ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1840 : สมบัติโกลาหล
แม้กวนจะไม่ได้บอกต้นไม้โกลาหลว่าจะสร้างสมบัติขึ้นมายังไงและบอกแค่ว่าต้องพึ่งโกลาหลในการหล่อเลี้ยง แต่จางหยูก็ยังวิเคราะห์ขั้นตอนได้
ขั้นตอนในการสร้างสมบัติขึ้นมานั้นไม่ได้มีอะไรมาก ก่อนอื่นก็ต้องสร้างแก่นของมันก่อนและพึ่งพลังโกลาหลในการสร้างตัวสมบัติขึ้นมา
สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แก่นของมันแต่เป็นพลังโกลาหล !
ตราบใดที่ทนการกัดกร่อนได้ มันก็สามารถกลายเป็นสมบัติโกลาหลขึ้นมาแต่มันต้องใช้เวลานาน
ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีพลังที่น่าทึ่งเท่านั้น
แน่นอนตามที่กวนบอกมา ระดับของสมบัติน่าจะเกี่ยวข้องกับโกลาหลด้วย จ้าวโกลาหลที่อ่อนแอก็ยากที่จะสร้างสมบัติโกลาหลขั้นกลางขึ้นมาได้ นี่ไม่ต้องนับขั้นสูงเลย
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จางหยูก็ได้สร้างโลกขั้นที่ 9 จำลองในบรรพกาลของโลกผนึกเทพขึ้นมา จากนั้นก็บีบอัดมันให้มีขนาดเท่ากับหัวคน
สิ่งที่แน่นอนตอนนี้คือโลกขั้นที่ 9 นี้ทนต่อการกัดกร่อนของพลังโกลาหลได้ มันถึงกับขยายตัวออกได้ ดังนั้นโลกจำลองนี้จึงถือว่าเป็นแก่นสมบัติ มันน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หลังจากที่สร้างโลกจำลองขึ้นมาแล้ว จางหยูก็ได้ปรับรูปร่างให้มันเป็นดาบ มันแผ่พลังอันลึกลับออกมา
ไม่นานดาบนั้นก็ก่อตัวขึ้นและแผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา
เมื่อตรวจสอบพลังของดาบ จางหยูก็ต้องส่ายหน้า “ หากมอบให้ราชา ขอบเขตการสร้างไร้จำกัดหรือกึ่งจ้าวโกลาหล สิ่งนี้ก็นับว่าแข็งแกร่ง แต่สำหรับจ้าวโกลาหลแล้วมันยังห่างไกล”
พลังของดาบนั้นไม่เพียงพอสำหรับจ้าวโกลาหล
จางหยูไม่สงสัยเลยว่าหากเขาถอนหายใจออกมาก็ทำให้ดาบนี้พังได้แล้ว
ต่อมา จางหยูก็ปรากฏตัวที่บรรพกาลของโลกบรรพกาล เขาวางดาบไว้ข้างๆต้นไม้บรรพกาลและพยายามอัดแน่นพลังบรรพกาลเข้าไป
ผ่านไปครึ่งวัน จางหยูก็ทำการตรวจสอบดาบดูอีกครั้ง เขาตัดสินได้ว่าพลังของดาบนั้นเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แทบจะมองข้ามได้ หากต้องการให้ดาบเล่มนี้ทนรับพลังของจ้าวโกลาหลได้แล้วคงต้องใช้เวลานานหลายพันยุครึอาจจะนานกว่านั้น
“ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าแล้ว มันไม่น่ายากที่จะสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาไม่ใช่รึ ?” จางหยูคิ้วขมวด
หากเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลทำการสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมา จางหยูก็อาจจะพอเข้าใจได้ แต่เขากับกึ่งจ้าวโกลาหลทั่วไปนั้นไม่เหมือนกัน
“ ปัญหามันอยู่ตรงไหน?” จางหยูครุ่นคิด
เมื่อลองใคร่ครวญดูอีกครั้งก็พบว่าบางทีปัญหาอาจจะอยู่ที่บรรพกาล
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป แต่อันที่จริงแล้วสถานการณ์ของเขาค่อนข้างพิเศษ เขาไม่มีโกลาหลเป็นของตัวเอง แม้ว่าเขาจะมีอำนาจสูงสุดเหนือจ้าวบรรพกาลทุกคน แต่บรรพกาลเหล่านั้นยังไม่เติบโตเพียงพอที่จะทัดเทียมกับโกลาหลได้
บรรพกาลของโลกตันเถียนทุกแห่งยังไม่เติบโตเต็มที่
พลังบรรพกาลที่เขารวบรวมมาก็มาจากบรรพกาล ดังนั้นสิ่งที่หล่อเลี้ยงสมบัติโกลาหลก็คือบรรพกาล
ด้วยเหตุนี้ประสิทธิภาพในการสร้างสมบัติขึ้นมานั้นอาจจะทัดเทียมกับกึ่งจ้าวโกลาหล
เพื่อยืนยันความคิดของตัวเอง จางหยูก็ได้ไปหาซุนเหยียนและให้ซุนเหยียนสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมา
