ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 60 เดิมพัน
บทที่ 60
เดิมพัน
“ข้าขออนุญาตถามครับตง ถ้าหากพวกเรารวมกันเป็นหอการค้าขนาดกลางแล้ว เรื่องผลประโยชน์รายได้อะไรพวกนี้พวกเราจะแบ่งกันยังไง? แล้วใครจะเป็นประธานของหอการค้าขนาดกลางนี้? ในระยะยาวจะเกิดการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันยังไง?”
ท่ามกลางเหล่าคนที่ห้อมล้อมตงเหรินอยู่นั้น หลินเฉิง ผู้ที่ได้ลิ้มลองพลังของรองเท้าเทพวายุไปแล้วจู่ๆก็ยกมือขึ้นและเอ่ยถามตงเหรินไปตรงๆ ซึ่งในทันทีที่เขาถามเสร็จ ประธานหอการค้าแห่งอื่นๆต่างก็หันไปมองยังตงเหรินเพื่อรอฟังในคำตอบ เพราะสิ่งที่หลินเฉิงถามมานี้ ถือเป็นเรื่องที่พวกเขาต่างกังวลกันทุกคน
ตงเหรินเหมือนจะเดาไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องถามแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความกังวลใดๆบนใบหน้า หลังจากที่กระแอมไอเพื่อให้คอโล่งแล้วเขาจึงตอบหลินเฉิงกลับไป “หลังจากที่พวกเรารวมเป็นหอการค้าระดับกลางกันแล้ว แน่นอนว่าข้าและนายหญิงเสวี่ยหยูจากหอการค้าตงหยวนจะเป็นประธานของหอการค้าเอง และพวกท่านทุกคนก็สามารถร่วมทุนเป็นหุ้นส่วนได้ ซึ่งด้วยวิธีนี้เราก็จะแบ่งปันความเสี่ยงและผลประโยชน์ร่วมกันตามข้อตกลงได้!”
เขาตอบกลับไปแบบคลุมเครือและสิ่งนี้ทำให้ทุกๆคนรวมถึงหลินเฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาด้วย ในใจของพวกเขานั้นปฏิเสธข้อเสนอของตงเหรินแล้วแต่พวกเขาก็ยังเกรงว่าหากออกหน้าชัดเจนพวกเขาอาจจะกลายเป็นศัตรูกับหอการค้าอื่นเลยก็ได้ ดังนั้นจึงลังเลอยู่อีกพักใหญ่
ภายในใจของตงเหรินนั้นกำลังเย้ยหยันคนเหล่านี้แล้ว แต่สีหน้ายังคงแสดงความใจเย็นขณะที่พูดถึงความได้เปรียบเมื่อทุกๆคนรวมกันเป็นหอการค้าระดับกลางแล้ว ซึ่งหลังจากที่พูดไปพูดมาเขาก็ได้หลุดพูดออกมาว่าตัวเขานั้นมีหอการค้าขนาดใหญ่ในเมืองขอร่วมมือด้วย ด้วยสิ่งนี้มันทำให้หลินเฉิงและประธานหอการค้าคนอื่นๆหน้าเสียกันหมด จากนั้นแววตาของเขาที่มองตงเหรินนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความโกรธทันที
นั่นเพราะการที่ตงเหรินพูดมาแบบนี้ นั่นหมายถึงหากหลินเฉิงและประธานหอการค้าคนอื่นๆไม่เข้าร่วมเป็นหอการค้าระดับกลางกับเขา ตงเหรินก็จะไปเข้าร่วมกับหอการค้าขนาดใหญ่ จากนั้นก็จะมาไล่กดขี่พื้นที่หายใจของหอการค้าระดับเล็กเช่นเดียวกับที่พวกเขาโดนมาตลอด
การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับทรราชแม้แต่นิด!
