ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 108 ขับพิษ
บทที่ 108
ขับพิษ
“ในเมื่อท่านยืนยันเช่นนั้น ข้าจะให้ท่านรักษาปู่ข้าก็ได้” เมื่อแม่นางเฉียนเห็นความจริงใจของเย่เย่ นางจึงเดินตรงไปที่ห้องของปู่เพื่อขอความยินยอมจากปากของเขา
“ท่านปู่อนุญาตให้ท่านเข้าพบ เชิญ” เมื่อได้คำตอบนางเดินกลับมาบอกเย่เย่ ก่อนที่จะนำทางไปยังห้องที่ตู๋กู่เหยียนนอนรักษาตัวอยู่อย่างไม่เต็มใจนัก เย่เย่ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของนางมากนัก เขาเดินตามนางไปจนถึงเตียงที่ชายแก่อยู่
“แค่ก แค่ก ข้าต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับท่านด้วยตัวเอง” ตู๋กู่เหยียนเป็นชายแก่อายุราว 50 ปี สีหน้าของเขา ซีดเซียวจากอาการไข้พิษ แต่ถึงกระนั้นเมื่อชายแก่เห็นเย่เย่มาเข้าพบ เขาจึงพยุงตัวขึ้นอย่างช้าๆ และรีบทำความเคารพเย่เย่ในทันที
“มิได้ มิได้ ท่านจ้าวสำนักไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ผู้คนในหลิงเฉิงต่างเคารพเลื่อมใสในตัวท่าน ตัวข้าเองก็เช่นเดียวกัน วันนี้ข้าจึงมารักษาอาการของท่านให้หายโดยเร็ว” เย่เย่เคยได้ยินชื่อเสียงของตู๋กู่เหยียนมาบ้าง เขาก็กล่าวชื่นชมสรรเสริญในคุณงามความดีของชายชรา และบอกความตั้งใจที่เขามาในวันนี้
แม่นางเฉียนที่ไม่เชื่อในความสามารถของเย่เย่ก็ได้พูดจาตอบโต้อีกครั้งหนึ่ง “แม้ว่าท่านเย่จะเป็นถึงประธานหอการค้า หยูเย่ที่ยิ่งใหญ่ แต่ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าท่านมีทักษะการรักษาด้วย? ถ้าหากท่านจะมาเพื่อผลประโยชน์ละก็เชิญกลับไปได้เลย และอย่าได้มารบกวนการพักผ่อนของท่านปู่อีก!”
“หลานเฉียน อย่าเสียมารยาทสิ แค่ก แค่ก” ชายชราที่เห็นหลานของเขาพูดจากถากถางแขก เขาจึงพูดตักเตือนนางไม่ให้ลามปามไปมากกว่านี้
นานมาแล้วที่นางไม่ได้ถูกปู่ของนางดุเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่พอใจนัก แต่นางก็สงบปากสงบคำลงแต่โดยดี
“ข้าต้องขออภัยแทนนางด้วย เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้อบรมสั่งสอนนางให้ดี ท่านเย่อย่าได้ถือสานางเลย” ชายแก่ขอโทษแทนหลานของตน เขาไม่ต้องการให้แม่นางเฉียนเอาเยี่ยงอย่างเขาที่มักหัวรั้นและไม่ยอมผูกมิตรกับใครง่ายๆ เมื่อเขาจากไปแม่นางเฉียนจะได้อยู่อย่างสุขสบาย
อย่างไรก็ตามเย่เย่ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เขาจึงตอบชายชรากลับไปด้วยรอยยิ้ม “ที่แม่นางพูดมาก็ไม่ผิดสักทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่จะขับพิษให้ผู้อื่น และคงตอบได้ยากว่ามันจะได้ผลหรือไม่หากไม่ลงมือทำ”
“อะไรนะ!? นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าขับพิษให้คนอื่นอย่างงั้นเรอะ!?”
