ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 79 การตัดสินใจที่ยากลำบาก
บทที่ 79
การตัดสินใจที่ยากลำบาก
แม้เสวี่ยฉวนและบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเสวี่ยจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเสวี่ยเฉิงกุ่ยในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่าเคารพการตัดสินใจของผู้นำตระกูลได้
หลังจากที่รบเร้าพ่อของตนเองสำเร็จ เสวี่ยหยูก็เผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเรียวสวยของนางอีกครั้งพลางเกาะแขนและเดินเคียงข้างพ่อของนางก่อนเดินไปยังหอการค้าหยูเย่เพื่อขอโทษขอโพยเย่เย่อย่างเป็นทางการ
เมื่อเสี่ยวหยูเห็นเสวี่ยหยูและพ่อของนางเดินทางมาถึงหอการค้าหยูเย่ เสี่ยวหยูทำทีไม่สนใจพวกเขาในคราแรก แต่นางก็อดทำหน้าที่ของนางเสียไม่ได้
“ลมอะไรหอบพวกท่านมาที่นี่ล่ะเจ้าคะ?”
เสวี่ยหยูหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นแม่นางเสี่ยวหยู และรำลึกได้ว่าเสี่ยวหยูนั้นไม่พอใจการถอนหุ้นในครั้งนั้นของตระกูลเสวี่ยเป็นอย่างมาก
“สะ…เสี่ยวหยู ข้าขอโทษด้วยนะ ข้าผิดไปแล้วล่ะ วันนี้ข้าพาพ่อข้ามาเข้าพบเย่เย่เป็นการส่วนตัวน่ะ หวังว่าท่านเย่จะไม่ถือโทษโกรธเคืองกันนะ?”
“ตอนพวกข้าลำบาก พวกท่านก็ถีบไสไล่ส่ง พอพวกข้าเริ่มได้ดิบได้ดีก็กลับมาตีสนิทเชียวนะ”
เสี่ยวหยูที่ร้อนรุ่มดั่งไฟสุมทรวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาประชดประชันใส่เสวี่ยหยู ก่อนที่จะสั่งให้ลูกจ้างไปเรียกเย่เย่ออกมาพบแขก
เสวี่ยหยูนั้นรู้ดีว่าถ้านางพูดมากไปกว่านี้จะเป็นเหมือนการเอาน้ำมันไปราดบนกองเพลิง ดังนั้นนางจึงได้แต่ก้มหัวด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวเช่นเดียวกับพ่อของนาง
เป็นระยะเวลากว่าค่อนวัน ในที่สุดเย่เย่ก็ยอมออกมาพบปะ และเชิญสองพ่อลูกตระกูลเสวี่ยไปเจรจาในห้องรับรองแขกของหอการค้า สองพ่อลูกไม่ยอมปริปากพูดอะไรเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไปเรื่อยๆ เย่เย่จึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน
“ก่อนอื่นข้าต้องขออภัยที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับท่าน เจ้าตระกูลเสวี่ยมาหาข้าด้วยตนเองเช่นนี้ มีธุระอันใดหรือขอรับ?”
แม้ว่าคำพูดคำจาของเย่เย่จะสุภาพอ่อนน้อมแก่ผู้ที่มาดี แต่เสวี่ยหยูกลับรู้สึกถึงความไร้เยื่อใยในคำพูดของเขา
“แม้ว่าพวกเราตระกูลเสวี่ย และตระกูลเย่นั้นมีประวัติการทำมาค้าขายกันมาอย่างยาวนาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับท่านเย่เย่ ตำนานบทใหม่แห่งหลิงเฉิงตัวเป็นๆ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
เสวี่ยเฉิงกุ่ยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวระหว่างเย่เย่กับเสวี่ยหยูมากนัก ก็ได้พูดเยินยอเย่เย่ออกมาเพื่อลดทอนบรรยากาศที่ตึงเครียด ถึงแม้เสวี่ยเฉิงกุ่ยจะเป็นคนวางมาดแต่เขากลับมีทักษะการเจรจาที่ดีเลิศ ตราบใดที่ผู้นำตระกูลเสวี่ยผู้นี้ตัดสินใจทำสิ่งใดแล้วเขาทุ่มสุดตัวเพื่อบรรลุผลเสมอ เขาจึงเริ่มตีสนิทกับเย่เย่โดยที่ไม่ได้อ่านบรรยากาศโดยรอบมากนัก
“แหม่ แหม่ ต้องขออภัยด้วยที่ข้าเผลอล่วงเกินท่านแล้ว” เมื่อเห็นว่าเย่เย่นิ่งเงียบและไม่มีท่าทีตอบโต้กับคำเยินยอของเขา เสวี่ยเฉิงกุ่ยจึงรีบขอโทษเย่เย่ด้วยความจริงใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มเข้าประเด็นที่เขามาในวันนี้
“ข้ารู้ดีว่าตระกูลเสวี่ยของข้าไม่สามารถเรียกความเชื่อใจของท่านได้อีกแล้ว แต่พวกเราขอให้สัญญาว่าพวกเราจะให้การสนับสนุนท่านอย่างเต็มกำลัง… เอ่อ และถ้าข้าบอกว่าลูกสาวข้ากำลังมีใจให้ท่าน ท่านจะว่ายังไงล่ะ?”