หลายปีมานี้ หลินเฉิงและคนอื่นๆต่างก็เริ่มรู้ความลับของตงเหรินมามากมาย ทำให้พวกเขาค่อยๆหมดศรัทธาในตัวอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งครั้งนี้ หากตงเหรินทำในสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ พวกเขาก็น่าจะโดนย่ำยีให้จมดินหนักกว่าปล่อยให้หอการค้าใหญ่ๆมากำจัดเสียอีก
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ใครก็ตามที่ต้องการเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ ณ ปัจจุบันนี้ก็ขอให้ร่วมมือกับข้าซะ ร่วมมือกันมัดปัญหาแล้วโยนทิ้งไป จากนั้นเราก็มาทำการค้าฉันพี่น้องกันเหมือนเดิม ด้วยกำลังของนายหญิงเสวี่ยหยูและข้า ข้าเชื่อมั่นว่าพวกเราจะช่วยกันฟันฝ่าความยากลำบากเช่นนี้ไปได้! แต่ถ้าท่านใดก็ตามที่เลือกจะปฏิเสธการร่วมมือกันในครั้งนี้ ต่อจากนี้เราคงไม่ได้ร่วมมือกันอีก!”
ตงเหรินนั้นวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สร้างความมั่นใจกับเสวี่ยหยูแห่งหอการค้าตงหลินรวมไปถึงการมาพูดเพื่อบีบบังคับให้เหล่าหอการค้าเล็กๆ ทั้งหลายมาร่วมกันเป็นรากฐานเพื่อสร้างหอการค้าขนาดกลางในวันนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าหอการค้าตงหยวนนั้นได้ร่วมหุ้นกับหอการค้าหยูเย่ ดังนั้นมันทำให้เสวี่ยหยูและเย่เย่ค่อนข้างจะได้ร่วมงานใกล้ชิดกันอยู่บ่อยครั้ง แต่กระนั้นตงเหรินก็ยังเชื่อว่าเป้าหมายของเสวี่ยหยูนั้นก็เพื่อควบคุมหอการค้าหยูเย่ในท้ายสุด ดังนั้นด้วยสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำมันย่อมต้องกระตุ้นต่อมความอยากของเสวี่ยหยูเป็นแน่ เช่นนั้นแล้วเสวี่ยหยูก็ต้องสนับสนุนเขาอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อเขามองไปยังเสวี่ยหยูก็พบว่านางนั้นดูจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย กลับกันทางฝั่งเย่เย่ที่ได้ฟังสิ่งที่ตงเหรินตั้งใจจะทำแล้วก็ลุกขึ้นมาพูดกับเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยด้วย “ไม่ว่าเจ้าอยากจะสร้างหอการค้าขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ก็เชิญตามสะดวก หอการค้าหยูเย่ของข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากนั้นแล้วหอการค้าหยูเย่จะไม่ถูกใครควบคุมเว้นแต่ข้าแต่เพียงผู้เดียวด้วย เช่นนั้นแล้ว ข้าจะขอสรุป ว่าข้านั้นไม่สนใจที่จะเข้าร่วมแผนการท่านตงเสนอมานี้”
หลินเฉิงและคนอื่นๆต่างมองเย่เย่ด้วยความตกใจและความชื่นชม พวกเขาชื่นชมในความกล้าของเย่เย่ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ ตงเหรินที่ได้ยินเย่เย่พูดเช่นนี้เขาก็ไม่พอใจในเย่เย่มากแบบสุดๆแล้ว และครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เย่เย่ลอยหน้าลอยตาไปอีก ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับเขาต้องอยู่ไม่สุข ดังนั้นแล้ว ตงเหรินจึงมองเย่เย่พร้อมเหยียดหยามเขา
“เจ้าคนโง่เขลา! คิดหรือว่าหอการค้าที่เพิ่งเปิดเช่นเจ้าจะทำอะไรได้! ขนาดหอการค้าของค้าที่อยู่ในระดับเดียวกับหอการค้าตงหยวนยังไม่สามารถรับมือจากการรุกล้ำของหอการค้าขนาดใหญ่ได้หากไม่ร่วมมือกันเลย เจ้าเอาอะไรมาคิดว่าหอการค้าเล็กๆในหลิงเฉิงอย่างเจ้าจะรับมือปัญหาเหล่านี้ไหวกัน!”