เย่เย่เป็นถึงประธานหอการค้าหยูเย่ที่ถืออำนาจในการปกครองหลิงหยวนอยู่ ทำให้ตู๋กู่เหยียนแอบหวังอยู่ลึกๆในใจว่า เย่เย่จะรักษาอาการนี้ให้เขาได้ แต่เมื่อได้ยินดังนั้นความหวังเล็กๆราวกับเปลวเทียนก็ดับวูบลงในทันที
แม่นางเฉียนระงับอารมณ์ของนางเอาไว้ไม่อยู่ ด้วยความโมโหนางกระทืบเท้าและตะคอกใส่เย่เย่
“นี่เจ้า!? เจ้าเห็นชีวิตของปู่ข้าเป็นของเล่นรึยังไง! ถ้าหากท่านเป็นอะไรขึ้นมาเจ้าจะรับผิดชอบไหวไหม!?” สำหรับนางแล้วตู๋กู๋เหยียนเป็นเพียงคนเดียวที่นางเคารพเทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด เรียกได้ว่าเขาแทบจะเป็นโลกทั้งใบของนางเลยก็ว่าได้ เมื่อนางได้ยินเย่เย่พูดดังนั้นนางบันดาลโทสะออกมา นางอยากจะไล่เขากลับไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ปู่ของนางก็ห้ามเอาไว้ได้ทัน
เย่เย่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย และสงบนิ่ง หลังจากที่ใดฟังความในใจของแม่นางเขาจึงจ้องเข้าไปในดวงตาของนางและพูดขึ้นว่า
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง แต่ข้าขอรับประกันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของหอการค้าหยูเย่เลยว่าการรักษาของข้านั้นจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงใดๆต่อร่างกายของท่านเหยียน อย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นเย่เย่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ และสีหน้าที่จริงจัง นางจึงได้แต่ถอนหายใจและไม่ได้คัดค้านใดๆอีก
“เช่นนั้นข้าต้องขอรบกวนท่านเย่แล้ว” ชายสูงวัยอนุญาตให้เย่เย่ลงมือขับพิษให้แก่เขา เขาค่อยๆเอนตัวลงนอนกับเตียงอย่างช้าๆ เย่เย่ถอดประคำเจ้าอสรพิษออกมาจากคอของเขา และเริ่มใช้มันดูดพิษของตู๋กู่เหยียนออกมา จากคำอธิบายของชายชราทำให้เขาทราบที่มาและอาการคร่าวๆของพิษชนิดนี้
เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนชายชราได้ไปฝึกวรยุทธ์ที่หุบเขาตอนใต้ของหลิงเฉิง และถูกนางพญาผึ้งต่อยเข้าที่ท้ายทอย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมันนักจนกระทั่งเขารวบรวมลมปราณเพื่อขับพิษออก ยิ่งเขาพยายามขับพิษออกมากเท่าไหร่พิษยิ่งกระจายไปทั่วร่างของเขาเป็นเหตุให้เขาต้องนอนติดเตียงอยู่ถึงทุกวันนี้
แม้ว่าแม่นางเฉียนจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วแต่เมื่อได้ยินชายชราเล่าเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง สีหน้าของนางก็ดูเศร้าสร้อยลงทันที เห็นได้ชัดว่าตู๋กู่เหยียนนั้นมีความสำคัญต่อนางมากจริงๆ หากนางเสียเขาไปนางคงใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุขไม่ได้
เย่เย่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด เขาจึงเร่งลงมือใช้ประคำของเขาดูดพิษออกมาให้เร็วที่สุด ประคำจ้าวอสรพิษของเขาเริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เมื่อเขาเห็นผลดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ทว่า…
