รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 123
บทที่123 หนี
หลินเวยมี่หน้านิ่งแข็ง นึกถึงหยิ่งทันที เขาไม่อยากให้เธออยู่ข้างกายฉู่เฉินซมาตลอด อีกทั้งวันนี้แต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่ที่นั้น
เย็นเยือกในหัวใจทันที ถ้างั้นเรื่องที่เธอถูกจับมาหยิ่งต้องไม่บอกฉู่เฉินซีแน่ ตอนนี้เธอก็จำจนแล้วจริงๆสินะ
หายใจเข้าลึกๆ สีหน้ากังวล จากถ้ำเสือก็ตกลงมาในถ้ำหมาป่า
“เฉินเห้าหมิง เรามาทำข้อตกลงกัน ”หลินเวยมี่หายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่ง
เฉินเห้าหมิงยิ้ม ยื่นมือใหญ่เข้ามา ยิ้มแล้วพูด “มี่มี่ ตอนนี้เธออยู่ในกำมือฉัน เธอเอาอะไรมายื่นข้อเสนกับฉัน?”
“เอาฉู่เฉินซีมาข่มฉันเหรอ?น่าเสียดายนะที่เขาไม่อยู่ที่นี่ ”
หลินเวยมี่ข่มความขยะแขยงในใจลง พูดนิ่งๆ “เฉินเห้าหมิง ฉันรู้ว่านายต้องการอะไร นายแค่ต้องการยืมฉันจัดการฉู่เฉินซี แต่ถ้าฉันไม่ร่วมมือ เขาก็จะแย่งฉันไปได้เหมือนกัน ”
“นายคิดว่าเข้าใจว่าฉันเคยนอนร่วมกับใครมาหรือไง?”
สีหน้าเธอเยาะเย้ย เหมือนกับกำลังเย้ยหยันเขา และเหมือนทั้งเยาะเย้ยตัวเอง “ในใจของฉู่เฉินซีฉันก็แค่สัตว์เลี้ยง นายจับฉันวางไว้ที่สูงเกินไปแล้ว ”
“ดังนั้น?”เขาโน้มมา จับคางเธอแล้วปะทะสายตา “ความคิดเธอช่างตลก เธอคิดว่าจะควบคุมให้ฉันไม่ทำอะไรเธอได้งั้นเหรอ?”
หลินเวยมี่แววตามืดดำ เหมือนว่าคำพูดนี้ไม่เป็นผลกับเฉินเห้าหมิง
“เฉินเห้าหมิง นายจะเชื่อหรือไม่เชื่องั้นฉันจะตายต่อหน้านายให้ดู!”
เฉินเห้าหมิงยิ้มเยาะเธอ แล้วทับตัวเธอ “เธออยากตายยังไงล่ะ?”
เขามองจ้องเธอ ใบหน้าไร้รอยิ้ม ออกแรงฉีกกระชาก ให้เธอเปลือยต่อหน้าเขา
หลินเวยมี่กัดฟันแน่น หน้าซีด สายตากวาดรอบด้าน ไม่มีสิ่งใดรอบเธอที่สามารถใช้ได้
“เฉินเห้าหมิง!”เธอตะโกนเรียกชื่อเขา “อย่ามาแตะฉัน!”
เฉินเห้าหมิงก้มหน้า ค่อยๆโน้มลงที่ริมฝีปากเธอ ออกแรงขบอย่างแรง มีไฟสว่างประกาย เสียงแหบพูดขึ้น “แต่ฉันมีตอบสอนต่อเธอแล้ว ”
“เฉินเห้าหมิง!นายมันเลว!”เธอด่าด้วยความโกรธ รู้สึกถึงที่เขาถูระหว่างขาของเธอ สายตาเธอแคบแน่นลง
ความกลัวอย่างไม่สิ้นสุดค่อยๆเข้ามา หายใจเข้าลึกๆ ออกแรงเงยหน้า โขกลงลบหัวเขาอย่างแรง
ในหัวว่างเปล่าทันที รู้สึกว่าบนตัวไม่มีแรงกดทับแล้ว เธอจึงโล่งใจ
“ยัยเม่นน้อย!”
