ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1879 : ของขวัญ
หลังจากที่ตกลงกับลั่วเกาแล้ว จางหยูก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาเดินทางกลับไปยังโกลาหลหินกับคนอื่นๆทันที
ที่โลกป่าในโกลาหลหิน
จางหยูได้บอกกับทุกคน “ ข้าได้พาพวกเจ้าไปยังทะเลโกลาหลมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนี้ข้าจะไม่สนใจพวกเจ้าอีก ทุกการกระทำขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเอง นอกซะจากว่าแม่ทัพจะไล่ล่าพวกเจ้าแล้ว ปัญหาอื่นๆพวกเจ้าต้องจัดการกันเอง”
เขาเป็นเจ้าสำนัก ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก
เขาถือว่าตัวเองดูแลพวกนี้เพียงพอแล้ว
หากคนเหล่านี้ไม่อาจจะเติบโตได้ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ งั้นก็หมายความว่าพวกเขาไม่พยายาม
โดยรวมแล้วจางหยูพอใจกับความสามารถของทุกคนแล้ว เขามั่นใจว่าพวกนี้จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“ งั้นอาจารย์จะไม่ไปรับภารกิจกับเรารึ ?” หยวนเทียนจีถามขึ้นมา
คนที่เหลือต่างก็พากันสลดขึ้นมาทันที
จางหยูมองไปที่หยวนเทียนจีแล้วพูดขึ้น “ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้า ตราบใดที่ไม่ไปหาเรื่องพวกแม่ทัพ ก็ยากที่จะมีใครเป็นภัยต่อพวกเจ้าได้ …ข้าไปด้วยจะมีประโยชน์อะไร ? หากข้าติดตามพวกเจ้าไปตลอดเวลา พวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้ลงมือเพียงลำพัง รวมถึงโอกาสในการเติบโต พวกเจ้าจะเอาแต่พึ่งข้าตลอดไปไม่ได้”
ที่ผ่านมาจางหยูถือว่าสำนักคังเฉียงคือสมบัติที่ล้ำค่า เขากลัวว่าคนพวกนี้จะบาดเจ็บจึงคอยปกป้องอยู่ตลอด แต่เขาไม่อาจจะตามพวกนี้ไปได้ตลอด เขาไม่อาจจะปกป้องพวกนี้ไปได้ตลอด
พวกนี้ต้องพึ่งพาตัวเองและเลิกพึ่งพาเขาเสียที
บางทีอาจเป็นเพราะจางหยูไม่อยากเห็นใครตาย แต่เรื่องแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องเจออยู่ดี
จางหยูคิดได้แบบนั้นจึงตัดสินใจจะปล่อยให้พวกนี้เดินทางด้วยตัวเอง สุดท้ายพวกนี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเขาเอง
“ สรุปคือตราบใดที่ไม่ใช่แม่ทัพ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง” จางหยูมองไปรอบๆ “ ในอนาคตไม่ว่าพวกเจ้าจะสู้กับใคร จะแพ้หรือตาย สิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าพวกเจ้าด้อยกว่าคนอื่น และอย่าหวังว่าข้าจะไปช่วยทวงคืนความยุติธรรม”
หลังจากได้ยินแบบนั้นทุกคนก็รู้แล้วว่าจางหยูพูดจริง
เขาจะปล่อยให้ทุกคนพึ่งตัวเอง !
“ ศิษย์เข้าใจแล้ว” หยวนเทียนจีตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ ศิษย์สาบานว่าจะไม่ทำให้สำนักคังเฉียงต้องเสื่อมเสีย เราจะไม่ทำให้อาจารย์ต้องอับอาย !”
คนที่เหลือก็พูดขึ้น “ เราจะปกป้องเกียรติของสำนักคังเฉียงเอาไว้แม้ว่าจะต้องตายก็ตาม !”
จางหยูยิ้มออกมา “ ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือ “ เอาล่ะ แยกย้ายกันได้”
ทุกคนยังไม่ทันได้แยกย้าย จางหยูก็หายตัวไปจากสายตาของทุกคนทันที
ที่ทะเลบรรพกาล
ความว่างเปล่า, จางลู่และคนอื่นๆต่างก็ยืนอยู่เคียงข้างจางหยู
“ ร่างหลัก เจ้าจะปล่อยพวกเขาไปจริงๆรึ ?” ความว่างเปล่าถามขึ้นมา “ เจ้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะตายหรือไง?”