ผลลัพธ์นั้นไม่ผิดจากที่จางหยูคาดเอาไว้ ซุนเหยียนได้สร้างสมบัติที่เหมือนกันกับเขาขึ้นมา
จางหยูได้กลับไปที่โลกผนึกเทพและสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาใหม่ คราวนี้เขาให้เสี่ยวเสียสร้างสมบัติด้วย ผลก็คือประสิทธิภาพของสมบัติที่เขากับเสี่ยวเสียสร้างขึ้นมาในโลกผนึกเทพนั้นเหมือนกัน
มันไม่ได้ต่างอะไรกันเลย ประสิทธิภาพของสมบัตินี้ด้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สมบัติโกลาหลที่มีพลังที่สุดคือสมบัติที่สร้างในโลกบรรพกาล
แม้ว่าจางหยูจะลงมือเองแต่สมบัติที่ได้มานั้นก็เหนือกว่าจ้าวบรรพกาลคนอื่นแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ จะทำให้มันมีพลังมากกว่านี้ได้ยังไง ?” จางหยูไม่พบเบาะแสใดๆ “ แม้ว่าโลกตันเถียนจะให้กำเนิดบรรพกาลมากมายแต่ก็ไม่มีที่ไหนที่คล้ายกับทะเลโกลาหล นอกจากบรรพกาลแล้ว ยังมีที่อื่นที่สามารถสร้างสมบัติขึ้นมารึไม่ ”
สรุปแล้วก็คือจางหยูไม่ใช่จ้าวโกลาหลที่แท้จริง เขาไม่มีโกลาหลเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่สลดแบบนี้ เวลาผ่านไปช้าๆ จำนวนโลกด้านในก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนบรรพกาลก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่เขาก็ยังหาคำตอบของปัญหาไม่พบ
ศิษย์และอาจารย์ต่างก็พากันเริ่มสร้างสมบัติขึ้นมา แม้แต่ร่างแยกเองก็เริ่มสร้างสมบัติขึ้นมาเช่นกัน ในทางกลับกันแล้วเขายังหาวิธีที่จะสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาไม่ได้
แม้ว่าร่างแยกจะเหมือนกับตัวเขาแต่ทั้งสองก็ยังเป็นคนละคนกันอยู่ดี
มันจริงรึว่าเขาไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้ ?
จากความแข็งแกร่งที่เขามีแล้วหากต้องการจะสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมา พูดโดยทั่วไปแล้วมันน่าจะง่ายอย่างมาก อย่างน้อยก็ง่ายกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป จางหยูคิดว่ามันเพราะเขาไม่มีโกลาหลของตัวเอง เพราะแบบนั้นเขาถึงสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาไม่ได้แต่เขาไม่คิดจะยอมรับ
จนกระทั่งวันหนึ่งจางหยูก็เห็นคนในโกลาหลหินเข้ามาในโลกตันเถียน ตอนนั้นเขากลับได้ความคิดบางอย่างขึ้นมา
เขาวางดาบไว้ในโลกตันเถียนและอัดแน่พลังเข้าไปในดาบ
ตอนที่ดาบถูกวางไว้ในตันเถียน เขาก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของดาบได้ มันมีพลังสีดำจำนวนมากเพิ่มพลังให้กับมัน ดาบนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง ความเข้มข้นของพลังเห็นได้ด้วยตาเปล่า แค่วันเดียวก็รับรู้ได้ถึงพลังอันสูงส่ง
แค่วันเดียวพลังของดาบก็เหนือกว่าอาวุธใดๆที่จางหยูเคยมีมา คลื่นพลังของมันถึงกับใกล้เคียงกับต้นไม้โกลาหล คลื่นพลังของจ้าวโกลาหล !
พลังของมันเรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างมาก !
แม้แต่ตัวจางหยูเองก็ยังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงของดาบ เขาถึงกับสงสัยว่าเขาตาฝาดไปเอง
ที่ด้านนอกโลกป่า จางหยูได้เอาดาบออกมา ตอนที่ดาบปรากฏตัวออกมานั้นมันกลับระเบิดแสงสว่างจ้าออกมา พลังอันน่ากลัวแผ่ออกไปทั่ว แม้แต่ต้นไม้โกลาหลก็ยังรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังนี้และรีบมาหาต้นตอของพลังทันที
“ พ่อบุญธรรม ” ต้นไม้โกลาหลเห็นจางหยู ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองไปที่ดาบในมือจางหยู ด้วยสายตาหวาดกลัว “ ดาบนี่คืออะไรกัน ?”