น้ำเสียงของตงเหรินนั้นชัดเจนว่าแม้จะดูเหมือนพูดกับ เย่เย่ หากแต่เขาต้องการจะทำให้คนที่ได้ยินนั้นรู้สึกถึงว่าปัญหานี้มันใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อสั่นคลอนความคิดของพวกเขาที่กำลังปฏิเสธตนอยู่ ณ ตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเย่เย่ก็ยังใจเย็นดังเดิมราวกับเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นพร้อมกับตอบกลับตงเหรินอย่างไม่ใส่ใจ “หอการค้า หยูเย่ของข้าจะทำอย่างไรในอนาคตงั้นหรือ? เอาเป็นว่าข้าไม่รบกวนประธานตงก็แล้วกัน แต่ถ้าประธานตงไม่พอใจในทางเลือกของข้า เรามาวัดกันด้วยหมัดก็ได้นะ”
เมื่อเห็นว่าเย่เย่นั้นดูเยือกเย็นราวกับไม่ใช่สัตว์เลือดอุ่นอีกต่อไปแล้ว ตงเหรินก็ตระหนักได้ว่าเย่เย่นั้นคือคนที่ฆ่า หลินหยูฉีต่อหน้าต่อตาจินหยู ทันใดนั้นเขาก็เกิดสั่นกลัวขึ้นมาและไม่กล้าจะท้าทายเย่เย่ต่อจึงรีบหันไปหาเสวี่ยหยูแทน
“นายหญิงเสวี่ยหยู ข้าเชื่อว่าท่านน่าจะเข้าใจสถานการณ์ภายในหลิงเฉิงมากกว่าที่ข้าเข้าใจ เช่นนั้นข้ายกหน้าที่เกลี้ยกล่อมเหล่าคนดื้อรั้นพวกนี้ให้รู้ถึงสถานการณ์ที่พวกเราต้องเผชิญแทนดีกว่า”
ก่อนหน้านี้มีหอการค้าขนาดกลางและใหญ่มากมายส่งคนมาติดต่อตงเหรินเพื่อร่วมมือทางการค้า ทว่าตัวตงเหรินเองนั้นไม่อยากจะอยู่เป็นลูกน้องของใคร ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธคำเชิญของเหล่าหอการค้าทั้งหมดที่ส่งมาทาบทามเขาไปและตัดสินใจที่จะรวบรวมเหล่าหอการค้าขนาดเล็กเพื่อขยายอำนาจของตนเองแทน
เขารู้จักเสวี่ยหยูมานานและเชื่อว่าความทะเยอทะยานของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเท่าไหร่หรอก ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเสวี่ยหยูจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้เย่เย่และหลินเฉิงมาอยู่ฝ่ายเขาได้
ทว่าตงเหรินก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเสวี่ยหยูปฏิเสธที่จะสนับสนุนแนวคิดนี้ของเขา นอกจากนั้นนางยังแสดงให้เห็นชัดเจนด้วยว่านางยืนอยู่ข้างเย่เย่
“พวกเราหอการค้าตงหยวนและหอการค้าหยูเย่นั้นร่วมมือกันในระดับที่ไม่มีใครเอาเปรียบใคร นอกจากนั้นพวกเรายังไม่เคยคิดจะผนวกเข้ากับใครด้วยต่างฝ่ายต่างก็หาทางรับมือกับการรุกรานของหอการค้าขนาดใหญ่ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านตงเหริน หากท่านคิดแล้วว่าจะทำเช่นนี้ก็ขอให้ท่านมั่นใจในหนทางที่เลือก ส่วนหอการค้าตงหยวนของพวกเราขอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแผนการนี้!”
เสวี่ยหยูรู้จักบุคลิกของเย่เย่ดีในระดับหนึ่ง ดังนั้นนางจึงรู้ด้วยว่าถ้าหากนางแสดงท่าทีลังเลแม้แต่นิดเดียว นางอาจจะโดนเย่เย่ตัดขาดไม่ช้าก็เร็วก็ได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบแสดงจุดยืนออกมาอย่างรวดเร็ว
หากเป็นเมื่อครั้งก่อนได้เห็นศักยภาพของเย่เย่ล่ะก็ เสวี่ยหยูคงจะหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้ของตงเหรินไม่น้อย แต่ในตอนนี้นางอยากจะรักษาความสัมพันธ์อันดีงามกับหอการค้า หยูเย่ไว้มากกว่า นางเชื่อว่าเย่เย่นั้นสามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่าการร่วมกับหอการค้าระดับกลางที่คงเหรินตั้งขึ้นแน่ๆ
“เจ้า?! ว่าไงนะ!”
