ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1686 : กรรม
จางหยูคิ้วขมวด “ ไม่มีใครใช้ผลโกลาหลเลยรึ ?”
หยวนฉิงพยักหน้า “ ใช่ ”
“ ศิษย์พวกนี้นี่…” จางหยูไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงออกมาดี “ พวกนั้นกล้าดียังไง ! พวกนั้นไม่รู้เลยรึไงว่ามันยากแค่ไหน! กว่าจะได้ผลโกลาหลมา ”
จางหยูอยากจะเรียกเย่ฟานและคนอื่นๆมาสั่งสอน
เขาพยายามอย่างหนักในการหาผลโกลาหลเพื่อที่พวกนี้จะได้สร้างโลกขั้น 9 ได้อย่างราบรื่นและมีโอกาสที่จะสำเร็จสูง แต่ไม่คิดเลยว่าพวกนี้จะสร้างโลกขึ้นมาด้วยตัวเอง พวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนเบเกิลที่เป็นอัจฉริยะรึไง ?
“ตอนนี้…พวกเขาเป็นยังไงบ้าง ? ” แม้ว่าจะไม่พอใจ แต่ถึงยังไงเย่ฟานและพวกนี้ก็เป็นศิษย์ของเขา เขาจะไม่ห่วงได้ยังไง ?
หยวนฉิงพูดขึ้นมา “ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาสามารถรับมือกับจิตปฐมบทโกลาหลได้ เพียงแค่ว่า…” เขาลังเลไปชั่วครู่และพูดขึ้นมา “ เจ้าก็น่าจะรู้ยิ่งปล่อยไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งรับมือได้ยากเท่านั้น…”
หยวนฉิงรู้เรื่องนี้ดี
“ หากเป็นเช่นนั้นก็ให้พวกเขาเผชิญหน้ากับความจริง ” จางหยูพูดขึ้น “ นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าจะหาทางจัดการกับจิตปฐมบทโกลาหลของพวกเขาในภายหลัง ”
จางหยูมั่นใจอย่างมากว่าในไม่ช้าเขาจะขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 ได้ มันคงใช้เวลาไม่นานนัก
กระบวนการในการเกิดใหม่นั้นกินเวลานาน แม้ว่าจะล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะทุกคนมีโอกาส 9 ครั้ง จนกว่าจะล้มเหลว 9 ครั้งถึงจะถือว่าล้มเหลวอย่างสมบูรณ์
เวลาที่ยาวนานแบบนี้ จางหยูก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่กังวลในเรื่องนี้
“ ให้พวกเขาเจ็บตัวไปก่อน มันถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา ” จางหยูไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
จางหยูส่ายหน้าและมองไปที่หยวนฉิง “ อาจารย์ แล้วท่านล่ะ ? ภัยจากจิตปฐมบทโกลาหลเป็นยังไงบ้าง ?”
หยวนฉิงพูดขึ้นมา “ มีสหายหลายคนที่ให้ความช่วยเหลือ จิตปฐมบทโกลาหลจึงโดนสยบเอาไว้และไม่ได้สร้างปัญหาอะไร แต่เป็นชูร่าพวกนั้นต่างหาก..”
“ เกิดอะไรขึ้นกับชูร่าพวกนั้น ? ” จางหยูถามขึ้นมา “ พวกมันได้บ่มเพาะตัวเองเป็นบาปแห่งความว่างเปล่างั้นรึ ? หรือท่านหมายถึงเสี่ยวเสีย ? เกิดอะไรขึ้นกับมัน ?”
ตาของหยวนฉิงกระตุก “ ตอนที่เจ้าไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครควบคุมมันได้ เผ่าชูร่าโดนเสี่ยวเสียกำจัดไปแทบหมด ” หยวนฉิงไม่ได้กังวลเรื่องการตายของพวกชูร่า แต่เสี่ยวเสียน่ะหลังจากที่กำจัดชูร่าทั้งหมดได้มันก็ดูเหมือนจะใจ ทำให้หยวนฉิงปวดหัวอย่างมาก
ยังไงซะโลกนั้นก็พังไปแล้ว มีแค่เขตนรกที่ยังคงมีดินแดนอยู่ แต่ถ้านรกพังไปอีกครั้ง งั้นโลกของเขาก็คงพังไปจริงๆ
นั่นถือว่าเป็นตัวตนของโลกสวรรค์ !