“มันมีอะไรน่าขำอย่างงั้นเรอะ!? ปู่ข้านอนซมอยู่แท้ๆเจ้านี่มันช่างหยาบคายซะจริง! นอกจากไม่ช่วยรักษาแล้วยังเอาลูกประคำประหลาดนี่ออกมาเล่นอีก” เมื่อสาวน้อยเห็นเย่เย่ยิ้มออกมา นางจึงโกรธจัดและดึงประคำสีเขียวเข้มออกจากมือเย่เย่ และไม่ปล่อยให้เขารักษาท่านปู่ของนางอีกต่อไป ครั้งนี้แม้แต่ ตู๋กู่เหยียนเองก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรนาง เขายังคงมองหน้าเย่เย่ด้วยสีหน้าที่สับสน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรให้มากความและรอฟังคำชี้แจงจากเย่เย่
“อย่าได้เข้าใจข้าผิด ที่ข้ายิ้มเป็นเพียงเพราะข้าดีใจที่ข้าค้นพบวิธีรักษาท่านปู่ของเจ้าต่างหากล่ะ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หยิบประคำของเขาคืนจากมือของแม่นางเฉียนและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของมัน “ประคำนี้มีชื่อว่าประคำจ้าวอสรพิษ มันสามารถดูดซับพิษได้แทบทุกชนิดบนโลกใบนี้ เมื่อมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มนั่นแสดงว่ามันได้ผล ท่านทั้งสองอย่าได้กังวลไป” น้ำเสียงของเย่เย่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้ว่าสีหน้าของทั้งสองยังคงฉงนอยู่ แต่พวกเขาก็หาเหตุผลที่เย่เย่จะโกหกพวกเขาไม่ได้
“หากท่านเย่ช่วยชีวิตข้าได้ จะให้ข้าช่วยอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น”
“ท่านปู่!?”
หญิงสาวหันหน้ามองปู่ของนาง และพูดขึ้นด้วยความตกใจ นางไม่คิดว่าปู่ของนางจะให้คำสัญญาแบบนั้นให้กับใครง่ายๆ แต่เมื่อนางพินิจพิเคราะห์ดูดีๆแล้วทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวนางเองทั้งสิ้น นางจึงก้มหน้าและร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งอย่างเงียบๆ
เย่เย่ที่ได้ยินดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาด้วยความปีติยินดี เหตุผลที่เขามาในวันนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อขับพิษให้แก่ตู๋กู่เหยียนเพียงอย่างเดียว แต่เขายังต้องการให้ชายชราร่วมมือกับเขาเพื่อรวม หลิงเฉิงให้เป็นปึกแผ่นภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินนี้ด้วยเช่นกัน
“อย่าได้กังวลไปเลยท่านเหยียน ข้ารักษาท่านหายได้อย่างแน่นอน และเมื่อใดที่ท่านพร้อมหอการค้าหยูเย่ของเราพร้อมต้อนรับท่านเสมอ ข้าเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือของท่านจะให้หอการค้าของข้าและเมืองหลิงเฉิงร่มเย็นเป็นสุข” เย่เย่ตอบรับความประสงค์ของชายชรา พลางใช้ประคำจ้าวอสรพิษขับพิษออกมา จากสีเขียวเข้มเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีดำ ใบหน้าที่ซีดเซียวของชายแก่เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง พิษร้ายในร่างของเขาถูกขับออกมาจนสิ้น แม่นางเฉียนเห็นอาการปู่ของนางดีขึ้นก็ลุกขึ้นมาจับมือปู่ของนางพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงลงบนร่างของชายแก่
“ข้าน้อยตู๋กู่เฉียนมีตาหามีแววไม่ ข้าน้อยได้เสียมารยาทล่วงเกินท่านเย่แล้ว ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ จากนี้เพียงท่านเย่เอ่ยปาก ข้าน้อยพร้อมทดแทนบุญคุณท่านเจ้าค่ะ” เมื่อนางมั่นใจว่าปู่ของนางหายสนิทเป็นปลิดทิ้ง นางจึงคุกเข่าต่อหน้าเย่เย่และขอโทษด้วยความจริงใจและซาบซึ้งในบุญคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้…