เฉินเห้าหมิงลูบหัว มองเธออย่างโกรธ ตอนนี้ เสียงเคาะจากนอกประตูก็ดังเข้ามา
“ใคร?”
“คุณเฉิน สายของคุณท่านครับ ”
เฉินเห้าหมิงขมวดคิ้ว หยิบเสื้ออย่างไม่พอใจ “เม่นน้อย อย่ารีบไปนะ อีกแปปเดียวเดี๋ยวฉันมา ”
หลินเวยมี่ได้ยินที่เขาพูดก็สั่นทั้งตัว สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เฉินเห้าหมิงออกไปแล้ว ไม่นานก็มีผู้หญิงเข้ามาจากด้านนอก หญิงสาวมองเธออย่างไร้อารมณ์ สายตาเย็นชามองไปที่รอยจ้ำบนตัว พูดอย่างเฉยเมย “คุณหลิน คุณเฉินสั่งให้ฉันมาอาบน้ำให้คุณค่ะ ”
“จะอบยังไงล่ะ?อาบทั้งที่มัดฉันอยู่เหรอ?”หลินเวยมี่ขมวมดิ้ว ถามอย่างไม่สบอารมณ์
หญิงสาวไม่พูดอะไร คลายเชื่อบนมือเธอ แล้วนำไปที่ห้องอาบน้ำ
หลินเวยมี่มองไปรอบด้านอย่างไว ที่นี่น่าจะเป็นที่พักของเฉินเห้าหมิง เหมือนว่าจะอยู่ที่ห้องนอนของเขา แต่จะออกไปยังไงดีนะ?
เธอค่อยๆเดินไปที่ห้องน้ำ สายตามองไปที่ผู้หญิงที่กำลังเปิดน้ำอยู่
เฉินเห้าหมิงเดินออกมาจากห้องสมุดใบหน้าเข้ม ไปที่ห้องนอน เวลานั้นก็เจอผู้หญิงที่ส่งไปให้หลินเวยมี่ เสียงเย็นชา “เธอกำลังอาบน้ำเหรอ?”
ผู้หญิงตรงหน้าก้มหน้า ตอบเสียงเบา
“มองแล้วมันจะตาย ก็ไสหัวไป!”เฉินเห้าหมิงด่าเธออย่างรำคาญ
เธอหดตัวลง รีบออกไปอย่างเร็ว เหมือนกลัวเฉินเห้าหมิงสุดขีด
เฉินเห้าหมิงผลักประตูเข้ามา ห้องน้ำมีเสียงน้ำไหล เขาหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอย่างเร็ว
“เม่นน้อย ดูสิจะเอาหนามเธอออกยังไงดี ”
เขาพูดอยู่ก็ปลักประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนเปลือยอยู่ในห้องน้ำ เขาหน้าสีเปลี่ยน รีบอุ้มเธอขึ้น
“มี่มี่ เธอเป็นอะไรไป?”
จับเธอพลิกตัวขึ้นมานั้นก็พบว่า คนในอ้อมกอดไม่ใช่หลินเวยมี่ แต่เป็นผู้หญิงคนที่ส่งมาอาบน้ำให้หลินเวยมี่
สีหน้าเขาตกใจ หลังจากนั้นก็ยกยิ้ม เม่นน้อยตัวนี้!กล้าลื่นเล่นใต้เปลือกตาเขา!
หลินเวยมี่ก้าวเร็วเดินออกไปจากคฤหาสน์ จนมองไม่เห็นใครค่อยโล่งใจ เหลือบตามองคฤหาสน์ด้วยความหวาดกลัว แล้วออกไปด้วยความเร็ว
จนนั่งลงบนรถนึกได้รู้ว่าตัวเองไม่มีเงินติดตัว
“คนขับรถ ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ?”
