ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ - บทที่ 919 พี่น้องพบหน้า เหล่าอริยะตกตะลึง
บทที่ 919 พี่น้องพบหน้า เหล่าอริยะตกตะลึง
ศึกระหว่างปรมาจารย์ฟ้าทลายและเหล่าจื่อไม่ได้ก่อให้เกิดคลื่นลมเลย ถึงอย่างไรอริยะมหามรรคส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจสอดส่องการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ แล้วศึกนี้จะเลื่องลือไปในหมู่สรรพสิ่งได้หรือ
หานเจวี๋ยตั้งใจฝึกบำเพ็ญต่อไป
เวลาผ่านไปหมื่นปีแล้วหมื่นปีเล่า
หนึ่งแสนสองหมื่นปีต่อมา
หานเจวี๋ยยังฝึกบำเพ็ญอยู่
ในอารามเต๋าข้างๆ หานฮวงที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้น
เขาเลิกคิ้ว พึมพำออกมา “ความรู้สึกนี้…การเพรียกหาทางสายเลือด มีญาติที่กำลังจะพิสูจน์มหามรรคหรือ”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหลับตาลง จิตรับรู้ไปปรากฏหน้าประตูแห่งมหามรรค
ท่ามกลางความมืด ณ ที่ตั้งของประตูแห่งมหามรรค สูงตระหง่านยิ่งใหญ่ เวลานี้ มีคนผู้หนึ่งมาคอยอยู่ที่นี่แล้ว
เป็รนักพรตเต๋าเสินเผา
หานฮวงเห็นเขาก็เอ่ยทักทาย ถามไปว่า “ผู้อาวุโส ท่านกำลังรอผู้ใดอยู่หรือขอรับ”
เมื่อนักพรตเต๋าเสินเผาเห็นหานฮวง พลันแย้มยิ้มเอ่ยตอบว่า “จะว่าไปคนผู้นี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าเช่นกัน”
หานฮวงมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา ถามว่า “หรือจะเป็นพี่ใหญ่ของข้า”
นักพรตเต๋ายิ้มพลางพยักหน้าให้
เขาทอดถอนใจอยู่ภายใน
บุตรชายทั้งสองของนายท่านล้วนเลิศล้ำทั้งคู่
หานทั่วเป็นเทพมารฟ้าบุพกาล อีกทั้งเป็นดวงจิตมหามรรค คุณสมบัติและอำนาจล้วนอยู่เหนือกว่าสรรพสิ่ง
หานฮวงยิ่งน่าเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ ถือกำเนิดไม่ถึงห้าแสนปีก็พิสูจน์มหามรรคสำเร็จ เรียกได้ว่าไม่เคยมีปรากฏมาก่อน
“ท่านรู้จักพี่ใหญ่ของข้าหรือ รีบเล่าให้ข้าฟังเถอะ!” หานฮวงถามด้วยความสนใจ
พี่ชายคนโตเปรียบดั่งบิดา สำหรับพี่ใหญ่ที่ไม่เคยพบกันมาก่อนคนนั้น เขาย่อมสนใจแน่นอน
นักพรตเต๋าเสินเผายิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ จากนั้นก็เล่าเรื่องของหานทั่ว
เทพมารฟ้าบุพกาล!
ห้าเทวทัณฑ์!
สอดส่องดูแลฟ้าบุพกาล!
หานฮวงฟังแล้วเลือดลมพลันเดือดพล่านขึ้นมา นึกในใจว่าสมกับที่เป็นพี่น้องของตน เรื่องราวเหล่านั้นของหานทั่วคือเรื่องที่เขาอยากทำ จนใจที่ท่านพ่อของเขาไม่ยอมให้เขาออกไป
ในเวลานี้เอง ประตูมหามรรคสั่นไหวรุนแรง
หานทั่วกำลังจะทะลวงขั้นสำเร็จแล้ว!
หานฮวงขมวดคิ้ว กระซิบว่า “ไม่ได้ฝ่าทะลวงเพียงคนเดียวหรือ”
“ฮ่าๆๆ! น้องชาย พวกเราใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!”