จางหยูถอนหายใจออกมา “ ข้าไม่อาจดูแลพวกเขาไปได้ตลอดชีวิต…” สำหรับจ้าวบรรพกาลแล้ว แต่ละคนต่างก็มีชีวิตนิรันดร์ไม่มีที่สิ้นสุด จางหยูไม่คิดว่าจะปกป้องทุกคนได้ตลอด ถึงเขาจะมีความสามารถเพียงพอ แต่ไม่ช้าเขาก็จะเบื่อ
จางลู่พยักหน้าเห็นด้วย “ ร่างหลักพูดถูก ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง ร่างหลักไม่อาจจะตีกรอบพวกเขาไปตลอดได้ ยังไงซะพวกเขาก็เป็นคน ทุกคนต่างก็มีความคิดและชีวิตของตัวเอง พวกเขาไม่ใช่หุ่นเชิด และไม่มีใครอยู่ปกป้องพวกเขาไปได้ตลอด”
“ จริงอยู่ว่าเด็กพวกนั้นต้องออกไปเสี่ยง แต่ข้าก็ยังเป็นห่วงพวกเขานิดๆ” เซียนกระบี่พเนจรพูดขึ้นมา
จางลู่กรอกตาใส่ “ พวกเราแก่กันรึไงถึงเรียกพวกนั้นว่าเด็ก ?”
ความว่างเปล่ามุมปากถึงกับกระตุก “ คนส่วนใหญ่ล้วนอยู่มานานกว่าเจ้า เจ้าอายุได้แค่เศษเสี้ยวของคนอื่น เราแก่กว่าเจ้าเยอะ…”
ตอนนั้นหมาป่าละโมบก็ได้พูดขึ้น “ เอาล่ะ เลิกล้อเล่นกันได้แล้ว เรามาพูดเรื่องจริงจังกันเถอะ”
เขามองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้น “ ร่างหลัก เรื่องจักรพรรดิทั้งเก้า พวกนั้นแข็งแกร่งจริงๆรึ ?”
“ ข้ายังไม่ทันได้สู้แต่ก็มีสัญญาณบอกแล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่ง” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้นข้าไม่รู้แน่ชัด แต่มั่นใจได้ว่ามีสิทธิพิเศษเหมือนเราในทะเลบรรพกาล แต่..”
“ แต่อะไร ?” ความว่างเปล่าถามขึ้นมา
“ แต่พลังของพวกนั้นไม่ได้ไร้เทียมทานจริงๆ” จางหยูพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยนิดๆ “ รึ…พวกนั้นปิดบังพลังเอาไว้…หรือว่าพวกเขาอาจจะต่างจากข้า”
ร่างแยกทั้งหมดต่างก็พากันคิ้วขมวด พวกเขาไม่อาจจะเดาความแข็งแกร่งของจักรพรรดิทั้งเก้าออก
สักพัก จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ข้าจะไม่ไปที่ทะเลโกลาหลในเร็วๆนี้ เพื่อที่ศิษย์และอาจารย์ทุกคนจะได้พึ่งพาตัวเองจริงๆ”
“ แล้วเจ้ามีแผนยังไงต่อ ?” เซียนกระบี่พเนจรถามขึ้นมา
“ ดาบและเกราะบรรพกาลจะใช้ได้ในอีกสักพัก อย่างน้อยก็เหนือกว่าสมบัติระดับสมบูรณ์ ต่อไปข้าจะเตรียมของขวัญให้กับศิษย์และอาจารย์ในโลกนภา” จางหยูคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “ ให้สมบัติระดับสมบูรณ์กับพวกเขา”
“ คนละชิ้นรึ ?”
“ ใช่ คนละชิ้น”
“ นี่…” เซียนกระบี่พเนจรลังเลและถามขึ้น “ ร่างหลัก แล้วเราได้ด้วยรึไม่ ?”
