ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 2012 : การจัดแจง
ตอนที่ 2012 : การจัดแจง
เราจะเริ่มเมื่อไหร่ ? ซื่อเซียวก็แทบอดใจรอไม่ไหว
หลังจากที่โดนเผ่าสวรรค์กดดันมานาน ซื่อเซียวและคนอื่นๆก็อยากจะเอาคืน แต่พวกเขาแค่ไม่มีความสามารถพอ
ไม่ต้องรีบร้อน จางหยูพูดขึ้นมา ครั้งนี้ตั้งเวลาไว้ที่ 1 ปี พวกเจ้าพาแม่ทัพกลับไปที่เขตตัวเองกันก่อน เมื่อข้าจัดการฝั่งข้าเสร็จแล้ว ข้าจะติดต่อหาพวกเจ้าไปเอง
ก่อนหน้านี้จางหยูมีเรื่องต้องทำ
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซื่อเซียวก็พยักหน้า เวลา 1 ปีนั้นเพียงพอที่จะรอได้
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าจักรพรรดิก็แยกย้ายกันออกไป จางหยูได้เอาลูกปัดจิตออกมา
เขามองไปที่ลูกปัดจิตที่ต่างจากลูกปัดดั้งเดิม มันคล้ายกับพลังจิตนับไม่ถ้วนที่อัดแน่นกัน มันคือพลังจิตระดับสูง แม้ว่าจะเป็นพลังจิตเหมือนกันแต่ก็มีพลังที่น่ากลัวกว่า
ของแบบนี้คล้ายกับพลังจิตในตันเถียนของจางหยู แต่มันทรงพลังมากกว่า
จางหยูได้ควบคุมจิตตันเถียนและจิตสูงสุดเพื่อดูดซับลูกปัดจิต
ไม่นานลูกปัดจิตก็ละลายออกราวกับหยดน้ำหลอมรวมกับพลังจิตในตันเถียนของเขา
แค่นี้รึ ? จางหยูรู้สึกว่าความแข็งแกร่งไม่ได้เปลี่ยนเลยรึอาจจะบอกว่าเปลี่ยนไปแค่เล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงนี้แทบจะมองข้ามได้ ไม่ใช่ว่าลูกปัดจิตนั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมากรึ ?
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะแกร่งกว่าจักรพรรดิทั่วไป แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ผลเมื่อดูดซับลูกปัดจิตไปไม่ใช่รึ ?
รึว่าเขาใช้ผิดวิธีกัน ?
แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าต้องเตรียมพิธีอะไรสำหรับการดูดซับลูกปัดจิตเลย… รึว่ามันช่วยข้าได้ไม่เร็วเท่ากับทะเลบรรพกาล จางหยูส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
รึว่ามันมีจำนวนไม่มากพอจนส่งผลให้เห็นได้ไม่ชัดเจน ?
จางหยูคิดสักพักแล้วเอาลูกปัดจิตทั้ง 71 ลูกออกมาและดูดซับมันเข้าไปพร้อมกัน
จักรพรรดิทั่วไปคงใช้เวลานานกับการดูดซับลูกปัดจิตแต่สำหรับจางหยูแล้ว เขาแค่ควบคุมจิตตันเถียนก็สามารถดูดซับลูกปัดจิตได้ทันที
ลูกปัดจิต 71 ลูกใช้เวลาแค่อึดใจเดียวก็เปลี่ยนเป็นพลังจิตไหลเข้าไปในตันเถียนของจางหยู แต่ตอนที่พลังนี้เข้ามาในตันเถียน มันก็ราวกับสายน้ำที่ไหลลงสู่ทะเล ลูกปัดจิตไม่อาจจะเปลี่ยนอะไรในตันเถียนได้เลย
มันไม่ใช่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแต่ระดับการเปลี่ยนแปลงนั้นแทบจะมองข้ามได้
นี่ใช้ลูกปัดจริงรึไม่ ? จิตด้านในโดนซื่อเซียวกับคนอื่นๆดูดซับไปแล้วรึ ? นี่มันเรื่องอะไรกัน ?