หลินเวยมี่มองที่ตระกูลหลิน ก็เจ็บแปลบในใจพักหนึ่ง เมื่อก่อนคิดว่าไม่ใช่บ้านแต่กลับสะเทือนใจเธอมาก ที่แท้คนก็แบบนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
“พี่ ช่วงนี้พี่ไปไหนมา?”หลินซินหยานตามหลังเธอมาแล้วถามอย่างระวัง
หลินเวยมี่ถอนหายใจ ไม่อยากเล่าเรื่องช่วงนี้ให้หลินซินหยานฟัง “อย่าถามเลย พี่ไม่อยากพูด เมื่อกี้ขอบคุณนะ ”
เมื่อกี้โทรหาเย่หนิงไม่ติด ดีที่โทรหาหลินซินหยานติด ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ว่าควรไปไปที่ไหน
“อื้ม ฉันคิดถึงพี่มากนะ นึกว่าพี่จะไม่ต้องการฉันแล้ว ”หลินซินหยานมองแล้วตาแดงมองเธอ
หลินเวยมี่ซึ้งใจ ความจริงแล้วครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ ยากที่จะดับสูญ
“ไม่หรอก พี่แค่มีปัญหานิดหน่อย ซินหยาน เธอให้พี่ยืมเงินหน่อยได้ไหม?พี่กลับบ้านไม่ได้ ”ถ้าเธอกลับบ้านตอนนี้ ไม่แน่คนของเฉินเห้าหมิงอาจจะอยู่ที่นั่น
“ฉันมีติดตัวอยู่ ”หลินซินหยานพูดอยู่ก็ยัดเงินทั้งหมดที่มีใส่มือเธอ
หลินเวยมี่มองเธออย่างลึกซึ้ง สายตาเจ็บแปลบ “ซินหยาน ขอบคุณนะ ”
หลินเวยมี่หาโรงแรมเล็กๆพัก แค่โรงแรมนี้ดูไปไม่ค่อยปลอดภัย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
เพื่อนเธอก็มีแค่เย่หนิงคนเดียว แต่เย่หนิงน่าจะยุ่ง ไม่งั้นไม่มีทางไม่รับสายเธอหรอก แต่ฉู่เฉินซีก็รู้จักเย่หนิง
แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าตกลงแล้วหยิ่งบอกเรื่องที่เธอหายตัวไปให้ฉู่เฉินซีรู้หรือเปล่า
แต่นี่คือโอกาสหนีที่ดีที่สุด เธอถูกฉู่เฉินซีจับไปไม่ได้อีก
อยู่ที่โรงแรมเล็กนี้ไปสามวัน เบอร์ของเย่หนิงก็โทรติด
หลินเวยมี่ซื้อหมวกบังแดด ใส่แว่นและแมส ใส่กระโปรงลายดอกไม้ รีบออกจากประตู
การแต่งกายแบบนี้ ไม่น่ามีใครจำได้?
เธอเดินไปตลอดทางอย่างกังวล กลัวว่าคนที่รอเธออยู่จะไม่ใช่เย่หนิง แต่เป็นฉู่เฉินซีไม่ก็เฉินเห้าหมิง
ถึงบ้านเย่หนิง เธอใช้เวลานานมากกับการกดออด
ไม่นานประตูก็เปิด เย่หนิงมองคนที่อยู่นอกประตูก็ตกใจ ถามพึมพำ “คุณยาย คุณมาผิดห้องหรือเปล่าคะ?ฉันไม่รู้จักคุณนะคะ!”
หลินเวยมี่หน้าแข็งทื่อ กระแห้มไอ “คุณยายอะไรล่ะ!ฉันเอง!”
