รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 119
บทที่119 มี่มี่ เธอจะรักฉัน
ท่วงท่าของเขาอ่อนโยน ราวว่ากลับว่าจะรุนแรงกับเธออีก แล้วก็กลัวว่าเธอจะปฏิเสธเขา ณ ตอนนั้น
ท่วงท่าค่อยๆเร็วขึ้น มือจับกดระหว่างเอวเธอไว้แน่น ออกแรงสะดวก ปากยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “มี่มี่ เธอก็คุ้นชินฉันแล้ว ”
คำพูดของเขาทำให้ผู้หญิงที่อยู่ด้านล่างตัวแข็งทื่อ
ท่าทางของเร็วขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเสียงครางต่ำๆ เขาก็ได้ปลดปล่อยตัวเอง
ผิวสีข้าวโอ๊ตเต็มไปด้วยเหงื่อ เขากอดเธอแน่น
“มี่มี่ เธอจะรักฉัน ”
หลินเวยมี่หลับตาลง เงยหน้าไปทางเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความปราบปราม แต่กลับมีความมั่นใจมากกว่า ราวกับเชื่อว่าต้องใช้เวลาหล่อหลอม จะต้องมีสักวันที่เธอยอม
หลินเวยมี่หน้าแข็งนิ่ง เธอยิ้มเยาะเย้ยขึ้น “การตอบสนองของฉันคือสิ่งที่มันควรจะเป็น คุณคิดมากไปแล้ว ”
แววตาเขามืดลง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา ครู่ใหญ่ก็พูดขึ้น “ใช่เหรอ?แต่ฉันมั่นใจ ”
หลินเวยมี่ไม่อยากจะต่อบทสนทนานี้ ผลักเขาออกแล้วไปเข้าห้องน้ำ น้ำไหลผ่านเส้นผมเธอลงมา เธอแหงนหน้าขึ้น ให้น้ำกระทบลงใบหน้า
ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่เห็นสายตาเอาชนะของฉู่เฉินซี เธอถึงรู้สึกว่าหัวใจเธอกระสับกระส่าย เพราะไม่มั่นใจว่าตกลงแล้วเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
แค่เหมือนผู้ชายทั่วๆไป ที่แค่อยากเอาชนะผู้หญิง พอใจแล้วก็ทิ้ง?
เธอถอนหายใจ นี่มันมีทางที่จะหนีไปจากเขาแท้ๆ แต่ทำไมกลับรู้สึกเป็นทุกข์ในใจ
หรือว่าแค่ต้องการให้ความเอาชนะของฉู่เฉินซีสูญหายไป ถึงจะเป็นเวลาที่จะปลดปล่อยตัวเองออกไปจากเขา?
แสบตา ที่แท้ก็กลัวว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ครั้งแรกที่รู้สึกกระสับกระสนเพราะฉู่เฉินซี หวั่นหัวใจ
ก๊อกๆ——
สิ่งดังเข้ามาจากประตูห้องน้ำ ไม่นานเสียงของฉู่เฉินซีก็ดังเข้ามา “ฉันจะรอเธอข้างล่างนะ ”
หลินเวยมี่ไม่ได้ตอบ เสียงเท้าที่อยู่ด้านนอกค่อยๆออกไปอย่างเงียบๆ ถึงออกมาจากห้องน้ำ
เลือกชุดกระโปรงยาวสีดำ ม้วนผมขึ้นสูง ดีที่เธอผิวพรรณดี ดังนั้นเลยเดินลงไปด้านล่างโดยที่ไม่ต้องแต่งหน้า
ฉู่เฉินซีไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกับอ้านเย่ สีหน้าเอาจริงเอาจัง
ได้ยินเสียงเท้าเธอเดินมา เขาก็หยุด ส่งสายตาใส่อ้านเย่ แล้วก็รีบออกมา
ฉู่เฉินซีหรี่ตามองเธอ ยิ้มด้วยความพอใจ เดรสกระโปรงยาวถึงข้อเท้า รองรับรูปร่างสูงของเธอ แล้วยิ่งเป็นชุดมิดชิด ความเรียบง่ายกลับสง่า
