ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 78 ศักยภาพ
บทที่ 78
ศักยภาพ
หลิวเทียนเซียงเมื่อรู้ว่าคำเชิญชวนด้วยคำพูดไม่เป็นผล ก็ไม่ยอมให้เหยื่อที่อยู่ตรงหน้าเล็ดลอดไปได้โดยง่าย และเริ่มใช้กำลังเข้าขัดขวางเย่เย่ในทันที อย่างไรก็ตามเย่เย่ที่ยอมตามคนแปลกหน้ามาในที่ต่างถิ่นก็มีวิธีรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อยู่เช่นกัน เขาจึงไม่ได้แสดงความเกรงกลัวออกมาเลย
“ถ้าแน่จริง ก็เข้ามา!”
เย่เย่หันหลังกลับมาหาหลิวเทียนเซียง และตอบกลับเขาด้วยสีหน้ามั่นใจ แม้ว่าตัวเขายังไม่ได้บรรลุขั้นเทพอสูรไร้เงาเหมือนหลิวเทียนเซียงก็ตาม
เทพอสูรหลิวเทียนเซียงเมื่อเห็นเย่เย่ไม่ได้มีท่าทีหวาดเกรงพลังของเขา นัยน์ตาของเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดว่าระดับความแข็งแกร่งของเย่เย่ในตอนนี้จะสามารถเอาชนะเขาได้ แต่กระนั้นเขาก็ประหลาดใจว่าทำไมเย่เย่ถึงสงบจิตสงบใจได้ถึงเพียงนี้ หรือว่าเขาอาจจะมีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้
“เหอะ! เจ้าไปเอาความมั่นใจมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน!?”
หลิวเทียนเซียงที่ต้องการจบปัญหานี้ด้วยตนเอง ก็ส่งสัญญาณสั่งการให้ชายชุดดำและพรรคพวกที่ดักซุ่มโจมตีอยู่นอกห้องอาหารไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของเขากับเย่เย่ ก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือก่อนโดยใช้ฝ่ามือทรงพลังของเขาโจมตีไปที่เย่เย่หมายปลิดชีพเย่เย่ให้ได้ในกระบวนท่าเดียว
เปรี้ยงงงงงง !
เทพอสูรหลิวก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อเย่เย่ที่อ่อนแอกว่าเขาในทุกด้านไม่แม้แต่จะหลบ แต่รับการโจมตีของเขาซึ่งๆหน้า แถมสีหน้าของเย่เย่ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย
“จุดสูงสุดของเทพยุทธ์สินะ?”
หลิวเทียนเซียงพูดขึ้นมาด้วยความฉงนเมื่อระดับพลังที่แท้จริงของเย่เย่นั้นสูงกว่าที่เขาได้รับรายงานมา พัฒนาการอันรวดเร็วของเย่เย่นั้นทำให้หลิวเทียนเซียงต้องคิดหนัก ก่อนที่เทพอสูรหลิวจะตระหนักขึ้นได้ว่าตัวเขาไม่สามารถฆ่าเย่เย่ได้โดยง่ายจึงตัดสินใจปล่อยเย่เย่กลับไปเพียงเพราะเขาไม่ต้องการสร้างศัตรูที่คาดเดาไม่ได้เฉกเช่นเย่เย่เพิ่มอีกแล้ว
“ย่อมได้! ในเมื่อท่านเย่แสดงศักยภาพให้ข้าเห็นเช่นนี้ ข้าเองก็เบาใจ ข้าจะรอดูว่าหอการค้าหยูเย่ของท่านหรือปราการ หลิงหยวนฝ่ายไหนจะอยู่ฝ่ายไหนจะไป”
การปล่อยเย่เย่ไปอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา นอกจากที่เย่เย่จะเป็นศัตรูโดยตรงกับปราการหลิงหยวนแล้ว พวกเขาจะได้ไม่ต้องลงมือจัดการกับปราการหลิงหยวนอีกด้วย
เมื่อเย่เย่เห็นว่าหลิวเทียนเซียงยอมล่าถอยไปแต่โดยดี เขาก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เพราะเขานั้นไม่ต้องการงัดไม้ตายก้นหีบอย่างการกินยาเพื่อบรรลุขั้นเทพอสูรไร้เงาในขณะที่พลังของเขายังไม่เสถียรซึ่งอาจทำให้เขาเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้
“ลาล่ะ!”
