รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 127
บทที่ 127 ไม่ว่าใครก็ห้ามว่าเธอแม้แต่นิด
ในโรงพยาบาล หลินเวยมี่นอนด้วยสีหน้าซีดเซียว กู้จุนเฟิงปอกแอปเปิ้ลอยู่ด้านข้างอย่างระวัง ท่าทางไม่ชำนิชำนาญเห็นได้ชัดว่าเป็นครั้งแรกที่ปอก
” กินแอปเปิ้ลหน่อยไหม” เขายื่นแอปเปิ้ลส่งให้หลินเวยมี่
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว ไม่ได้ยื่นมือออกมารับ สีหน้านั้นหนักหน่วง” ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
“เสี่ยวชี ฉันขอโทษฉันไม่รู้ว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นความผิดของฉันเอง”กู้จุนเฟิงมองหลินเวยมี่ด้วยใบหน้าเห็นใจ เอาแอปเปิ้ลวางไว้อีกด้านนึง
” ฉันคิดไม่ถึงว่าฉันจะท้อง ทำไมถึงท้อง” เธอพูดงึมงำสีหน้าซีดเซียวในตาเหม่อลอยทั่วร่างทำให้คนรู้น่าสงสารแก่คนที่พบเห็น
“เสี่ยวชี ยังเจ็บอยู่ไหม” เขามองแผลที่ใบหน้าของเธอแล้วถามเสียงเบา
หลินเวยมี่ส่ายหน้า เอามือวางไว้ที่ท้อง เด็กนั้นยังอยู่เด็กนั้นแข็งแกร่งมากแม้ว่าจะได้รับการโจมตีที่หนักอย่างนี้แต่ว่าก็ไม่ได้หนีเธอไป
” เด็กคนนี้ฉันเอาไว้ไม่ได้” เธอถอนหายใจน้ำเสียงนั้นมีความเด็ดเดี่ยว
กู้จุนเฟิงมองเธออย่างลึกซึ้ง นัยน์ตาปรากฏความเสียใจ แล้วจับมือของเธอ”เสี่ยวชี เด็กคนนี้ไม่เป็นอะไรหรอก ต่อให้เด็กคนนี้อยู่ฉันก็จะพาเธอหนีไป”
” ฉันรู้แต่ว่าฉันไม่อนุญาต ถ้าเด็กนั้นยังอยู่ ไม่ว่าจะช้าจะเร็วก็ถูกปีศาจนั่นจับกลับไป พอถึงเวลานั้นอิสรภาพของฉันก็ไม่มีแล้วจริงๆ”
เธอกัดริมฝีปาก ใบหน้านั้นมีความหวาดกลัว ฉู่เฉินซี ยึดอำนาจอย่างดุเดือดขนาดนั้น ถ้าหากว่าเธอนั้นมีเด็ก ต่อให้เขานั้นจะไม่สนใจเธอแล้วเขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป
แต่ก็จะกักขังเธอตลอด ชีวิตอย่างนั้นน่ากลัวจริงๆ
คิ้วของกู้จุนเฟิงขมวดแน่น บนใบหน้ามีสีหน้าจนใจ แต่กลับไม่รู้ว่าควรที่จะหว่านล้อมเธอยังไง บางทีลึกๆในใจของเขาก็ไม่หวังให้เด็กคนนี้อยู่หรือเปล่า
แต่ว่าเขานั้นได้เห็นเสี่ยวชีได้รับบาดแผลครึ่งนึงแล้วก็ไม่หวังให้อนาคตเธอมีสีหน้าเสียใจ
ปรับตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสองวัน หลินเวยมี่นั้นถือกระดาษแล้วเข้าแถวอยู่เงียบๆ สายตาของเธอนั้นจ้องมองอยู่บนใบทำแท้ง มือนั้นก็สั่น
มันเป็นชีวิตหนึ่ง อีกทั้งชีวิตนั้นเธอก็ได้เป็นคนให้ แล้วก็จะถูกเธอฆ่าด้วยน้ำมือของเธอเอง
ถอนหายใจเข้าลึกลึก เพื่อคลี่คลายอารมณ์ที่กดดันอยู่ภายใน
“หมายเลข 18 หลินเวยมี่”
พยาบาลนั้นเปิดประตูห้องผ่าตัดออกมาตะโกน หลินเวยมี่ชะงัก ค่อยๆเดินไปที่ห้องผ่าตัดอย่างช้าๆ รู้สึกว่าฝีเท้าหนักหน่วง สุดท้ายนั้นเธอยังคงเปิดประตูห้องผ่าตัดออก