จางหยูสีหน้าหม่นลงและได้ตะโกนเรียกเสี่ยวเสีย “ ออกมาหาข้า ! ”
เมื่อพูดจบ ผ่านไปไม่กี่อึดใจร่างของเสี่ยวเสียก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจางหยู แต่นอกจากจางหยูแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่มองเห็นเสี่ยวเสีย แม้แต่เกลดันที่เป็นผู้ควบคุมขั้น 8 ก็ไม่อาจจะมองเห็นรึรับรู้ถึงตัวตนของเสี่ยวเสียได้
“ เจ้ากล้าดีนักนะ ! ” จางหยูตบหน้าเสี่ยวเสีย “ ข้าออกไปแค่ไม่กี่ร้อยปีแต่เจ้ากลับสร้างปัญหาแบบนี้ ! ” เป้าหมายเดิมของเขาคือเก็บชูร่าเอาไว้เพื่อใช้ในการพัฒนาสำนักคังเฉียง แต่เสี่ยวเสียกลับเลือกที่จะกำจัดพวกนั้น
แม้ว่าจะโดนตบแต่เสี่ยวเสียก็ไม่ได้เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย นอกซะจากว่าจางหยูจะใช้การโจมตีทางจิตกับมัน ไม่งั้นแล้วการโจมตีอื่นๆก็ไม่ต่างอะไรจากการสะกิดมันเลย
แม้ว่าจะไม่ได้เจ็บปวดแต่เสี่ยวเสียก็ยังร้องขอความเมตตา “ เย่ฟานและคนอื่นๆยุยงข้า นายท่านไว้ชีวิตข้าด้วย ! ”
เขาไม่ลังเลที่จะโยนความผิดให้กับเย่ฟานและคนอื่นๆ
จริงๆแล้วจางหยูน่ะไม่ได้โกรธอะไร ไม่งั้นแล้วเขาคงใช้การโจมตีทางจิตเพื่อลงโทษเสี่ยวเสียไปแล้ว
“ บอกมา ความแข็งแกร่งของเจ้าพัฒนาไปมากแค่ไหน ? ” จางหยูถามขึ้นมา
เสี่ยวเสียรีบตอบกลับทันที “ ข้าได้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุดของกุยหยวนแล้ว อีกนิดเดียวข้าก็จะขึ้นเป็นผู้สร้าง ข้าเดาว่าคงอีกไม่กี่วัน ” เพราะร่างพิเศษที่ต่างจากผู้บ่มเพาะทั่วไปจึงทำให้ความแข็งแกร่งที่เขามีแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะในขอบเขตเดียวกัน เมื่อมันขึ้นเป็นผู้สร้างแล้ว มันจะพัฒนาตัวตนเป็นร่างที่เหมือนกับจิตวิญญาณ
ตั้งแต่ที่เกิดขึ้นมาเป็นปิศาจ ชะตาของมันก็ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
“ หากเจ้าพัฒนาเป็นจิตวิญญาณได้…” จางหยูเกิดความคิดแปลกๆขึ้นมาในหัว “ เจ้าสามารถสร้างโลกขั้นที่ 9 ขึ้นมาเหมือนกับคนอื่นๆได้รึไม่ ?”
จิตวิญญาณที่สร้างโลกขั้น 9 ขึ้นมาได้ โลกนั้นจะมีจิตปฐมบทโกลาหล หากจิตปฐมบทโกลาหลโดนกลืนกินไปล่ะ ?
ภาพนี้คงเป็นภาพที่แปลกประหลาด
“ ข้าจะให้เวลาเจ้า 3 วัน “ จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย “หากเจ้าไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ใน 3 วัน ข้าจะให้เจ้าไปดูแลทางเข้าโลกป่าต่อ !” เขาจะให้เสี่ยวเสียไปดูแลมิติมืดของโลกป่าแต่หลังจากที่พบว่าโลกป่าไม่มีจิตปฐมบทโกลาหล เขาก็ไม่คิดบังคับให้เสี่ยวเสียอยู่ที่นั่น เขาให้ราชาปิศาจและเหล่าปิศาจทั้งห้าดูแลที่นั่นแทน บางทีมิติมืดของโลกป่าอาจจะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับปิศาจเหล่านั้นมากกว่า
เสี่ยวเสียได้ยินแบบนั้นก็รีบตอบกลับ “ ไม่ นายท่าน…”
จางหยูไม่สนใจว่าเสี่ยวเสียจะพูดอะไรและได้พูดขึ้น “ เจ้ายังไม่รีบไปบ่มเพาะอีกรึ เจ้ามีเวลาแค่ 3 วันเท่านั้น!”