เย่เย่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาโบกมือให้ หลิวเทียนเซียงก่อนที่จะเดินผ่านหน้าชายชุดดำออกจากภัตตาคารสายลมเหมันต์ในทันที
“นายท่าน! เราปล่อยเขาไปแบบนี้จะดีแล้วงั้นหรือขอรับ?”
ชายชุดดำยังคงคาใจในการตัดสินใจของหลิวเทียนเซียงผู้เป็นนาย เพราะตัวเขาที่ติดสอยห้อยตามหลิวเทียนเซียนมานานนั้นไม่เคยเห็นหลิวเทียนเซียงยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆเช่นนี้มาก่อน
“คอยดูไปเถอะ! อีกไม่นานเกินรอหอการค้าหยูเย่จะต้องพบกับหายนะที่รอพวกเขาอยู่เป็นแน่”
หลิวเทียนเซียงก็ยิ้มออกมาราวกับมีแผนอะไรในใจ แม้ว่าเขาจะเป็นกังวลเกี่ยวกับวรยุทธ์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วของเย่เย่อยู่ไม้น้อยเลยก็ตาม
เย่เย่ที่รับรู้ถึงภัยคุกคามจึงรีบบึ่งกลับหอการค้าหยูเย่เพื่อปรับสมดุลพลังเทพยุทธ์ขั้นสูงของเขาให้เสถียรเพื่อเลื่อนขั้นเป็นเทพอสูรไร้เงาให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ในขณะเดียวกันเสี่ยวหยู ซูฉีเจี่ย และลูกจ้างคนอื่นต่างกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับกองงานที่สูงเสียดฟ้าเบื้องหน้าของพวกเขา พวกเขาอาศัยจังหวะน้ำขึ้นนี้ขยับขยายหอการค้าของพวกเขาให้เจริญรุ่งเรืองเทียบเคียงหอการค้าใหญ่ๆ
พัฒนาการที่รวดเร็วของหอการค้าหยูเย่ทำให้หอการค้าน้อยใหญ่ในเมืองหลิงเฉิงต่างพากันมาแสดงความยินดีต่อหอการค้าหยูเย่ที่พัฒนากลายเป็นหอการค้าขนาดกลางได้สำเร็จ แม้ว่าจะไม่มีหอการค้าใดยื่นข้อเสนอใดเป็นพิเศษ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มให้การยอมรับหอการค้าหยูเย่ขึ้นมาบ้างแล้ว
หนึ่งในบรรดาหอการค้าเหล่านั้นมีหอการค้าตงหยวนของตระกูลเสวี่ยรวมอยู่ด้วย ตระกูลเสวี่ยที่คาดการณ์ว่าหอหยูเย่จะไม่สามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนั้นได้ ก็ได้กลับมาแสดงสัมพันธไมตรีให้กับความสำเร็จครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
“ท่านพ่อ ท่านกำลังลังเลอะไรอยู่? เพื่อรักษาสัมพันธไมตรีอันดีตระกูลเสวี่ยของเราควรไปแสดงความจริงใจด้วยการขอโทษแก่ท่านเย่ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านเย่อาจไม่เห็นหัวตระกูลเสวี่ยของเราอีกเลยนะเจ้าคะ!”