เขารู้สึกถึงอันตรายจากดาบนี่
จางหยูตะลึงกับพลังของดาบ เมื่อได้ยินที่ต้นไม้โกลาหลพูดมา เขาก็มองไปที่ดาบแล้วพูดขึ้น “ นี่อาจจะเป็นสมบัติโกลาหลที่กวนพูดถึง…” น้ำเสียงของเขาดูไม่มั่นใจ เพราะเขาก็ไม่เชื่อว่าแค่วันเดียวโลกตันเถียนจะให้กำเนิดดาบแบบนี้ขึ้นมาได้ ถ้ามันเป็นสมบัติขั้นต้น งั้นสมบัติโกลาหลก็ต้องน่าทึ่งอย่างมาก
“ นี่คือสมบัติโกลาหลรึ ?” ต้นไม้โกลาหลมองไปที่ดาบ “ พลังมันแข็งแกร่งจริงๆ !”
จางหยูไม่อาจจะบอกได้ว่าแค่วันเดียวก็สร้างดาบที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมาได้ หากเป็นคนอื่นจะสร้างดาบแบบนี้ต้องใช้เวลาสักปี, สิบปี, ร้อยปีหรือนานกว่านั้น ?
มันยากที่จะคิดได้ว่าดาบนี้จะน่ากลัวขนาดไหน
ในเวลาเดียวกันจางหยูก็ตื่นเต้นขึ้นมา สุดท้ายเขาก็หาทางสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาได้ พลังของมันนั้นน่ากลัวอย่างมาก
“ ดูเหมือนว่าการสร้างสมบัติขึ้นมาด้วยพลังบรรพกาลจากบรรพกาลทั้งหมดเกือบล้านใบจะเป็นทางที่ถูก” จางหยู คิด เขาเข้าใจแล้ว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงของดาบถึงได้น่าทึ่งแบบนี้ “ดูเหมือนว่าข้าจะโลกใบเดียวในการสร้างดาบนี้แต่ความจริงแล้วเป็นโลกทั้งหมดในโลกตันเถียนต่างหาก”
ขั้นตอนในการสร้างสมบัติขึ้นมานั้นไม่ได้มีอะไรมาก ก่อนอื่นก็ต้องสร้างแก่นของมันก่อนและพึ่งพลังโกลาหลในการสร้างตัวสมบัติขึ้นมา
สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แก่นของมันแต่เป็นพลังโกลาหล !
ตราบใดที่ทนการกัดกร่อนได้ มันก็สามารถกลายเป็นสมบัติโกลาหลขึ้นมาแต่มันต้องใช้เวลานาน
ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีพลังที่น่าทึ่งเท่านั้น
แน่นอนตามที่กวนบอกมา ระดับของสมบัติน่าจะเกี่ยวข้องกับโกลาหลด้วย จ้าวโกลาหลที่อ่อนแอก็ยากที่จะสร้างสมบัติโกลาหลขั้นกลางขึ้นมาได้ นี่ไม่ต้องนับขั้นสูงเลย
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จางหยูก็ได้สร้างโลกขั้นที่ 9 จำลองในบรรพกาลของโลกผนึกเทพขึ้นมา จากนั้นก็บีบอัดมันให้มีขนาดเท่ากับหัวคน
สิ่งที่แน่นอนตอนนี้คือโลกขั้นที่ 9 นี้ทนต่อการกัดกร่อนของพลังโกลาหลได้ มันถึงกับขยายตัวออกได้ ดังนั้นโลกจำลองนี้จึงถือว่าเป็นแก่นสมบัติ มันน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หลังจากที่สร้างโลกจำลองขึ้นมาแล้ว จางหยูก็ได้ปรับรูปร่างให้มันเป็นดาบ มันแผ่พลังอันลึกลับออกมา
ไม่นานดาบนั้นก็ก่อตัวขึ้นและแผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมา
เมื่อตรวจสอบพลังของดาบ จางหยูก็ต้องส่ายหน้า “ หากมอบให้ราชา ขอบเขตการสร้างไร้จำกัดหรือกึ่งจ้าวโกลาหล สิ่งนี้ก็นับว่าแข็งแกร่ง แต่สำหรับจ้าวโกลาหลแล้วมันยังห่างไกล”
พลังของดาบนั้นไม่เพียงพอสำหรับจ้าวโกลาหล
จางหยูไม่สงสัยเลยว่าหากเขาถอนหายใจออกมาก็ทำให้ดาบนี้พังได้แล้ว
ต่อมา จางหยูก็ปรากฏตัวที่บรรพกาลของโลกบรรพกาล เขาวางดาบไว้ข้างๆต้นไม้บรรพกาลและพยายามอัดแน่นพลังบรรพกาลเข้าไป