ตงเหรินนั้นตกใจสุดๆราวกับว่านางตรงหน้านี้ไม่ใช่ เสวี่ยหยูที่เขารู้จัก เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขานั้นมั่นใจเอาเสียมากๆว่าเสวี่ยหยูจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ แต่การที่จู่ๆมาโดนนางฉีกหน้าทิ้งอย่างไม่ไยดีเช่นนี้มันทำเอาตงเหรินรู้สึกเลยว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของเขาจริงๆ
กระนั้นแล้วคิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆหลังจากได้ยินเรื่องนี้งั้นเหรอ? ตงเหรินสามารถรับรู้ได้ว่าต้นตอของความยุ่งยากในครั้งนี้ก็คือเย่เย่เพียงคนเดียว เมื่อปรับอารมณ์ได้เขาก็เอ่ยกับเย่เย่ด้วยความท้าทาย “ดูเหมือนว่าท่านประธานเย่จะเสน่ห์ร้ายไม่เบาเลยสินะ แม้แต่นายหญิงเสวี่ยหยูเองก็ยังเลือกที่จะอยู่ข้างท่านมากกว่าข้า เช่นนั้นแล้วพวกเรามาเดิมพันกันใหม่ไหมเล่า? คราวนี้น่ะไม่ใช่ของประมูลหรอกนะ แต่เป็นทรัพย์สินทั้งหมดของข้าและท่านเลย!”
ตั้งแต่ที่เห็นเย่เย่มาเดิมพันกับเขาแล้วได้ผงทองคำแท้ไป ตงเหรินก็เดาไว้แล้วว่าเย่เย่นั้นชื่นชอบในการเดิมพันแน่ๆ นอกจากนั้นแล้ว ด้วยความเสียหน้าที่แพ้เย่เย่ในครั้งนี้ เขาจึงตัดสินใจท้าเดิมพันบ้างโดยหวังว่าการชนะเย่เย่ในครั้งต่อไปจะช่วยคืนทุนให้เขาได้บ้าง
ทุกอย่างเป็นไปดั่งกลอุบาย เย่เย่เงยหน้าขึ้นมาช้าๆหลังได้ยินตงเหรินพูด รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าราวกับนึกถึงสีหน้าของตงเหรินที่แพ้เขาได้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา เย่เย่ไม่รอช้าที่จะถามต่อทันที “โอ้? คราวนี้ท่านอยากจะเดิมพันกับอะไรล่ะ?”
“ง่ายมาก! ในเวลา 3 เดือน ถ้าหากหอการค้าของท่านสามารถขยายใหญ่ได้เท่าหอการค้าของข้า ณ ปัจจุบันนี้ หอการค้าตงอี้ฉีหยวนของข้าจะยุบรวมเข้ากับหอการค้าหยูเย่โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งนั้น นอกจากนั้นแล้วน่ะนะ ที่แห่งนี้ก็มีพยานมากมาย ตราบใดที่ท่านสัญญา ข้าเชื่อเลยว่าท่านจะไม่ผิดหวังแน่ๆ กล้าหรือเปล่าล่ะ?”
เมื่อเห็นเย่เย่ดูสนใจ ตงเหรินก็เบิกบานใจเช่นกัน เขาจึงไม่รอช้าที่จะกำหนดข้อแลกเปลี่ยนเอาไว้เสียดิบดีเลย
ทว่าเมื่อตงเหรินพูดจบ ห้องเงียบๆก็เกิดเสียงเอะอะขึ้นมาอีกครั้ง เกือบจะทุกคนนั้นต่างหันไปมองตงเหรินด้วยสายตาที่เหยียดหยามเขาอยู่ลึกๆ
“นี่มันอะไรกันน่ะ? หอการค้าตงอี้ฉีหยวนของเจ้ามันก่อตั้งมาเกือบจะ 10 ปีแล้วนะ! นี่เจ้าคิดว่าหอการค้าหยูเย่จะสามารถไล่ตามเจ้าทันในเวลา 3 เดือนงั้นเหรอ!”
“หน้าไม่อายจริงๆ! นี่มันไม่ต่างอะไรกับขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ!”
“จะมีก็แค่คนโง่เท่านั้นแหละที่ตกลงกับการเดิมพันแบบนี้! หรือว่าการเดิมพันแบบนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติของตอนนี้ไปแล้วน่ะ?”