ณ โถงตระกูลเสวี่ย เสวี่ยหยูหญิงรูปงามกำลังรบเร้า เสวี่ยเฉิงกุ่ย ผู้เป็นพ่อและผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเสวี่ย แต่ถึงกระนั้นชายทรงอำนาจก็ดูหยิ่งทะนงตนเกินกว่าจะยอมก้มเก็บเศษหน้าที่แตกเป็นเสี่ยงๆอยู่บนพื้น และไม่มีท่าทีว่าจะยอมเข้าพบเย่เย่เพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย
นอกเหนือไปจากเสวี่ยหยู และเสวี่ยเฉิงกุ่ยแล้วยังมีบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเสวี่ยหนึ่งในนั้นคือ เสวี่ยฉวนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตระกูลยิ่งเสียกว่าอะไรดี ก็ได้พูดแสดงความไม่พอใจออกมา
“จริงอยู่ว่าเย่เย่นั้นแข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็นแค่คนนอกคอก! การที่เราเคยรวมหุ้นกับเขาให้พวกเชิดหน้าชูตาในเมืองนี้ได้ก็นับเป็นบุญหัวเขาแล้ว เรื่องอะไรที่เราต้องให้ผู้นำตระกูลของเราไปก้มหัวให้เขากันล่ะ?”
บรรดาผู้อาวุโสตระกูลเสวี่ยพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เฒ่าเสวี่ยฉวน ในสายตาของพวกเขาเย่เย่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนนอกที่มาแย่งพื้นที่ทำกินของพวกเขาในเมืองหลิงเฉิง แม้ว่าวรยุทธ์ของเขาจะกล้าแข็งสักเพียงไหนก็ตามพื้นเพของตระกูลเย่ของเขายังห่างชั้นกับตระกูลเสวี่ยอยู่มาก ดังนั้นผู้เฒ่าผู้แก่ในตระกูลเสวี่ยจึงถือทิฐิ และคัดค้านความคิดของเสวี่ยหยูอย่างหัวชนฝา
มีเพียงเสวี่ยจ้านที่เห็นด้วยกับความคิดของเสวี่ยหยู แต่เขาก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำ เขารู้ดีว่าเย่เย่ไม่ใช่ก้อนกรวดที่พบได้ตามทางแต่เป็นเพชรในตมที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง แม้ว่ารากฐานของหอการค้าหยูเย่ในเมืองหลิงเฉิงยังตื้นเขินอยู่มาก แต่ในทางธุรกิจพวกเขาก็ทิ้งห่างหอการค้าตงหยวนของพวกเราตระกูลเสวี่ยอย่างไม่เห็นฝุ่น
เสวี่ยหยูเมื่อเห็นเหล่าผู้เฒ่ากำลังชักนำพ่อของตนก็กระทืบเท้าแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาราวกับเด็กเอาแต่ใจ “ท่านพ่อ ท่านเชื่อพวกเขามากกว่าเชื่อข้างั้นเหรอ ฮึ!? ถ้าท่านไม่ได้ข้าบริหารหอการค้า ป่านนี้ล่มจมไปนานแล้ว ข้าไม่เคยมองใครผิดไปหรอกท่านพ่อ ขอให้ท่านเชื่อในตัวท่านเย่เหมือนที่เชื่อใจในตัวข้าเจ้าคะ!”
เสวี่ยเฉิงกุ่ยที่ยังคงลังเลอยู่นั้นก็ได้เลือกที่จะเชื่อเหล่าผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนมากกว่าที่จะเชื่อในลูกสาวแท้ๆของตน แต่เสวี่ยหยูที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงสาวที่ดื้อรั้นก็ได้ไปอ้อนวอนด้วยมารยาสาไถยและดวงตาอันกลมโตของนาง
“ก็ได้ๆๆ เซ้าซี้จัง! ในเมื่อเจ้าเชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้ ข้าไปให้เจ้าก็ได้!” ท้ายที่สุดแล้วเสวี่ยเฉิงกุ่ยผู้พ่อที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองแต่เชื่อมั่นในตัวลูกสาวที่เชื่อมั่นในตัวเขาก็เริ่มใจอ่อนลงในที่สุด…