ผ่านไปครึ่งวัน จางหยูก็ทำการตรวจสอบดาบดูอีกครั้ง เขาตัดสินได้ว่าพลังของดาบนั้นเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แทบจะมองข้ามได้ หากต้องการให้ดาบเล่มนี้ทนรับพลังของจ้าวโกลาหลได้แล้วคงต้องใช้เวลานานหลายพันยุครึอาจจะนานกว่านั้น
“ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าแล้ว มันไม่น่ายากที่จะสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาไม่ใช่รึ ?” จางหยูคิ้วขมวด
หากเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลทำการสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมา จางหยูก็อาจจะพอเข้าใจได้ แต่เขากับกึ่งจ้าวโกลาหลทั่วไปนั้นไม่เหมือนกัน
“ ปัญหามันอยู่ตรงไหน?” จางหยูครุ่นคิด
เมื่อลองใคร่ครวญดูอีกครั้งก็พบว่าบางทีปัญหาอาจจะอยู่ที่บรรพกาล
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป แต่อันที่จริงแล้วสถานการณ์ของเขาค่อนข้างพิเศษ เขาไม่มีโกลาหลเป็นของตัวเอง แม้ว่าเขาจะมีอำนาจสูงสุดเหนือจ้าวบรรพกาลทุกคน แต่บรรพกาลเหล่านั้นยังไม่เติบโตเพียงพอที่จะทัดเทียมกับโกลาหลได้
บรรพกาลของโลกตันเถียนทุกแห่งยังไม่เติบโตเต็มที่
พลังบรรพกาลที่เขารวบรวมมาก็มาจากบรรพกาล ดังนั้นสิ่งที่หล่อเลี้ยงสมบัติโกลาหลก็คือบรรพกาล
ด้วยเหตุนี้ประสิทธิภาพในการสร้างสมบัติขึ้นมานั้นอาจจะทัดเทียมกับกึ่งจ้าวโกลาหล
เพื่อยืนยันความคิดของตัวเอง จางหยูก็ได้ไปหาซุนเหยียนและให้ซุนเหยียนสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมา
ผลลัพธ์นั้นไม่ผิดจากที่จางหยูคาดเอาไว้ ซุนเหยียนได้สร้างสมบัติที่เหมือนกันกับเขาขึ้นมา
จางหยูได้กลับไปที่โลกผนึกเทพและสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาใหม่ คราวนี้เขาให้เสี่ยวเสียสร้างสมบัติด้วย ผลก็คือประสิทธิภาพของสมบัติที่เขากับเสี่ยวเสียสร้างขึ้นมาในโลกผนึกเทพนั้นเหมือนกัน
มันไม่ได้ต่างอะไรกันเลย ประสิทธิภาพของสมบัตินี้ด้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สมบัติโกลาหลที่มีพลังที่สุดคือสมบัติที่สร้างในโลกบรรพกาล
แม้ว่าจางหยูจะลงมือเองแต่สมบัติที่ได้มานั้นก็เหนือกว่าจ้าวบรรพกาลคนอื่นแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ จะทำให้มันมีพลังมากกว่านี้ได้ยังไง ?” จางหยูไม่พบเบาะแสใดๆ “ แม้ว่าโลกตันเถียนจะให้กำเนิดบรรพกาลมากมายแต่ก็ไม่มีที่ไหนที่คล้ายกับทะเลโกลาหล นอกจากบรรพกาลแล้ว ยังมีที่อื่นที่สามารถสร้างสมบัติขึ้นมารึไม่ ”
สรุปแล้วก็คือจางหยูไม่ใช่จ้าวโกลาหลที่แท้จริง เขาไม่มีโกลาหลเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่สลดแบบนี้ เวลาผ่านไปช้าๆ จำนวนโลกด้านในก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนบรรพกาลก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่เขาก็ยังหาคำตอบของปัญหาไม่พบ
ศิษย์และอาจารย์ต่างก็พากันเริ่มสร้างสมบัติขึ้นมา แม้แต่ร่างแยกเองก็เริ่มสร้างสมบัติขึ้นมาเช่นกัน ในทางกลับกันแล้วเขายังหาวิธีที่จะสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาไม่ได้
แม้ว่าร่างแยกจะเหมือนกับตัวเขาแต่ทั้งสองก็ยังเป็นคนละคนกันอยู่ดี
มันจริงรึว่าเขาไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้ ?