จางหยูพบว่าลูกปัดจิตที่ได้มาอย่างยากลำบากนั้นกลับไม่ได้ส่งผลเลยแม้แต่น้อย
หากเขาใช้เวลาเท่ากับกับทะเลบรรพกาล บางทีทะเลบรรพกาลอาจจะขยายตัวออกและช่วยให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมามากกว่า
แทนที่จะดูดซับลูกปัดจิต จะดีกว่าที่จะทิ้งมันไว้ให้กับจักรพรรดิบรรพกาล.. จางหยูคิด อย่างน้อยความแข็งแกร่งของพวกนี้ที่เพิ่มขึ้นมาก็จะช่วยให้ทะเลบรรพกาลขยายตัวได้เร็วกว่าเก่า มันจะช่วยให้ข้าแกร่งขึ้นไปด้วย
จางหยูพบว่าเขาเข้าใจผิดไป ในฐานะจ้าวทะเลบรรพกาลแล้ว เขาน่าจะสนใจการขยายตัวของทะเลบรรพกาลก่อน การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนของทะเลบรรพกาลดีกว่าการจะเสียทรัพยากรกับตัวเอง ความแข็งแกร่งของเขาเกี่ยวโยงกับทะเลบรรพกาล ทะเลบรรพกาลแกร่งขึ้น เขาเองก็จะแกร่งขึ้นไปด้วย หากทะเลบรรพกาลอ่อนแอลง เขาก็อ่อนแอไปด้วย
เมื่อคิดแบบนั้น จางหยูก็เลิกคิดที่จะดูดซับลูกปัดจิต 100 ลูกที่เหลือ
การเอาลูกปัดจิตทั้ง 100 ลูกให้กับจักรพรรดิบรรพกาลอาจจะส่งผลดีกว่า
จางหยูส่ายหน้า เขาได้ตรวจสอบอาวุธบรรพกาลในตันเถียนแล้ว หลังจากที่เกราะและดาบของเขาถูกซ่อมและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกระดับ เขาก็เลือกที่จะสร้างอาวุธบรรพกาลชุดใหม่และเก็บไว้ในตันเถียนของเขาแล้วเพิ่มพลังของมัน
อาวุธบรรพกาลเหล่านี้ทัดเทียมกับอาวุธจักรวาลขั้นสมบูรณ์แล้วรึอาจจะเหนือกว่าแต่ความต่างก็ยังจำกัดอยู่
เกือบจะพร้อมใช้งานแล้ว จางหยูเอาอาวุธบรรพกาลทั้งหมดออกมา
ความแข็งแกร่งของอาวุธเหล่านี้พอๆกับเกราะบรรพกาลที่เขาได้ให้กับศิษย์และอาจารย์ไปก่อนหน้านี้
มันแค่ว่ายังต่างจากดาบและเกราะที่เขาใช้
แต่มันไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานของศิษย์กับอาจารย์ ยังไงซะพวกนี้ก็เป็นแค่แม่ทัพสูงสุด แม้ว่าจะเอาอาวุธและเกราะที่ทรงพลังที่สุดให้แต่ก็ไม่อาจจะดึงพลังของมันออกมาอย่างเต็มที่
ไม่นานจางหยูก็ได้สั่งการให้ร่างแยกแจกอาวุธให้กับคนของสำนักคังเฉียง ในเวลาเดียวกันเขาก็เรียกจางลู่, เจ้าสำนัก, ความว่างเปล่าและคนอื่นๆมาเข้าพบ
การผุพังจบลงแล้ว ตามที่เราตกลงกันไว้ พวกเจ้าล่วนแต่เป็นอิสระ จางหยูมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆ ข้าจะยืนยันกับพวกเจ้าอีกครั้ง พวกเจ้าคิดมาดีรึยัง ? เมื่อตัดการเชื่อมต่อแล้ว พวกเจ้าจะไม่ใช่ร่างแยกของข้าอีก พวกเจ้าไม่อาจจะมีสิทธิ์สูงสุดในทะเลบรรพกาลได้ พวกเจ้าจะเป็นแค่แม่ทัพสูงสุดเท่านั้น
แค่แม่ทัพสูงสุด เดาว่าคงมีแค่จางหยูเท่านั้นที่กล้าพูดแบบนี้
จางลู่และคนอื่นๆพากันมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า เรามั่นใจ
ได้ งั้นพวกเจ้าก็เป็นอิสระ จางหยูแค่คิดก็ตัดการเชื่อมต่อกับร่างแยกทิ้ง มันไม่ได้มีการผูกพันระหว่างจิตและวิญญาณของพวกเขาแล้ว จากนี้ไปทุกคนต่างก็เป็นอิสระ พวกเขามีจิต, ความคิด และวิญญาณของตัวเอง
พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจางหยูอีก !
จางลู่และคนอื่นๆพากันตื่นเต้นราวกับได้หลุดจากคุก พวกเขารู้สึกว่าร่างกายนั้นผ่อนคลายกว่าที่เคย
แต่พวกเขาได้เสียจิตสูงสุดของทะเลบรรพกาลไป ความรู้สึกยิ่งใหญ่ได้หายไปในพริบตา ตอนนั้นพวกเขากลับพากันรู้สึกสลด
พวกเขาไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกรึไม่ พวกเขาแค่ต้องการอิสระแต่อิสระครั้งนี้เมื่อได้สิ่งที่พวกเขาต้องการมา พวกเขากลับรู้สึกว่าได้เสียสิทธิพิเศษหลายอย่าง
…ที่โลกบรรพกาล
อาจารย์และศิษย์ได้มารวมตัวกัน
เมื่อเห็นร่างแยกของจางหยู ทุกคต่างก็ทำความเคารพ เจ้าสำนัก
อาจารย์ เราทะลวงผ่านเป็นจักรพรรดิได้รึยัง ? นาจาถามขึ้นมา
ทุกคนพากันมองไปที่ด้วยสีหน้าคาดหวัง พวกเขาพากันรอช่วงเวลานี้มานานแล้ว
จางหยูถอนหายใจออกมา ทะเลบรรพกาลมีจักรพรรดิได้แค่ไม่กี่คน สำนักคังเฉียงมีคนมากกว่าสองพันคน พวกเจ้าว่าข้าควรให้โอกาสใคร ?
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันอึ้ง หยวนเทียนจีอ้าปากแต่ต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงไป
ทุกคนพากันเงียบ พวกเขาไม่รู้ว่าต้องตอบคำถามนี้ยังไง
ใช่ มันมีที่ว่างไม่กี่ที่ พวกเขาจะแบ่งกันยังไง ?
ใครก็ตามที่ได้โอกาสนี้ไปแต่คนอื่นๆก็คงไม่ยอม
นี่ไม่ต้องพูดถึงศิษย์และอาจารย์เลย แม้แต่ศิษย์ส่วนตัวทั้ง 17 คนของจางหยูรวมกับเซียวเหยียนแล้ว มันก็ยังมีที่ว่างไม่พอนี่ยังไม่รวมฝานกู่และคนอื่นๆอีก
ข้าคิดว่าให้ที่ว่างนั้นกับข้าก็ดี เสี่ยวซีหัวเราะออกมาและมองไปที่จางหยู ยังไงซะข้าก็ต่างจากพวกเขา หากข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิ บางทีอาจจะยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นๆ !
จางหยูมองไปที่เสี่ยวซีจนทำให้รอยยิ้มของเสี่ยวซีแข็งทื่อไป มันหยุดพูดไปทันที
จักรพรรดิบรรพกาลนั้นไม่ได้ขึ้นเป็นได้ง่ายๆ จางหยูกวาดตามองไปรอบๆ บอกกันว่าเพื่อจะขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วพวกเจ้าต้องผ่านการรับพลังเสียก่อน มีหลายคนที่มาจากโลกอมตะ พวกเจ้าน่าจะรู้ถึงอันตรายของการรับพลังนี้ การรับพลังจักรพรรดินั้นอันตรายกว่าการรับพลังสวรรค์ แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพสูงสุดแต่ก็อาจจะตายเพราะการรับพลังนี้ได้
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ จางหยูก็พูดขึ้นต่อ ดังนั้นข้าเสนอว่าพวกเจ้าควรจะอัดแน่นการบ่มเพาะและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแก่นตนเอง เมื่อพวกเจ้ารู้สึกว่ารอดจากการรับพลังได้ พวกเจ้าจะลองดูก็ได้ จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าก็ไม่แนะนำให้พวกเจ้าลองเพราะผลกระทบที่ตามมาคือความตาย
ทุกคนพากันลังเล
บางคนอยากจะพูดออกมา พวกเขารอได้แต่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรอไปได้ตลอด
หากมีคนนำหน้าไปและทะลวงผ่านได้สำเร็จ ที่ว่างเหล่านั้นหมดจะทำยังไง ?
จางหยูเห็นสีหน้ากังวลของทุกคนก็พูดขึ้นมา ตอนนี้มันมีที่ว่างแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น เมื่อทะเลบรรพกาลเติบโตขึ้นมา ที่ว่างนั้นก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อจำนวนเพิ่มมาถึง 9 ข้าจะบอกให้พวกเจ้ารู้ พวกเจ้าจะลองดูเองก็ได้ สำเร็จรึล้มเหลวนั้นขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าห้ามให้ใครทดสอบการรับพลัง
เขามองไปรอบๆแล้วพูดขึ้น นี่น่าจะยุติธรรมใช่รึไม่ ?