอ๋อร์กระมัง”
หนึ่งปีก่อน หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงหานางแล้ว แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบ ดังนั้นนางจึงเตรียมตัวรออยู่นานแล้ว
ชิงหลวนเอ๋อร์เห็นนางมีสีหน้ายิ้มแย้ม ความรู้สึกประหม่าพลันคลี่คลายลงไม่น้อยเลย
สตรีทั้งสองเริ่มพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร
สิงหงเสวียนมองหานชิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังหานเจวี๋ย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ชิงเอ๋อร์ ยังไม่เรียกแม่ใหญ่อีกหรือ”
หานชิงเอ๋อร์เอียงคอมอง ถามด้วยความสงสัย “ทำไมถึงต้องเรียกแม่ใหญ่เล่า ท่านแม่ไม่ได้มีเพียงคนเดียวหรือ”
แม่ใหญ่หรือ
หานเจวี๋ยขบขันอยู่ในใจ
สิงหงเสวียนอุ้มหานชิงเอ๋อร์ขึ้นมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าและท่านแม่ของเจ้าล้วนเป็นภรรยาของท่านพ่อ ก็เท่ากับว่าข้าคือท่านแม่ของเจ้าด้วย”
ชิงหลวนเอ๋อร์สงสัยอยู่ในใจ
แม่ใหญ่หรือ
สถานะของสิงหงเสวียนสูงกว่าตนหรือ
จู่ๆ นางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ก่อนจะมารู้จักกับนาง ฐานะของหานเจวี๋ยลึกลับยิ่งนักอยู่แล้ว หรือว่าสิงหงเสวียนจะติดตามเขามาแต่แรก
มีความเป็นไปได้สูง
ชิงหลวนเอ๋อร์ไม่ได้ถามออกไป ค่อยหาโอกาสถามวันหลัง
สำหรับสิงหงเสวียน นางไม่ได้รู้สึกริษยาเลย เนื่องจากท่าทีของสิงหงเสวียนเป็นมิตรยิ่ง ซ้ำยังเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดคุยกับบุตรสาวนางก่อน ไว้หน้านางยิ่งนัก
พูดคุยกันอยู่พักใหญ่
ชิงหลวนเอ๋อร์ถามด้วยสงสัย “บุตรชายของท่านล่ะ ท่านพี่บอกว่าท่านก็มีบุตรชายคนหนึ่งมิใช่หรือ”
สิงหงเสวียนลูบหน้าท้องตน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อยู่ในนี้ ยังไม่คลอดน่ะ”
ชิงหลวนเอ๋อร์มองอย่างโง่งม
ยังไม่คลอดหรือ
นางอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เด็กคนนี้ค่อนข้างพิเศษ ช่วงเวลาตั้งครรภ์ยาวนานยิ่ง ยังไม่อาจถือกำเนิดได้ เพียงแต่หากนับจากช่วงตั้งครรภ์ ก็สมควรได้เป็นพี่ชายชิงเอ๋อร์จริงๆ”
“หืม พี่ชายข้าหรือเจ้าคะ แต่เขายังอยู่ในท้อง เช่นนั้นเขาก็ควรเป็นน้องชายไม่ใช่หรือ ข้าจะเป็นพี่สาว ข้าจะเป็นพี่สาว!”
หานชิงเอ๋อร์ส่ายหน้าร้องขึ้นมา นางยื่นมือไปลูบหน้าท้องสิงหงเสวียน สีหน้าตื่นเต้นแปลกใจ
สิงหงเสวียนเอ่ยยิ้มๆ “เอาสิ เจ้าเป็นพี่สาว เพียงแต่หากเป็นพี่สาวก็ต้องดูแลน้องชาย วันหน้าไม่ว่าเรื่องใดล้วนต้องยอมให้เขา แต่หากให้เขาเป็นพี่ชาย เช่นนั้นเขาก็ต้องดูแลเจ้า ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องยอมให้เจ้า เจ้าอยากเป็นพี่สาว หรือว่าอยากเป็นน้องสาวเล่า”
หานชิงเอ๋อร์เอียงคอ ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าจะเป็นน้องสาวเจ้าค่ะ”
ชิงหลวนเอ๋อร์อดขบขันไม่ได้
สิงหงเสวียนบีบจมูกน้อยๆ ของหานชิงเอ๋อร์ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูสิชิงเอ๋อร์ของพวกเราฉลาดยิ่ง”
“แน่นอน ข้าฉลาดที่สุด!”