จากความแข็งแกร่งที่เขามีแล้วหากต้องการจะสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมา พูดโดยทั่วไปแล้วมันน่าจะง่ายอย่างมาก อย่างน้อยก็ง่ายกว่าจ้าวโกลาหลทั่วไป จางหยูคิดว่ามันเพราะเขาไม่มีโกลาหลของตัวเอง เพราะแบบนั้นเขาถึงสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาไม่ได้แต่เขาไม่คิดจะยอมรับ
จนกระทั่งวันหนึ่งจางหยูก็เห็นคนในโกลาหลหินเข้ามาในโลกตันเถียน ตอนนั้นเขากลับได้ความคิดบางอย่างขึ้นมา
เขาวางดาบไว้ในโลกตันเถียนและอัดแน่พลังเข้าไปในดาบ
ตอนที่ดาบถูกวางไว้ในตันเถียน เขาก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของดาบได้ มันมีพลังสีดำจำนวนมากเพิ่มพลังให้กับมัน ดาบนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง ความเข้มข้นของพลังเห็นได้ด้วยตาเปล่า แค่วันเดียวก็รับรู้ได้ถึงพลังอันสูงส่ง
แค่วันเดียวพลังของดาบก็เหนือกว่าอาวุธใดๆที่จางหยูเคยมีมา คลื่นพลังของมันถึงกับใกล้เคียงกับต้นไม้โกลาหล คลื่นพลังของจ้าวโกลาหล !
พลังของมันเรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างมาก !
แม้แต่ตัวจางหยูเองก็ยังตกใจกับการเปลี่ยนแปลงของดาบ เขาถึงกับสงสัยว่าเขาตาฝาดไปเอง
ที่ด้านนอกโลกป่า จางหยูได้เอาดาบออกมา ตอนที่ดาบปรากฏตัวออกมานั้นมันกลับระเบิดแสงสว่างจ้าออกมา พลังอันน่ากลัวแผ่ออกไปทั่ว แม้แต่ต้นไม้โกลาหลก็ยังรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังนี้และรีบมาหาต้นตอของพลังทันที
“ พ่อบุญธรรม ” ต้นไม้โกลาหลเห็นจางหยู ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองไปที่ดาบในมือจางหยู ด้วยสายตาหวาดกลัว “ ดาบนี่คืออะไรกัน ?”
เขารู้สึกถึงอันตรายจากดาบนี่
จางหยูตะลึงกับพลังของดาบ เมื่อได้ยินที่ต้นไม้โกลาหลพูดมา เขาก็มองไปที่ดาบแล้วพูดขึ้น “ นี่อาจจะเป็นสมบัติโกลาหลที่กวนพูดถึง…” น้ำเสียงของเขาดูไม่มั่นใจ เพราะเขาก็ไม่เชื่อว่าแค่วันเดียวโลกตันเถียนจะให้กำเนิดดาบแบบนี้ขึ้นมาได้ ถ้ามันเป็นสมบัติขั้นต้น งั้นสมบัติโกลาหลก็ต้องน่าทึ่งอย่างมาก
“ นี่คือสมบัติโกลาหลรึ ?” ต้นไม้โกลาหลมองไปที่ดาบ “ พลังมันแข็งแกร่งจริงๆ !”
จางหยูไม่อาจจะบอกได้ว่าแค่วันเดียวก็สร้างดาบที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมาได้ หากเป็นคนอื่นจะสร้างดาบแบบนี้ต้องใช้เวลาสักปี, สิบปี, ร้อยปีหรือนานกว่านั้น ?
มันยากที่จะคิดได้ว่าดาบนี้จะน่ากลัวขนาดไหน
ในเวลาเดียวกันจางหยูก็ตื่นเต้นขึ้นมา สุดท้ายเขาก็หาทางสร้างสมบัติโกลาหลขึ้นมาได้ พลังของมันนั้นน่ากลัวอย่างมาก
“ ดูเหมือนว่าการสร้างสมบัติขึ้นมาด้วยพลังบรรพกาลจากบรรพกาลทั้งหมดเกือบล้านใบจะเป็นทางที่ถูก” จางหยู คิด เขาเข้าใจแล้ว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงของดาบถึงได้น่าทึ่งแบบนี้ “ดูเหมือนว่าข้าจะโลกใบเดียวในการสร้างดาบนี้แต่ความจริงแล้วเป็นโลกทั้งหมดในโลกตันเถียนต่างหาก”