กลุ่มคนที่อยู่หลังเวทีนั้นต่างส่งเสียงพูดกันขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกือบจะทั้งหมดนั้นต่อว่าและเหยียดหยามตงเหริน พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าตงเหรินผู้ที่ถูกเคยมองว่าสูงส่งนั้นจะกล้าเปิดเดิมพันด้วยกฎที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ นี่มันเป็นอะไรที่น่าผิดหวังมากๆ
ใบหน้าของตงเหรินนั้นแดงไปทั้งหมดเมื่อได้ยินคนเหล่านี้พูด แต่เขาก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปเพราะยังมีความหน้าหนาอยู่ในระดับหนึ่ง
“อย่าไปใส่ใจกับคนคนนี้เลย การเดิมพันแบบนี้ทำไปก็ไม่ได้อะไรหรอก!”
เสวี่ยหยูเองก็รู้สึกว่าตงเหรินนั้นทำมากเกินไป นางจึงส่ายหน้าเบาๆแล้วกระซิบกับเย่เย่ ทว่าเย่เย่นั้นกลับค่อยๆเดินตรงไปหาตงเหรินก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความหยอกล้อ “เอาสิ! แต่ถ้าเจ้ากล้าโกงข้าล่ะก็ จ่ายหนักกันหน่อยนะ!”
ในทันทีที่เย่เย่พูดออกไป ทั่วทั้งห้องก็เงียบกันหมด
“ไม่ได้นะท่านเย่!”
ผู้ที่ได้สติก่อนใครเพื่อนนั้นคือเสวี่ยหยู และนางนั้นกำลังร้อนใจดั่งมดที่ตกลงไปในหม้อไฟก็มิปาน ร่างเล็กนั้นรีบเดินเข้าไปหาเย่เย่และดึงเขากลับมาทันที ไม่ว่าจะเป็นเพราะปกป้องตนเองจากการสูญเสียหรือเป็นเพราะเป็นห่วงเย่เย่และหอการค้าหยูเย่จริงๆ แต่เสวี่ยหยูก็คิดว่าเย่เย่นั้นไม่ควรจะเดิมพันกับตงเหรินเช่นนี้
ตงเหรินที่ได้ยินดังนั้นก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาเอ่ยต่อด้วยความกระปรี้กระเปร่าหลังจากที่ได้ยินเย่เย่เอ่ยตกลง เขารีบพยักหน้าและพูดต่อ “อย่าได้กังวลไปสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ข้านั้นไม่คืนคำอยู่แล้ว คำไหนคำนั้นนะ”
ก่อนที่เย่เย่จะตอบตกลงมานั้น ตงเหรินก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแผนนี้จะดำเนินไปง่ายขนาดนี้ เร็วขนาดที่ว่าหลังจากได้ยินคำตอบแล้วเขายังงงอยู่เลย ด้วยโอกาสอันดีนี้ตงเหรินไม่สนใจเสวี่ยหยูผู้ที่มีอำนาจมากกว่าเขาแล้ว
นี่มันไม่ต่างอะไรกับพายชิ้นยักษ์ที่ร่วงลงมาจากฟ้าเลย ตงเหรินจึงไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ตราบใดก็ตามที่ครบ 3 เดือน หอการค้าหยูเย่ก็จะตกเป็นของเขา และเสวี่ยหยู ผู้ที่เป็นหุ้นส่วนของหอการค้าหยูเย่ก็จะต้องตกมาอยู่ในมือเขาเช่นกัน เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาค่อยวางแผนเปิดหอการค้าระดับกลางใหม่ก็ยังไม่สาย
สีหน้ามีความสุขนั้นมองไปยังเย่เย่ด้วยความชอบอกชอบใจ ในขณะที่เย่เย่นั้นกำลังกลายเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น
“ท่านเย่ ครั้งนี้ท่านจะหุนหันพลันแล่นไปแล้วนะ!”
เมื่อเห็นว่าเย่เย่นั้นกลายเป็นคนใจร้อนเหมือนตงเหรินไป เสวี่ยหยูก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขาและเริ่มสงสัยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนคนนี้หรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เย่เย่นั้นไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมก่อนจะเข้าร่วมงานประมูลเพื่อนำรองเท้าจ้าววายุและผงทองคำแท้เข้าประมูลพร้อมกับรอผลลัพธ์อย่างใจเย็นอยู่ด้านหลังเวที