หานชิงเอ๋อร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
หานเจวี๋ยยืนอยู่ด้านข้าง มองพวกนางคุยกันพลางยกยิ้ม艾琳小說
หนึ่งชั่วยามต่อมา พวกเขาจึงออกมา หานเจวี๋ยพาสองแม่ลูกไปที่อารามเต๋าของเซวียนฉิงจวินต่อ
เซวียนฉิงจวินก็เป็นคู่บำเพ็ญของเขาเช่นกัน ทั้งสองมีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันอย่างแท้จริงมานานแล้ว หนึ่งปีก่อน เขาก็แจ้งเรื่องนี้กับนางแล้ว
นางต่างไปจากสิงหงเสวียน เซวียนฉิงจวินรออยู่ในอารามเต๋า ไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ
เซวียนฉิงจวินไม่ได้สดใสร่าเริงเช่นเดียวกับสิงหงเสวียน แต่ทำให้ชิงหลวนเอ๋อร์รู้สึกสนิทสนมชิดเชื้อยิ่งนัก นางยังมอบสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งให้ชิงหลวนเอ๋อร์ด้วย
เพียงแต่ก่อนจะจากกัน หานเจวี๋ยรับรู้ได้ถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
เซวียนฉิงจวินก็อยากมีลูกเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ถูกหานเจวี๋ยบอกปัด ยามนี้ได้เห็นหานชิงเอ๋อร์ ในใจย่อมเกิดความคิดขึ้นมา
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงเอ่ยปลอบใจประโยคหนึ่งก่อนจะพาพวกชิงหลวนเอ๋อร์สองแม่ลูกจากไป เขาแยกเจตจำนงออกมาแทนที่กายเนื้อโดยไม่ให้ผู้ใดรู้ตัว พาสองแม่ลูกกระโจนเข้าสู่แดนเซียน
ทั้งสามมาถึงเมืองแห่งหนึ่งของเผ่ามนุษย์ เมื่อเห็นผู้คนที่เดินสัญจรไปมา ชิงหลวนเอ๋อร์เหม่อลอยไปชั่วขณะ
ผ่านมานานเหลือเกิน
ฉากที่เห็นตรงหน้าทำให้นางอยากร้องไห้ขึ้นมาวูบหนึ่ง
ห้าล้านปีผ่านไป ญาติสนิทมิตรสหายในอดีตล้วนกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นยิ่ง คุยเจื้อยแจ้ว พูดไม่หยุดเลย
หานเจวี๋ยเริ่มพาพวกนางออกท่องเที่ยว
แดนเซียนกว้างใหญ่นัก หานเจวี๋ยวางแผนว่าจะท่องเที่ยวอยู่ในแดนเซียนสักระยะ รอคอยให้หานชิงเอ๋อร์เติบโต
หนึ่งปีต่อมา พวกเขากลับมายังเมืองเดิมที่เคยพำนักอยู่สมัยก่อน เพียงแต่ที่นี่รกร้างว่างเปล่า ทิวเขาทอดตัดสลับ หญ้าขึ้นรกไปทั่ว
ชิงหลวนเอ๋อร์ยืนอยู่บนหน้าผา เหม่อลอยเนิ่นนาน
หานชิงเอ๋อร์เหาะไปเหาะมาอยู่ในป่า เรียกให้หานเจวี๋ยไล่ตามนางไปด้วย แต่หานเจวี๋ยไม่สนใจ
หานเจวี๋ยเดินมาหยุดข้างกายชิงหลวนเอ๋อร์ เอ่ยอย่างมีนัยลุ่มลึก “วันเวลาก็เป็นเช่นนี้ สักวันหนึ่ง เจ้าจะคุ้นไปเอง”
ชิงหลวนเอ๋อร์หันมองเขา เอ่ยถาม “ดังนั้นตอนที่พบข้าในยามนั้น ท่านถึงได้สงบนิ่งยิ่งกระมัง”
หานเจวี๋ยตอบอย่างสงบว่า “ถูกต้อง”
“ฮึ่ม แล้วท่านยังมาหลอกข้าอีก บอกว่าหลังข้าตายจากไปถึงได้รับวาสนาเทพเซียนมิใช่หรือ”
“เช่นนั้นเจ้าอยากฟังเรื่องของข้าหรือไม่ ถึงอย่างไรข้าก็ยังอยู่กับพวกเจ้าไปอีกหลายสิบปี มีเวลาพอให้ข้าค่อยๆ เล่า”
“ตกลง!”