“ไปเถอะ ”เขาพูดเบาๆ ให้เธอควงแขนไปด้านนอก
บนรถ ฉู่เฉินซีเงียบไม่พูดจา มือที่สัมผัสกับผมเธออยู่ก็เหมือนไม่จับ ดวงตานิ่งและเข้มขรึม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนหลินเวยมี่หันหน้ามองออกนอกหน้าต่าง มองโลกด้านนอก หางตาเต็มไปด้วยความดีใจ
ภายในโรงแรมห้าดาววกำลังจัดงานเลี้ยงวันเกิด ภายในงานมีแต่คนมีหน้ามีตา และโจ่วลี่เฉียงในฐานะผู้อาวุโส ก็ต้อนรับแขกอย่างครึกครื้น
รอยยิ้มฉลาดเฉียบแหลมบนใบหน้า แสดงให้เห็นว่านี่คืองานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันเกิด พูดคือความจริงแล้วก็คือวิธีการดึงคนอื่นมาเป็นพวกพ้องของโจ่วลี่เฉียง
สายตาฉลาดแหลมของเขาหักเห รีบดึงกู้จุนเฟิงที่อยู่ข้างๆเข้ามา พูดเสียงต่ำ “ตอนนี้คือโอกาสที่ดี เดี๋ยวจะลองไปเช็ค ดูสิว่าจะให้นายทำงานใหม่ได้ไหม ”
กู้จุนเฟิงไม่แสดงสีหน้าตอบรับ สายตารำคาญ โอกาสแบบนี้ เขาเบื่อจริงๆ
ทุกคนต่างสวมใส่หน้ากาก คำถามธรรมดาๆอาจจะมีการหยั่งถามลองเชิง ปากหวานก้นเปรี้ยว ความมืดต่างๆ ทำให้เขาอยากจะหนี
“ทำไมพวกเราถึงเข้าไปไม่ได้ล่ะ?”จำเสียงใสของผู้หญิงคนนี้ได้ ก็ทำให้สายตาของกู้จุนเฟิงลากไปทันที
กู้จุนเฟิงเงยหน้าไปมองที่หน้าประตู สายตาล็อคอยู่ที่ผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงสีดำ จังหวะหายใจค่อยๆช้าลง หลินเวยมี่?ทำไมเธอถึงโผล่มาที่นี่ได้?
สายตาเริ่มมีความตื่นเต้น ก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวอย่างกระสับกระสน ก็มองไปเห็นชายที่อยู่ข้างกายเธอ ใบหน้าขี้เกียจๆของผู้ชาย
ค่อยๆยิ้มขึ้น ดวงตามืดดำ ทั่วตัวมีออร่าใหญ่โต เพียงแต่ยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกที่ทำให้คนยอมอยู่ใต้อำนาจ
เขากลัดกลุ้มใจ เท้ากลับก้าวไปไม่ออก
ตอนนี้พวกเขาช่างสนิทสนมกัน ช่างไม่เข้าตา ไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่สะเทือนอารมณ์ในสายตาเขา
“จุนเฟิง เป็นอะไรไปเหรอ?”
จนกระทั่งมีเสียงเป็นห่วงดังเข้ามา เขาจึงดึงสติกลับมาได้ เขาก้มมองโจ่วซิน ส่ายหัวอย่างสับสน “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน ”
โจ่วซินมองเงาหลังเขาอย่างแปลกใจ ในใจสงสัย รู้สึกว่าเขาแปลกไป เลยหันสายตาไปที่หน้าประตู ก็มองเห็นหลินเวยมี่ที่ยืนอยู่หน้าปรตูทันที
ในสายตาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ในหัวใจก็เต้นไม่หยุดเพราะความอิจฉา ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว!เธอนี่มันแทรกเข้าทุกรูขุมขนจริงๆ โผล่มาอยู่ที่นี่อีก!
หลินเวยมี่มองไปที่ฉู่เฉินซีอย่างกลุ้มใจ กระแทกไหล่ “ที่นี่ให้คนเต็มไปหมดแล้ว พวกเราไปที่อื่นไหม?”