เสวี่ยเฉิงกุ่ยที่กำลังพูดเรื่องธุรกิจอยู่นั้นเอง จู่ๆเขาก็ได้หักประเด็นแล้วทำตัวเป็นพ่อสื่อไปซะอย่างนั้น เสวี่ยหยูที่ไม่ทันตั้งตัวได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงแจ๋ แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ แถมยังมองไปที่ เย่เย่ราวกับลุ้นคำตอบของเขาอีกด้วย
“พรวดดด!! แค่ก แค่ก..” เย่เย่ที่กำลังจิบน้ำชาอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินดังนั้นก็สำลักน้ำชาออกมา ข้อเสนอนี้ทำให้เย่เย่จอมขี้เก๊กถึงกับแสดงอาการออกมาเล็กน้อย
ข้อเสนอของชายทรงอำนาจนั้นปัดเป่าบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องรับแขกไปจนหมดสิ้น ถึงแม้เย่เย่จะแสดงออกการออกมา แต่เขาก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอไปอีกเช่นเคย
“ท่านเสวี่ย หอการค้าหยูเย่ของข้ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ข้าจัดการอยู่มาก เพราะงั้นข้ายังไม่เคยคิดเรื่องจะแต่งงานเลยแม้แต่น้อย ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจข้า!”
“อะไรกัน อะไรกัน ข้ามั่นใจว่าเสวี่ยหยูที่คร่ำหวอดในวงการหอการค้าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านอย่างแน่นอน”
เสวี่ยเฉิงกุ่ยที่คาดไว้แล้วว่าเย่เย่ต้องปฏิเสธยังคงกระตือรือร้นที่จะทำให้ทั้งคู่ลงเอยกันให้ได้
“พะ..พอได้แล้วทะ..ท่านพ่อ” เสวี่ยหยูที่นั่งอยู่ด้านหลังของผู้เป็นพ่อ ก็ได้ดึงแขนเสื้อและพูดกับพ่อของนางด้วยท่าทีเขินอายแบบสุดๆ
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงเคาะประตูห้องรับแขกดังออกมาจากข้างนอก
“เข้ามา!”
ลูกจ้างของเย่เย่เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยความลุกลี้ลุกลน ก่อนที่จะรายงานต่อผู้เป็นนาย
“แฮ่ก แฮ่ก ท่านเย่ แย่แล้ว! โกดังเก็บสินค้าของหอการค้าหยวนเชินเกิดไฟไหม้อย่างหนัก พะ..พวกคนของหอการค้านั่นอ้างว่าเป็นฝีมือของพวกเรา…พวกมันรวมเฉียนเฟิงแห่งปราการ หลิงหยวนได้บุกเข้ามาปิดล้อมหอของพวกเราแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าจัดการเอง!” เย่เย่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกเดินออกไปเพื่อสะสางเรื่องราวที่เกิดขึ้น เสวี่ยเฉิงกุ่ย และเสวี่ยหยูที่สีหน้าไม่สู้ดีก็เดินตามเย่เย่ออกไปอย่างไม่รอช้า
ในเวลาเดียวกัน เฉียนเฟิง ชิวเฟิงอิ้ง และพรรคพวกทั้งจากหอการค้าหยวนเชิงและปราการหลิงหยวนจำนวนมากได้เข้าปิดล้อมการสัญจรเข้าออกหอการค้าเอาไว้ พวกเขาขัดขวางไม่เว้นแม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการหอการค้าแห่งนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการชำระบัญชีแค้นที่มีต่อเย่เย่
เสี่ยวหยู ซูฉีเจี่ยและเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยที่อยู่บริเวณด้านหน้าได้ออกมาตั้งรับการมาเยือนของแขกไม่ได้รับเชิญ
“ชิวเฟิงอิง! อย่ามากล่าวหากันมั่วๆแบบนี้ พวกข้าไม่รู้แม้กระทั่งที่ตั้งของโกดังของพวกเจ้า ข้าจะไปวางเพลิงได้ยังไงกัน!?”