จางหยูมองไปรอบๆ “ พวกเจ้าก็ต้องการมันงั้นรึ ?”
ทุกคนต่างก็รีบพยักหน้า “ ต้องการ !”
“ ได้ ข้าจะสร้างให้พวกเจ้าก็ได้ ” จางหยูไม่ได้ใส่ใจนัก “ ข้าสร้างสมบัติกว่าสองพันชิ้นอยู่แล้ว สร้างเพิ่มอีกแค่ไม่กี่ชิ้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
ทุกร่างแยกต่างก็พากันดีใจขึ้นมา “ ขอบคุณร่างหลัก !”
พวกเขาได้แต่มองดาบและเกราะของจางหยูด้วยตาที่แดงก่ำ แต่โชคร้ายที่มันเป็นของจางหยู พวกเขาได้แต่มองดูมัน ตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้สมบัติระดับสมบูรณ์มา พวกเขาจึงพอใจอย่างมาก
ยิ่งกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว สมบัติระดับสมบูรณ์ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว
ยิ่งอาวุธทรงพลังเท่าไหร่ พวกเขาอาจจะแสดงพลังของมันออกมาไม่ได้เต็มที่
“ เจ้าคิดจะสร้างอาวุธรึเกราะ” เซียนกระบี่พเนจร ถามขึ้นมา
“ ตามกฎเดิม ก็คือเกราะ !” จางหยูไม่ลังเล “ก่อนอื่นต้องมั่นใจก่อนว่าพวกเขาจะรอดไปได้”
ด้วยสมบัติระดับสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าแม่ทัพจะลงมือแต่ก็ยากที่จะปลิดชีพพวกนี้ได้
แม้จางหยูจะบอกว่า ไม่ว่าพวกนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่สน แต่สุดท้ายเขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
จางหยูส่ายหน้าและมองไปรอบๆ “ พวกเจ้าเองก็บ่มเพาะกันต่อ หากโดนเหล่าศิษย์แซงหน้า แล้วจะสู้หน้าพวกนั้นไม่ได้”
“ เจ้าพูดเล่นรึไง ? แค่ลูกเสือจะมาแข่งกับเรางั้นรึ ?” เซียนกระบี่พเนจรมั่นใจอย่างมาก “ แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเทียบกับแม่ทัพไม่ได้ แต่แค่ซือหมิงล่ะก็ ข้าว่าข้าน่าจะเอาชนะเขาได้ ”
พวกเขาเองก็ไม่ได้อยู่เฉย !
“ มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ” จางหยูพูดขึ้น “ ครั้งนี้ศิษย์และอาจารย์ได้ลูกปัดมาจำนวนมาก พวกเขาจะดูดซับมันและทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมหาศาล พวกเขาอาจจะขึ้นไปถึงระดับแม่ทัพเลยก็ได้ …”
“ พวกเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆแต่เราเองก็ใช่ว่าจะอยู่ที่เดิม” ความว่างเปล่ายิ้มออกมา “ ตอนที่พวกนั้นได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ เราคงเป็นแม่ทัพไปแล้ว…” ความว่างเปล่าเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ แต่ลูกปัดน่ะเป็นปัญหาจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องไปที่ทะเลโกลาหลเพื่อหาลูกปัด”
จางหยูไม่ได้ห้าม ยังไงซะเขาก็ไม่ได้มีลูกปัดมากนัก
“ อืม พวกเจ้าจะไปที่ทะเลโกลาหลเพื่อหาลูกปัดหรืออะไรก็ช่าง” จางหยูพูดขึ้น “ แต่ให้พวกเจ้าไปหาซีหยุนเพื่อลงทะเบียนในฐานะทหารรับจ้าง เพื่อรับภารกิจแบบเดี่ยวรึตั้งทีมใหม่ขึ้นมาก็ได้ การรับภารกิจแบบทีมนั้นน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการหาลูกปัด”
ด้วยการที่ร่างแยกออกไปที่ทะเลโกลาหลก็ยิ่งทำให้ศิษย์และอาจารย์ปลอดภัยยิ่งขึ้น
นี่คืออีกเหตุผลที่จางหยูตกลงให้พวกนี้ไปยังทะเลโกลาหล