เสียงหัวเราะอันห้าวหาญแว่วเข้ามา เป็นอี๋เทียน
เสียงของหานทั่วแว่วตามขึ้นมา “พวกเราสองคนร่วมมือกัน ไหนเลยจะไม่สำเร็จ อันที่จริงข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าเลย”
“ข้าเคยได้ยินมาว่า มีผู้ทรงพลังมากมายคอยสกัดขวางการทะลวงขั้นของชนรุ่นหลัง แล้วข้าจะไม่ห่วงเจ้าได้อย่างไร”
“ฮ่าๆ คิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ ห่วงตัวเองอยู่กระมัง อันที่จริงไม่จำเป็นต้องกังวลเลย พวกเราเป็นเทวทัณฑ์ ผู้ใดจะกล้ามาขัดขวาง”
“หากมีเล่า”
ประตูมหามรรคเปิดออก หานทั่วและอี๋เทียนเดินตามกันเข้ามา
ขณะที่หานฮวงเตรียมจะเข้าไปหา พลันมีเงาร่างปรากฏขึ้นรอบข้างร่างแล้วร่างเล่า เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ยินดีด้วยที่สองเทวทัณฑ์พิสูจน์มรรคสำเร็จ!”
“สมเป็นอัจฉริยะทรงความสามารถโดยแท้ อายุเจ็ดล้านกว่าปีก็พิสูจน์มหามรรคสำเร็จแล้ว”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว มิเช่นนั้นผู้นำดวงจิตมหามรรคจะแต่งตั้งพวกเขาเป็นเทวทัณฑ์หรือ”
“ยินดีด้วย!”
“ท่านเทวทัณฑ์ทั้งสองต้องติดทำเนียบสิบยอดฟ้าบุพกาลในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลแน่นอน”
อริยะมหามรรคหลายสิบคนพากันเอ่ยแสดงความยินดีกับหานทั่วและอี๋เทียน
ก่อนหน้านี้ห้าเทวทัณฑ์เดินทางไปทั่วฟ้าบุพกาล ดวงจิตมหามรรคที่ปรากฏตัวในฉากหน้าล้วนเคยพบพวกเขาทั้งสิ้น ยามนี้ฟ้าบุพกาลสงบสุข มีเทพมหาทัณฑ์ค่อยควบคุมอยู่เบื้องบน น้ำใจที่สมควรมีย่อมสมควรต้องแสดงออก
หานทั่วจำเป็นต้องเอ่ยทักทายไปตามมารยาท
อี๋เทียนเบะปาก ไม่ได้พูดอะไร
หานฮวงมองพี่ใหญ่ที่เป็นดั่งเดือนกลางหมู่ดาว ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ดวงตาฉายแววอิจฉาเล็กน้อย
เขาก็อยากได้รับความโดดเด่นเช่นนี้บ้าง!
เขาเป็นเสรีแต่กำเนิด คุณสมบัติเลิศล้ำไม่เป็นรองผู้ใด แต่เหตุใดถึงไม่มีใครรับรู้เลย
นักพรตเต๋าเสินเผาจับความรู้สึกของเขาได้ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ฝึกบำเพ็ญให้ดี รอจนเจ้าเข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาล การสำเร็จเป็นดวงจิตมหามรรคย่อมมิใช่เรื่องยากเลย”
หานฮวงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น สองมือกำแน่น
แม้ว่านักพรตเต๋าเสินเผาจะเอ่ยเบาๆ แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นอริยะมหามรรค ล้วนได้ยินกันชัดเจน
ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างมองไปที่หานฮวงและนักพรตเต๋าเสินเผา
สายตาของหานทั่วมองไปที่หานฮวง อดไม่ได้ที่จะตะลึงงันไป
อี๋เทียนเองก็เช่นกัน สายตาเขามองสลับไปมาระหว่างหานทั่วและหานฮวง ตกตะลึงยิ่ง
“มารดาเถอะ! หรือว่าคนผู้นี้คือน้องชายบุญธรรมของข้า”
อี๋เทียนมาปรากฏตรงหน้าหานฮวงทันที เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นยินดี
“น้องชายบุญธรรมหรือ” หานฮวงขมวดคิ้ว
อี๋เทียนยิ้มยิงฟัน “ข้าคือบุตรชายบุญธรรมของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ไหนเลยจะมิใช่พี่ชายบุญธรรมของเจ้า”
บุตรชายอริยะสวรรค์เกรียงไกร!
อริยะมหามรรคทั้งหลายสิบคนมีสีหน้าแตกตื่น
หานทั่วเดินตามเข้ามา มองพินิจหานฮวง เอ่ยถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร”
หานฮวงสบตาเขา เอ่ยตอบ “หานฮวง บุตรชายของสิงหงเสวียน”
หานทั่วยิ้มออกมา ยื่นมือไปตบไหล่หานฮวง เอ่ยชมเชย “สมกับเป็นน้องชายของข้า บุคลิกไม่ธรรมดา เหมือนท่านพ่อมากกว่าข้านัก”
ยามนี้หานฮวงสุขุมต่อไปไม่ไหวแล้ว เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่ ข้าอยากพบท่านมานานแล้ว ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น ชิงเอ๋อร์ก็อยากพบท่านเช่นกัน นางคือน้องสาวร่วมอุทรของท่าน!”