เย่หนิงถึงได้ตอบสนองกลับ รีบดึงเธอเข้าห้อง
“เธอใส่ชุดแบบนี้ทำบ้าอะไรเนี่ย?เป็นหนี้หรือไง?”เย่หนิงรินน้ำให้เธอ มองเธออยากขำก็เกรงใจ
“ช่วงนี้ไม่มีคนมาหาเธอใช่ไหม?”หลินเวยมี่กื่มแล้วก็รีบถาม
“ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ จะมีใครมาล่ะ แต่เธอกำลังจะแต่งงานกับโจ่วชิงช๋วนจริงเหรอ?”เย่หนิงถามซุบซิบ
น้ำที่หลินเวยมี่กำลังดื่มอยู่ก็ถูกแย่งไป มองเย่หนิงอย่างเขินอาย ตอนนี้ไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไง
“ความจริงแล้ว เรื่องนี้ เราสองคนโดนบังคับ ”
เย่หนิงมองเธอ ใช้มือตบไปที่ไหล่เธอ “ขนาดฉันเธอยังปิดบังเหรอ?เรื่องเธอสองคนมีปัญหาดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง อีกทั้งช่วงนี้โจ่วชิงช๋วนยังประกาศว่าพวกเธอรักกันดี ”
“รักกันดีอะไร ”หลินเวยมี่ส่ายหัว รู้สึกขายหน้ากับโจ่วชิงช๋วนในใจ เธอลากเขามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ หาเรื่องให้เขาเดือดร้อนตลอด
“ไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่?มี่มี่ แต่เอาจริง โจ่วชิงช๋วนก็ไม่เลวนะ ”เย่หนิงพยักหน้า “อีกอย่างเขาก็เป็นคนดี โดยเฉพาะกับเธอ หรือเธอสังเกตุไม่เห็น?สายตาที่เขามองเธออย่างกับไอติม ไอติมละลาย ”
หลินเวยมี่ยิ้มมุมปาก จินตนาการไม่ถึงจริงๆ สายตาหับไอติมเชื่อมกันได้ขนาดนั้นเลย?
“เย่หนิง ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันเหนื่อย ขอนอนก่อน ”
หลินเวยมี่พูดอยู่ก็ล้มตัวลลงบนเตียงของเย่หนิง นอนหลับไปอย่างเงียบๆ
หลับครั้งนี้สบายเป็นพิเศษ ไม่มีภาระและแรงกดดันใดๆ จนเสียงเคาะประตูอย่างแรงทำให้ตื่น
“ใคร!มีออดไม่กดเคาะประตูอยู่ได้!ประสาท!”เย่หนิงตะโกนอย่างรำคาญ
“เย่หนิง!ไม่ว่าใครมา บอกว่าไม่เห็นฉันนะ รู้ไหม?”หลินเวยมี่ตะโกนอย่างไม่เป็นสุข ใจเต้นจนถึงกระเดือก ความรู้สึกบอกว่พวกเขามาแล้ว!
หายใจลึก รีบเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ฟังเสียงข้างนอกเงียบๆ
“ฮัลโหล ฮัลโหล พวกคุณทำไรอยู่?บ้านส่วนตัว?ผมต้องการบอกพวกคุณ!”
“เธอล่ะ?”
หลังจากความวุ่นวาย เสียงเข้มจากด้านนอกก็ดังขึ้น ในเสียงก็มีเสียงความเหนื่อยล้า
หลินเวยมี่ใจเต้นเป็นสองจังหวะ คือฉู่เฉินซี!ทำไมเขาถึงมาไวขนาดนี้!
เงียบอยู่ในตู้เสื้อผ้า เธอรู้สึกถึงได้แค่จังหวะเต้นของหัวใจตัวเอง กระวนกระวายใจ กระตุ้นที่ต่อมประสาทของเธอ
“เธออะไร?คุณกำลังพูดถึงใคร?ที่นี่มีแค่ฉันคนเดียว คุณมาหาผิดคนหรือเปล่าคะ?”เย่หนิงตะโกนถามอย่างรำคาญ ฝ่ามือมีเหงื่อเต็มไปหมด ผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มผู้ชาย ไม่มีความเป็นไปได้
ฉู่เฉินซีกวาดสายตาทั่วโถงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็หยุดสายตาลงที่รองเท้าแตะสีแดงที่ข้างโต๊ะชา ยิ้มเย้ยชามุมปาก “เธอบอกว่าที่นี่มีเธอคนเดียว?”
เขาถามกลับและกวาดสายตาดุดันไปมองที่เธอ ออร่าทรงพลังทำให้เย่หนิงอดไม่ได้ที่จะกลัว
“ฉัน ฉันใส่คนเดียวสองคู่ไม่ได้หรือไง?”
เขาร้องเสียงเย็นชา แล้วค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง กวาดสายตามองผ้าห่มที่ยับยู่ยี่ และหันสายตาไปมองที่ตู้เสื้อผ้า
เสียงเท้าหนักแน่นราวกับทุบลงบนหัวใจของหลินเวยมี่ กลั้นหายใจ เธอรู้สึกได้ว่าฉู่เฉินซีได้เดินมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แค่เปิดประตู ก็จับเธอได้เลย!