ที่โลกป่าในโกลาหลหิน
จางหยูได้บอกกับทุกคน “ ข้าได้พาพวกเจ้าไปยังทะเลโกลาหลมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนี้ข้าจะไม่สนใจพวกเจ้าอีก ทุกการกระทำขึ้นอยู่กับพวกเจ้าเอง นอกซะจากว่าแม่ทัพจะไล่ล่าพวกเจ้าแล้ว ปัญหาอื่นๆพวกเจ้าต้องจัดการกันเอง”
เขาเป็นเจ้าสำนัก ไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก
เขาถือว่าตัวเองดูแลพวกนี้เพียงพอแล้ว
หากคนเหล่านี้ไม่อาจจะเติบโตได้ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ งั้นก็หมายความว่าพวกเขาไม่พยายาม
โดยรวมแล้วจางหยูพอใจกับความสามารถของทุกคนแล้ว เขามั่นใจว่าพวกนี้จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“ งั้นอาจารย์จะไม่ไปรับภารกิจกับเรารึ ?” หยวนเทียนจีถามขึ้นมา
คนที่เหลือต่างก็พากันสลดขึ้นมาทันที
จางหยูมองไปที่หยวนเทียนจีแล้วพูดขึ้น “ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้า ตราบใดที่ไม่ไปหาเรื่องพวกแม่ทัพ ก็ยากที่จะมีใครเป็นภัยต่อพวกเจ้าได้ …ข้าไปด้วยจะมีประโยชน์อะไร ? หากข้าติดตามพวกเจ้าไปตลอดเวลา พวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้ลงมือเพียงลำพัง รวมถึงโอกาสในการเติบโต พวกเจ้าจะเอาแต่พึ่งข้าตลอดไปไม่ได้”
ที่ผ่านมาจางหยูถือว่าสำนักคังเฉียงคือสมบัติที่ล้ำค่า เขากลัวว่าคนพวกนี้จะบาดเจ็บจึงคอยปกป้องอยู่ตลอด แต่เขาไม่อาจจะตามพวกนี้ไปได้ตลอด เขาไม่อาจจะปกป้องพวกนี้ไปได้ตลอด
พวกนี้ต้องพึ่งพาตัวเองและเลิกพึ่งพาเขาเสียที
บางทีอาจเป็นเพราะจางหยูไม่อยากเห็นใครตาย แต่เรื่องแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องเจออยู่ดี
จางหยูคิดได้แบบนั้นจึงตัดสินใจจะปล่อยให้พวกนี้เดินทางด้วยตัวเอง สุดท้ายพวกนี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกเขาเอง
“ สรุปคือตราบใดที่ไม่ใช่แม่ทัพ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง” จางหยูมองไปรอบๆ “ ในอนาคตไม่ว่าพวกเจ้าจะสู้กับใคร จะแพ้หรือตาย สิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าพวกเจ้าด้อยกว่าคนอื่น และอย่าหวังว่าข้าจะไปช่วยทวงคืนความยุติธรรม”
หลังจากได้ยินแบบนั้นทุกคนก็รู้แล้วว่าจางหยูพูดจริง
เขาจะปล่อยให้ทุกคนพึ่งตัวเอง !
“ ศิษย์เข้าใจแล้ว” หยวนเทียนจีตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ ศิษย์สาบานว่าจะไม่ทำให้สำนักคังเฉียงต้องเสื่อมเสีย เราจะไม่ทำให้อาจารย์ต้องอับอาย !”
คนที่เหลือก็พูดขึ้น “ เราจะปกป้องเกียรติของสำนักคังเฉียงเอาไว้แม้ว่าจะต้องตายก็ตาม !”
จางหยูยิ้มออกมา “ ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือ “ เอาล่ะ แยกย้ายกันได้”
ทุกคนยังไม่ทันได้แยกย้าย จางหยูก็หายตัวไปจากสายตาของทุกคนทันที
ที่ทะเลบรรพกาล
ความว่างเปล่า, จางลู่และคนอื่นๆต่างก็ยืนอยู่เคียงข้างจางหยู
“ ร่างหลัก เจ้าจะปล่อยพวกเขาไปจริงๆรึ ?” ความว่างเปล่าถามขึ้นมา “ เจ้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะตายหรือไง?”