“ฮ่าๆๆ ข้าจะไปเล่าอวดนาง ให้นางเร่งพิสูจน์มหามรรคในเร็ววันเสียที เช่นนี้พวกเราพี่น้องก็สามารถมาพบหน้ากันที่นี่ได้แล้ว!”
หานฮวงไม่เคยตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลย
“ช้าก่อน! เจ้าพิสูจน์มหามรรคตั้งแต่เมื่อไร”
อี๋เทียนพลันร้องถามขึ้นมา เขาเพิ่งจะสังเกตเห็น
เด็กคนนี้เพิ่งถือกำเนิดแค่ไม่กี่แสนปีไม่ใช่หรือ
หานฮวงตอบว่า “สักระยะหนึ่งแล้ว”
หานทั่วเองก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยยิ้มๆ “เด็กคนนี้เป็นระดับเสรีแต่กำเนิด อายุไม่ถึงห้าแสนปีก็พิสูจน์มหามรรคสำเร็จแล้ว”
ฮ่า…
อริยะมหามรรคที่อยู่รอบข้างล้วนฮือฮาขึ้นมา ไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
อายุไม่ถึงห้าแสนปีก็พิสูจน์มหามรรคแล้วหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร!
ผานกู่และบรรพชนเต๋าในกาลก่อนยังไม่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้เลย!
ยามนี้มีอริยะมหามรรคไม่น้อยเกิดความคิดไม่ซื่อขึ้นมาแล้ว แต่พอนึกถึงว่าเด็กคนนี้คือบุตรชายของอริยะสวรรค์เกรียงไกร พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดไป
อริยะสวรรค์เกรียงไกรคือยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาล ทำลายล้างผู้ทรงพลังน่าพรั่นพรึงอย่างขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้ในกระบี่เดียว!
เป็นตัวตนที่ก้าวข้ามเทพยักษาผานกู่ไปแล้ว!
หานทั่วมองเห็นรอบข้างมีคนอยู่ จึงขมวดคิ้วนิดๆ
อี๋เทียนเอ่ยคร่ำครวญ “ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะถูกชนรุ่นหลังแซงหน้าไปแล้ว เฮ้อ น้องชาย ไม่สู้พวกเราไปติดตามฝึกบำเพ็ญกับท่านพ่อของเจ้าเถอะ!”
หานทั่วเงียบไป
เขาจำเป็นต้องยอมรับในจุดนี้ ติดตามท่านพ่ออาจจะสบายกว่าและแข็งแกร่งขึ้นเร็วกว่า
เพียงแต่เขาไม่อยากอยู่ใต้การปกป้องของท่านพ่อไปตลอด
เขามองไปที่หานฮวง เอ่ยว่า “ต่อไปเจ้าต้องรักษาทัศนคติในการฝึกบำเพ็ญเอาไว้ดังเดิม อย่าได้เกียจคร้านหย่อนยาน อย่าปล่อยให้พี่ใหญ่อย่างข้าไล่ตามเจ้าทัน”
วาจานี้เอ่ยอย่างจริงจังและจริงใจ
หานฮวงตื้นตันอยู่ในใจ แต่ปากกล่าวไปว่า “แน่นอนอยู่แล้ว รอจนข้าออกสู่โลกกว้าง ต้องไร้พ่ายแล้วแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นพี่ใหญ่ไม่ชอบใจใคร บอกข้ามาได้เลย ข้าจะสังหารเขาให้เอง!”
ประโยคสุดท้ายที่เขากล่าวออกมา เปี่ยมด้วยเจตนาสังหาร หานทั่วและนักพรตเต๋าเสินเผาฟังแล้วตะลึงงัน
ไอสังหารของเด็กคนนี้มหาศาลนัก!
อี๋เทียนหัวเราะแล้วคล้องคอหานฮวง เอ่ยยิ้มๆ “เด็กน้อยเจ้าถูกจริตกับข้านัก หากพี่ชายบุญธรรมไม่สบอารมณ์ผู้ใด เจ้าจะช่วยสังหารให้ข้าหรือไม่”
“ไม่มีปัญหา รอให้ข้าไร้พ่ายก่อนเถอะ!”
“แล้วเจ้าจะไร้พ่ายตอนไหน”
“ไม่รู้ แต่ต้องทำได้แน่!”
“มารดาเถอะ ที่แท้เจ้ามันจอมขี้โม้!”
………………………………………………………………