ชิงหลวนเอ๋อร์สลัดอารมณ์หดหู่ทิ้งไป ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา
หานเจวี๋ยเหม่อมองขอบฟ้า เอ่ยว่า “ข้าถือกำเนิดในโลกมนุษย์ธรรมดาใบหนึ่งด้านล่างแดนเซียน บิดามารดาของข้าเป็นทาสในสวนสมุนไพรนอกสำนักแห่งหนึ่ง ยามที่ข้าเยาว์วัย พวกเขาหนีไปจากสวนสมุนไพร ทิ้งข้าไว้ที่นั่นคนเดียว…”
ชิงหลวนเอ๋อร์ฟังแล้วขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าชาติกำเนิดของหานเจวี๋ยจะน่าเวทนาเช่นนี้
หานเจวี๋ยบอกเล่าชีวิตของตนไปเรื่อยๆ ปกปิดไว้เพียงเรื่องระบบ สำนักซ่อนเร้นรวมถึงนามอริยะสวรรค์เกรียงไกร
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
จวบจนพลบค่ำ
หานชิงเอ๋อร์เข้ามาหยุดด้านหลังทั้งสอง สีหน้าคับข้องหมองใจ
นางออกไปตั้งครึ่งวันแล้ว ท่านพ่อท่านแม่กลับไม่มาตามหานางเลย
หานเจวี๋ยจูงมือน้อยของนาง ก้าวเดินไปพร้อมกับเล่าให้ชิงหลวนเอ๋อร์ฟังต่อ
ชิงหลวนเอ๋อร์เสมือนได้ฟังนิทาน ฟังจนใจลอย แม้แต่บุตรสาวก็ไม่สนใจแล้ว
หลายวันผ่านไป หานเจวี๋ยถึงได้เล่าจบ
ชิงหลวนเอ๋อร์สะท้อนใจอย่างยิ่ง
“ไม่คิดเลยว่าก่อนจะมาพบข้าท่านเผชิญเรื่องราวมากมายขนาดนี้”
ชิงหลวนเอ๋อร์มองหานเจวี๋ย แววตาอ่อนโยนอย่างยิ่ง
บุรุษคนนี้มักจะสงบนิ่งอย่างยิ่ง เผชิญความยากลำบากทุกอย่างตามกาลเวลาเพียงลำพัง ทว่าไม่เคยบ่นว่าเป็นทุกข์ บ่นว่าเหน็ดเหนื่อยเลย
ทันใดนั้นนางรู้สึกละอายใจขึ้นมา
หานเจวี๋ยมีความคิดจะฟื้นคืนชีพให้นาง ให้นางได้ฝึกบำเพ็ญ ทว่านางกลับไม่มีความอดทนเลย
ต้องทราบก่อนว่าในอดีตหานเจวี๋ยไม่มีผู้ใดคอยปกป้อง ไม่เหมือนตัวนางในปัจจุบันนี้ แค่ต้องฝึกบำเพ็ญไปเท่านั้น ไม่ต้องกังวลกับเรื่องใดๆ เลย
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านคุยกันจบแล้วใช่หรือไม่! ชิงเอ๋อร์เบื่อแทบตายแล้ว!”
หานชิงเอ๋อร์เห็นว่าในที่สุดทั้งสองก็เงียบลงแล้ว จึงแสดงอารมณ์ออกมาทันที เอ่ยอย่างไม่พอใจ
หลายวันมานี้ ช่วงเวลาส่วนใหญ่นางล้วนนอนหลับอยู่ตลอด ช่วยไม่ได้ บทสนทนาของท่านพ่อท่านแม่นางฟังไม่เข้าใจเลย และนางก็ไม่สนใจด้วย
หานเจวี๋ยหยิกแก้มนาง เอ่ยยิ้มๆ “ชิงเอ๋อร์ เช่นนั้นพ่อจะพาเจ้าไปพบหลานสาวเป็นอย่างไร”
“หลานสาวหรือ สิ่งใดคือหลานสาว”
“คือบุตรสาวของพี่ชายเจ้าอย่างไรเล่า”
“หวา ข้าอยากไปเจ้าค่ะ! รีบพาข้าไปเถอะ!”
หานชิงเอ๋อร์พลันตื่นเต้นขึ้นมา
ชิงหลวนเอ๋อร์ถามด้วยความแปลกใจ “ทั่วเอ๋อร์มีบุตรสาวหรือ ยังมีชีวิตอยู่ด้วยหรือ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนั้นก็เหมือนข้า ไม่สนใจบุตรสาวเลย หากมิใช่เพราะข้าช่วยเหลือจัดการ หลานสาวเจ้าตายไปนานแล้ว ใช่แล้ว เดิมทีเจ้ามีหลานชายด้วย แต่ตายไปนานมากแล้ว ตายไปหลายล้านปีแล้ว”
ชิงหลวนเอ๋อร์ได้ฟังก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
หานเจวี๋ยก็ไม่พูดไร้สาระอีก พาสองแม่ลูกไปที่ยมโลก
พวกเขามาที่ตำหนักพญายมของหยางเทียนตง
หยางเทียนตงกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ ภายในตำหนักเงียบสงัด ไม่มีเจ้าพนักงานผีเลย
“ท่านพ่อ เขาเป็นใครเจ้าคะ หน้าตาน่ากลัวยิ่ง!”
เสียงของหานชิงเอ๋อร์ทำให้เขารู้สึกตัว หยางเทียนตงลืมตาขึ้น พลันตะลึงงัน สมองขาวโพลน
“อา…อาจารย์…”
………………………………………………………………