จางหยูถอนหายใจออกมา “ ข้าไม่อาจดูแลพวกเขาไปได้ตลอดชีวิต…” สำหรับจ้าวบรรพกาลแล้ว แต่ละคนต่างก็มีชีวิตนิรันดร์ไม่มีที่สิ้นสุด จางหยูไม่คิดว่าจะปกป้องทุกคนได้ตลอด ถึงเขาจะมีความสามารถเพียงพอ แต่ไม่ช้าเขาก็จะเบื่อ
จางลู่พยักหน้าเห็นด้วย “ ร่างหลักพูดถูก ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง ร่างหลักไม่อาจจะตีกรอบพวกเขาไปตลอดได้ ยังไงซะพวกเขาก็เป็นคน ทุกคนต่างก็มีความคิดและชีวิตของตัวเอง พวกเขาไม่ใช่หุ่นเชิด และไม่มีใครอยู่ปกป้องพวกเขาไปได้ตลอด”
“ จริงอยู่ว่าเด็กพวกนั้นต้องออกไปเสี่ยง แต่ข้าก็ยังเป็นห่วงพวกเขานิดๆ” เซียนกระบี่พเนจรพูดขึ้นมา
จางลู่กรอกตาใส่ “ พวกเราแก่กันรึไงถึงเรียกพวกนั้นว่าเด็ก ?”
ความว่างเปล่ามุมปากถึงกับกระตุก “ คนส่วนใหญ่ล้วนอยู่มานานกว่าเจ้า เจ้าอายุได้แค่เศษเสี้ยวของคนอื่น เราแก่กว่าเจ้าเยอะ…”
ตอนนั้นหมาป่าละโมบก็ได้พูดขึ้น “ เอาล่ะ เลิกล้อเล่นกันได้แล้ว เรามาพูดเรื่องจริงจังกันเถอะ”
เขามองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้น “ ร่างหลัก เรื่องจักรพรรดิทั้งเก้า พวกนั้นแข็งแกร่งจริงๆรึ ?”
“ ข้ายังไม่ทันได้สู้แต่ก็มีสัญญาณบอกแล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่ง” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา “ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้นข้าไม่รู้แน่ชัด แต่มั่นใจได้ว่ามีสิทธิพิเศษเหมือนเราในทะเลบรรพกาล แต่..”
“ แต่อะไร ?” ความว่างเปล่าถามขึ้นมา
“ แต่พลังของพวกนั้นไม่ได้ไร้เทียมทานจริงๆ” จางหยูพูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยนิดๆ “ รึ…พวกนั้นปิดบังพลังเอาไว้…หรือว่าพวกเขาอาจจะต่างจากข้า”
ร่างแยกทั้งหมดต่างก็พากันคิ้วขมวด พวกเขาไม่อาจจะเดาความแข็งแกร่งของจักรพรรดิทั้งเก้าออก
สักพัก จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ข้าจะไม่ไปที่ทะเลโกลาหลในเร็วๆนี้ เพื่อที่ศิษย์และอาจารย์ทุกคนจะได้พึ่งพาตัวเองจริงๆ”
“ แล้วเจ้ามีแผนยังไงต่อ ?” เซียนกระบี่พเนจรถามขึ้นมา
“ ดาบและเกราะบรรพกาลจะใช้ได้ในอีกสักพัก อย่างน้อยก็เหนือกว่าสมบัติระดับสมบูรณ์ ต่อไปข้าจะเตรียมของขวัญให้กับศิษย์และอาจารย์ในโลกนภา” จางหยูคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “ ให้สมบัติระดับสมบูรณ์กับพวกเขา”
“ คนละชิ้นรึ ?”
“ ใช่ คนละชิ้น”
“ นี่…” เซียนกระบี่พเนจรลังเลและถามขึ้น “ ร่างหลัก แล้วเราได้ด้วยรึไม่ ?”
จางหยูมองไปรอบๆ “ พวกเจ้าก็ต้องการมันงั้นรึ ?”