ซูฉีเจี่ย และเสี่ยวหยูพยายามพูดคุยซื้อเวลาให้เย่เย่รีบออกมาเตะก้นคนพวกนี้ให้เร็วที่สุด
ความขัดแย้งระหว่างหอการค้าหยูเย่ และหอการค้าหยวนเชินนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ผู้คนบริเวณนั้นรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นการจัดฉาก อย่างไรก็ตามแม้หอการค้าหยูเย่จะพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์จริงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับข้าศึกที่เข้าประชิดกำแพงเมืองได้
“พวกข้ามีทั้งพยานบุคคล และวัตถุพยาน มันสายไปแล้วที่พวกเจ้าจะแก้ตัว! เรียกผู้จัดการของพวกเจ้าออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
ชิวเฟิงอิงฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หอการค้าของพวกเขาและปราการหลิงหยวนได้วางแผนกันมาอย่างยาวนานเพื่อเปิดฉากโจมตีขึ้นวันนี้
“วันนี้ เป็นวันตายของพวกเจ้า! บอกลาหอการค้าของพวกเจ้าได้เลย!”
นอกจากชิวเฟิงอิง และเฉียนเฟิงแล้วพวกเขาได้พาเหล่าเทพยุทธ์มากฝีมือมากมายหลายคน และเทพยุทธ์ขั้นสูงมาอีกด้วย ทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะสามารถกำราบหอการค้าหยูเย่ลงได้อย่างแน่นอน
หากพวกเขาไม่รีบลงมือกำจัดหอการค้าหยูเย่ล่ะก็ จากเสี้ยนหนามเล็กๆจะกลายเป็นแท่งเหล็กที่เสียดแทงเส้นเลือดใหญ่ของพวกเขาในอนาคตเป็นแน่
เมื่อเสี่ยวหยูเห็นเฉียนเฟิง และเทพยุทธ์จำนวนมากจากปราการหลิงหยวนก็ได้เข้าใจจุดประสงค์ของการจัดฉากในวันนี้ได้ทันที แต่นางไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะนำกองกำลังมาโจมตีอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นเองตำนานบทใหม่ของหลิงเฉิงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่แฝงไปด้วยความโกรธถึงขีดสุดถึงขนาดที่มีไอร้อนโพยพุ่งออกมาตามซอกฟันของเขา นัยน์ตาสีแดงก่ำเขาจ้องไปที่ใบหน้าชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ของเฉียนเฟิงและชิวเฟิงอิง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“มันสายไปแล้วที่พวกเจ้าจะหันหลังกลับ จงทิ้งชีวิตอันไร้ค่าของพวกเจ้าไว้ที่นี่ซะ!”
“ปะ…ปีศาจ”
เทพยุทธ์บางคนถึงกับแสดงอาการหวาดผวาเมื่อเห็น เย่เย่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ช่างเป็นคำพูดที่สมกับเป็นท่านเย่เสียจริง! ข้าชักจะอยากฟังเสียงเจ้าอ้อนวอนของชีวิตต่อหน้าข้าแล้วสิ มันคงเป็นภาพที่วิเศษสุดๆไปเลย” เฉียนเฟิงฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวเจ้าเล่ห์ของเขา ก่อนที่จะเรียกกองกำลังชั้นยอดที่เขาจัดเตรียมมาเพื่อวันนี้เปิดฉากการโจมตีในทันที
เทพยุทธ์มากหน้าหลายตาก็ตบเท้าขึ้นมาข้างหน้า เฉียนเฟิงผู้เป็นนาย ลูกจ้างของหอการค้าหยูเย่ที่เป็นแนวหน้ารับการโจมตีการเริ่มล่าถอยด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ซูฉีเจี่ยเองก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากการโจมตีในครั้งนี้…