เสี่ยวเสียสะดุ้งทันที หากเสี่ยวเสียทะลวงผ่านได้จริงๆ โลกป่าก็คงเล็กเกินไปสำหรับมัน โลกตันเถียนก็อาจจะวุ่นวายเพราะมันได้ ดังนั้นจางหยูจึงตั้งใจจะให้เสี่ยวเสียออกจากที่นี่ไป บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ในภายหลัง แน่นอนว่านั่นคือหาก เสี่ยวเสียขึ้นเป็นผู้สร้างได้จริงๆแต่หากไม่อาจจะทะลวงผ่านได้ งั้นเขาคงขังมันไว้ในมิติมืดของโลกป่า จางหยูตบเสี่ยวเสียเบาๆก่อนจะหันไปหาหยวนฉิงและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ อาจารย์ เทพผานกู่ หงจวิน พวกท่านแยกย้ายไปจัดการธุระของตัวเองเถอะ”
หยวนฉิงและคนอื่นๆพยักหน้าตอบรับก่อนที่หยวนฉิงจะพูดขึ้น “ หากมีธุระอะไรก็เรียกข้าได้เลย”
เมื่อหยวนฉิงและคนอื่นๆเดินทางออกไปแล้ว จางหยูและเกลดันก็ได้กลับไปที่บ้านพัก
เมื่อเปิดประตูเข้าสู่บ้านพัก จางหยูก็มองไปที่สวนด้านหลังก่อนจะพบจางเฮ่าหลันและเนี่ยเวิ่นกำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ ทั้งสองจริงจังกันอย่างมากก่อนที่สุดท้ายจางเฮ่าหลันจะเดินหมากเอาชนะไปได้
จางเฮ่าหลันหัวเราะออกมา “ เนี่ยเวิ่น ทักษะหมากรุกของเจ้าน่ะต้องพัฒนาให้มากกว่านี้ !”
เนี่ยเวิ่นพูดขึ้นมา “ ท่านปู่ ท่านปั่นหัวข้าอีกแล้ว ท่านเหนือกว่าข้าก็ปกติแล้วไม่ใช่รึ ? เชื่อรึไม่ว่าหากข้าได้เล่นนานกว่านี้ ข้าอาจจะเหนือกว่าท่านก็ได้ !”
“ งั้นรึ ?” จางเฮ่าหลันยักคิ้ว “ ข้าจำได้ว่าอ้าวเสี่ยวหร่านก็ไม่ค่อยเล่นหมากรุกนัก เจ้าเล่นไม่น้อยไปกว่านางเลยแต่ทำไมเจ้ายังแพ้นางอีก ? ”
เนี่ยเวิ่นหน้าแดงและรีบพูดขึ้น “ ข้าอ่อนข้อให้นาง ! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่มีทางเอาชนะท่านได้ ! ”
ทั้งสองพูดคุยอย่างเป็นกันเองแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จางหยูสนใจนัก สิ่งที่เขาสนใจคือเนี่ยเวิ่นเรียกจางเฮ่าหลันว่าปู่ !
เมื่อดูจากท่าทีที่เนี่ยเวิ่นแสดงออกมา เขากลัวว่าเนี่ยเวิ่นอาจจะคิดว่าจางเฮ่าหลันเป็นปู่จริงๆ !
จางหยูสีหน้าหม่นลงก่อนจะมองไปที่เนี่ยเวิ่นแล้วถามขึ้นมา “ ใครให้เจ้ามาที่นี่กัน ? ”
เมื่อได้ยินเสียงของจางหยู จางเฮ่าหลันและเนี่ยเวิ่นก็เงยหน้าขึ้นมา จางเฮ่าหลันยิ้มออกมา “ หยูเอ๋อร์ วันนี้เจ้าว่างรึไม่ ? อย่าว่าเขาเลย ข้าขอให้เขามาเล่นหมากรุกกับข้าเอง…”
เนี่ยเวิ่นรีบลุกขึ้นและทำความเคารพ “ พ่อบุญธรรม ”
จางหยูรีบโบกมือ “ อย่าพูดเช่นนั้น ! ข้าไม่มีลูกบุญธรรม !” เขารู้สึกท้อแท้ใจอย่างมาก เขาออกจากบ้านไปแค่ 300 ปี แต่อยู่ๆกลับมีลูกบุญธรรมโผล่ขึ้นมา ใครกันจะทนไหว “ ท่านพ่อ เด็กนี่พูดไร้สาระ ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดของเขา ! ”
“ เนี่ยเวิ่นน่ะเป็นเด็กดี ” จางเฮ่าหลันยิ้มและพูดขึ้นมา “ เขาน่ะเหมาะที่จะเป็นศิษย์ของข้า ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับว่าเขาเป็นลูกบุญธรรมรึไม่แต่เขาก็ถือว่าเป็นหลานของข้า ข้ายอมรับในตัวเขา เขาได้ให้ของมากมายกับสำนัก ศิษย์และอาจารย์ต่างก็ชื่นชอบในตัวเขา ข้ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ ? ”
เมื่อพ่อพูดแบบนั้นจางหยูจะปฏิเสธอะไรได้อีก เขาได้แต่ยิ้มออกมา นี่คือโชคชะตางั้นรึ ?
ไม่! นี่น่ะถือว่าเป็นกรรมของเขาต่างหาก !