ทุกคนต่างก็รีบพยักหน้า “ ต้องการ !”
“ ได้ ข้าจะสร้างให้พวกเจ้าก็ได้ ” จางหยูไม่ได้ใส่ใจนัก “ ข้าสร้างสมบัติกว่าสองพันชิ้นอยู่แล้ว สร้างเพิ่มอีกแค่ไม่กี่ชิ้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
ทุกร่างแยกต่างก็พากันดีใจขึ้นมา “ ขอบคุณร่างหลัก !”
พวกเขาได้แต่มองดาบและเกราะของจางหยูด้วยตาที่แดงก่ำ แต่โชคร้ายที่มันเป็นของจางหยู พวกเขาได้แต่มองดูมัน ตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้สมบัติระดับสมบูรณ์มา พวกเขาจึงพอใจอย่างมาก
ยิ่งกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว สมบัติระดับสมบูรณ์ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว
ยิ่งอาวุธทรงพลังเท่าไหร่ พวกเขาอาจจะแสดงพลังของมันออกมาไม่ได้เต็มที่
“ เจ้าคิดจะสร้างอาวุธรึเกราะ” เซียนกระบี่พเนจร ถามขึ้นมา
“ ตามกฎเดิม ก็คือเกราะ !” จางหยูไม่ลังเล “ก่อนอื่นต้องมั่นใจก่อนว่าพวกเขาจะรอดไปได้”
ด้วยสมบัติระดับสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าแม่ทัพจะลงมือแต่ก็ยากที่จะปลิดชีพพวกนี้ได้
แม้จางหยูจะบอกว่า ไม่ว่าพวกนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่สน แต่สุดท้ายเขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี
จางหยูส่ายหน้าและมองไปรอบๆ “ พวกเจ้าเองก็บ่มเพาะกันต่อ หากโดนเหล่าศิษย์แซงหน้า แล้วจะสู้หน้าพวกนั้นไม่ได้”
“ เจ้าพูดเล่นรึไง ? แค่ลูกเสือจะมาแข่งกับเรางั้นรึ ?” เซียนกระบี่พเนจรมั่นใจอย่างมาก “ แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเทียบกับแม่ทัพไม่ได้ แต่แค่ซือหมิงล่ะก็ ข้าว่าข้าน่าจะเอาชนะเขาได้ ”
พวกเขาเองก็ไม่ได้อยู่เฉย !
“ มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ” จางหยูพูดขึ้น “ ครั้งนี้ศิษย์และอาจารย์ได้ลูกปัดมาจำนวนมาก พวกเขาจะดูดซับมันและทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมหาศาล พวกเขาอาจจะขึ้นไปถึงระดับแม่ทัพเลยก็ได้ …”
“ พวกเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆแต่เราเองก็ใช่ว่าจะอยู่ที่เดิม” ความว่างเปล่ายิ้มออกมา “ ตอนที่พวกนั้นได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ เราคงเป็นแม่ทัพไปแล้ว…” ความว่างเปล่าเงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “ แต่ลูกปัดน่ะเป็นปัญหาจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องไปที่ทะเลโกลาหลเพื่อหาลูกปัด”
จางหยูไม่ได้ห้าม ยังไงซะเขาก็ไม่ได้มีลูกปัดมากนัก
“ อืม พวกเจ้าจะไปที่ทะเลโกลาหลเพื่อหาลูกปัดหรืออะไรก็ช่าง” จางหยูพูดขึ้น “ แต่ให้พวกเจ้าไปหาซีหยุนเพื่อลงทะเบียนในฐานะทหารรับจ้าง เพื่อรับภารกิจแบบเดี่ยวรึตั้งทีมใหม่ขึ้นมาก็ได้ การรับภารกิจแบบทีมนั้นน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการหาลูกปัด”
ด้วยการที่ร่างแยกออกไปที่ทะเลโกลาหลก็ยิ่งทำให้ศิษย์และอาจารย์ปลอดภัยยิ่งขึ้น
นี่คืออีกเหตุผลที่จางหยูตกลงให้พวกนี้ไปยังทะเลโกลาหล