ฉู่เฉินซีหน้านิ่งยิ้มอ่อนๆ ส่ายหัว “ไม่ พวกเราจะไปที่นี่ ”
เขาพูดอยู่ก็ควักโทรศัพท์ออกมากดโทร ไม่ช้า ผู้ชายหน้าตาก็ออกมา ใบหน้าประหม่า
“ยินดีต้อนรับคุณชายฉู่ครับ น้องชายมาช้า ไม่สมควรจริง ”
ฉู่เฉินซียิ้มอย่างเฉยเมย พูดนิ่งๆ “มาทานอาหารที่ของคุณนี่ยากจังเลยนะ ”
“ที่ไหนกันล่ะครับ เชิญทางนี้ครับคุณชายฉู่ ”คนชายพูดอย่างเคารพ ในน้ำเสียงพูดอย่างระมัดระวัง
ฉู่เฉินซียกยิ้ม โอบเอวของหลินเวยมี่เดินเข้าไปด้านใน
ด้านในครึกครื้น ราวกับจัดงานฉลองอีกครั้ง เมื่อเดินเข้าไปข้างในหลินเวยมี่ก็มองเห็นโจ่วลี่เฉียงที่ยืนอยู่ด้านในทันที เธอสีหน้าเปลี่ยน รีบเงยหน้ามองฉู่เฉินซี
เกรงว่าที่มาที่นี่คือแผนที่เขาวางไว้หมดแล้ว เธอรู้ว่าโจ่วลี่เฉียงอยู่ที่นี่กัน?แล้วกู้จุนเฟิงล่ะ?
เธอลองมองเข้าไปข้างในอย่างกระสับกระสน มองหากู้จุนเฟิง แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
โล่งอก หลับตาลง ปิดกั้นความรู้สึกผิดหวังไม่อยู่
“เป็นไรไปล่ะ?”เสียงมีเสน่ห์ลอยเข้ามา ช้อนคางขึ้น มองสบตาฉู่เฉินซี
เขามองเธอจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม สายตารู้แจ่มแจ้ง “มองไม่เห็นคนที่อยากเจอเหรอ?”
หลินเวยมี่สูดหายใจลึก รีบส่ายหัวท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ “ใคร?คุณหมายถึงใคร?”
ฉู่เฉินซีไม่ตอบ โอบเอวเธอแล้วเดินไปข้างหน้าต่อ มือที่ห้องอยู่อีกข้างก็โอบแน่นอย่างอดไม่ได้ รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องมีท่าทีแบบนี้ แล้วเขาจะยังรอหวังอะไรอยู่นะ?
รอเธอไม่แยแสงั้นเหรอ?
“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ ”
“คุณผู้หญิง เชิญทางนี้ครับ ”ชายรูปหล่อคนนั้นรียผายมือ
หลินเวยมี่มุ่งไปทางพวกเขาพร้อมพยักหน้า ไปทางห้องน้ำ
ในห้องน้ำ หลินเวยมี่มองหน้าวซีดของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอเดาไม่ออกว่าฉู่เฉินซีพาเธอมาที่นี่มีเจตนาอะไรกันแน่
จนขนาดที่เธอเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หรือว่าเขาต้องการจัดการกับตระกูลโจ่ว?
หายใจเข้าลึก ดวงตากลัดกลุ้มใจอย่างมาก
“เสี่ยวชี……”เสียงดีใจดังมาจากด้านหลังของเธอ
หลินเวยมี่รีบเงยหน้า มองผู้ชายที่ยืนดูด้านหลังเธอผ่านในกระจก ในม่านตามีความดีใจ เธอรีบหันไปมองชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“เสี่ยวจื๋อ……”น้ำเสียงสะอึกและเต็มไปด้วยความน้อยใจ น้ำตาที่คลออยู่ ก็ไหลตกลงมา
กู้จุนเฟิงจับเธอมากอด เสียงเบาปลอบใจ “เสี่ยวชี อย่ารีบร้อนไปนะ ฉันจะหาทางพาเธอหนี ”
“พาฉันหนี?”น้ำเสียงประหลาดใจถาม หัวใจเต้นแรง ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?พาเธอหนี?อยากอยู่กับเธอเหรอ?
“เธอผอมลงอีกแล้วนะ ”กู้จุนเฟิงจับใบหน้าเล็กเธอเงยขึ้นดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าสลด “ไม่นานหรอก ฉันจะช่วยเธออกกมาจากข้างกายของฉู่เฉินซี ”
“ไม่ต้องหรอก เสี่ยวจื๋อ ไม่ต้องจริงๆ จริงๆแล้วฉันอยู่กับเขาก็สบายดี ”สายตาของหลินเวยมี่แข็งทื่อ ถอยหลัง หนีออกจากอ้อมกอดเขา
ฉู่เฉินซีนั้นบ้าคลั่งเกินไป แล้วเสี่ยวจื๋อจะไปเป็นศัตรูเขาได้ยังไง?เธอไม่ยอมให้เสี่ยวจื๋อต้องไปเจ็บตัวอะไรเพราะเธอแน่ๆ
แต่เธอก็เชื่อ ว่าสักวัน ฉู่เฉินซีจะต้องเกลียดเธอสักวัน แล้วทิ้งเธอ
“สบายดี?”เขายิ้มเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความจนปัญญา “อย่าโกหกฉันเลย ฉู่เฉินซีเป็นคนยังไงฉันรู้ดี เขาจัดการวางแผนอะไรฉันรู้ดี ”
หลินเวยมี่นัยน์ตาเข็มขึ้น หลับตาลงแล้วพูด “เป็นเรื่องจริง เขาดีกับฉันมาก ”
“เธอไม่อยากไปจากเขา?หรือว่าเธอ…….รักเขาไปแล้ว?”กู้จุนเฟิงเอามือมาจับที่ไหล่ของเธอ โฟกัสที่สายตาของเธอ
หลินเวยมี่แปลกไป แล้วก็เงียบลงอย่างไว “จะเป็นไปได้ยังไง ”
คางถูกจับเงยขึ้น สบตาสีเข้มของกู้จุนเฟิง หัวใจของเธอเต้น
“งั้นรอฉัน ”
เขาพูดเสียงเบา ค่อยๆใกล้เธอ……
ปั้ง——
เสียงประตูห้องน้ำถูกถีบออก รอยยิ้มที่จดจำได้ดียิ้มออกมา “รักชิงชังกันจริงๆเลยนะ ”
หลินเวยมี่ภายหลังไปสองก้าวทันที ออกจากอกของกู้จุนเฟิง ใบหน้ามองไปที่โจ่วซินที่หน้าประตูอย่างสับสน รู้สึกใจฝ่อ ไปถึงกลัว
หรือพะว้าพะวังว่าเธอจะเป็นภรรยาของกู้จุนเฟิง?
โจ่วซินเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าโกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยไปริษยา
“หญิงสำส่อน!!หน้าไม่อายจริง!”
“โจ่วซิน!เธอช่วยพูดดีๆหน่อย!ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนะ ว่าเธอไม่คู่ควรที่จะไปด่าเธอแบบนี้!”กู้จุนเฟิงหน้าขรึม เสียงต่ำมีอำนาจ
“นายยังกล้าช่วยเธออีกเหรอ?เธอมันก็แค่เมียน้อย!หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป?”โจ่วซินตาแดงฉานด่าอย่างไม่สนใจใคร เดินไปตรงหน้าหลินเวยมี่ “คนสำส่อน!เธออย่าคิดว่าฉันทนเธอได้ทุกครั้งนะ!”
“คุณผู้หญิงโจ่ว ฉันกับเสี่ยวจื๋อ……”
“เปี๊ยะ”
หลินเวยมี่ยังไม่ทันพูดจบ หน้าก็ถูกตบหันไปอีกข้าง ไม่ช้าหน้าขาวก็บวมแดงขึ้นมา เจ็บแสบ
“ยัยสำส่อน ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ!ฉันตบเธอมันยังเบาไป ถ้าเธอยังกล้ามายั่วแหย่สามีฉันอีกก็ลองดู!”โจ่วซินตะโกนด้วยความโกรธ
“เสี่ยวชี เธอเป็นยังไงบ้าง?”กู้จุนเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่าโจ่วซินจะกล้าลงมือจริงๆ รีบเดินไปที่ข้างๆหลินเวยมี่ จับเธอมาป้องกันไว้ในอ้อมกอด
หลินเวยมี่ผลักกู้จุนเฟิงออก สายตาเย็นชามองไปที่โจ่วซินที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“คุณโจ่วซิน ตบครั้งนี้ฉันทนคุณได้ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะให้คนตบได้ทุกเวลา ตัวเองคุมสามีไม่อยู่ยังมาโทษคนอื่น?ฉันบอกคุณได้แค่ว่า——สมน้ำหน้า!”