กู้จุนเฟิงวิ่งไปที่ห้องทำแท้งอย่างลนลาน เขานั้นคิดไม่ถึงว่าหลินเวยมี่นั้นจะไม่เอาเด็กในท้องแล้วจริงๆ จะว่าไปก็เป็นชีวิตน้อยๆชีวิตหนึ่ง
“เสี่ยวชี!” เขาเห็นผู้หญิงที่นั่งเก้าอี้พลาสติก ก็รีบวิ่งไปเอาเธอมากอดไว้ในอ้อมกอด
ทั่วร่างของหลินเวยมี่นั้นอยู่ที่หน้าอกของเขาแล้วร้องไห้ออกมา แล้วจิกที่เสื้อผ้าของเขาอย่างแน่นไม่ปล่อยมือ
กู้จุนเฟิงมองใบหน้าน้อยๆของเธอนัยน์ตานั้นเผยให้เห็นความปวดใจแล้วตบไหล่เธอเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะเสี่ยวชี ไม่เป็นอะไรแล้วฉันจะอยู่ เป็นเพื่อนข้างๆเธอเอง”
หลินเวยมี่ร้องไห้ เหมือนกับว่าจะเอาน้ำตาทั้งหมดนั้นร้องออกมาให้หมด
กู้จุนเฟิงไม่มีทางอื่นเลยทำได้แค่ประคองเธอแล้วกลับไปยังห้องผู้ป่วย
ประตูห้องผู้ป่วยได้ถูกเปิดออก ในห้องผู้ป่วยนั้นมีคนยืนอยู่ 2 คนคือโจ่วซินกับโจ่วชิงช๋วน
โจ่วซินเห็นกู้จุนเฟิงประคองหลินเวยมี่ สีหน้าก็เปลี่ยนทันใด กัดฟันด่าขึ้นว่า” นังตัวดีแกยังไม่ตายอีกหรอ”
ใบหน้าของหลินเวยมี่นั้นซีดเซียวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลับตาแล้วเอาหัวซุกอยู่ในอ้อมกอดของกู้จุนเฟิง มีเพียงแค่ท่าทางอย่างนี้ถึงจะยั่วยุนิสัยของโจ่วซินได้
กู้จุนเฟิงขมวดคิ้วมองโจ่วซินอย่างไม่สบอารมณ์”โจ่วซิน ฉันรู้จักเธอมาตั้งหลายปีอย่างนี้ แต่ทำไมรู้สึกว่าจนกระทั่งตอนนี้เพิ่งรู้จักตัวตนของเธอ”
สีหน้าโจ่วซินซีดขาว ทันใดก็ให้เปลี่ยนเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ”จุนเฟิง…”
“พี่ พวกพี่ออกไปคุยกัน เดี๋ยวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนมี่มี่เอง”โจ่วชิง ช๋วนโบกมือให้พวกเขานั้นออกไปอย่างรู้สึกจนใจ
กู้จุนเฟิงเอาหลินเวยมี่มาไว้ที่เตียงอย่างระวัง เอ่ยปากพูดเสียงเบาว่า”เสี่ยวชี เดี๋ยวฉันกลับมานะ”
หลินเวยมี่พยักหน้าแล้วมองไปที่โจ่วซิน มุมปากของเธอค่อยๆยกขึ้นเหมือนกับว่าหัวเราะเยาะเย้ยในการกระทำที่โง่เขลาของโจ่วซิน
” นังตัวดีถ้าแกยังยิ้มอีกฉันจะฉีกปากของแก”
คำพูดของโจ่วซินนั้น ทำให้ผู้ชายทั้งสองคนที่อยู่ในห้องขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“โจ่วซินออกมากับฉัน”
ข้างนอกห้องผู้ป่วยนั้นกู้จุนเฟิงจุดบุหรี่ หรี่ตามองออกไปแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเมินเฉยว่า”โจ่วซิน ฉันรู้สึกว่าพวกเรานั้นเข้ากันไม่ได้ รอให้ผ่านไปสักพักฉันจะร่างใบหย่าให้เรียบร้อย”
ร่างและสีหน้าของโจ่วซินนั้นมองกู้จุนเฟิงอย่างแข็งทื่อ ถามอย่างไม่อยากเชื่อว่า” เธอจะหย่ากับฉันหรอ”
กู้จุนเฟิงสูบบุหรี่และไม่ได้ตอบออกมาแต่ว่าท่าทางของเขานั้นก็พิสูจน์ได้ชัดเจนแล้ว
โจ่วซิน หายใจเข้าลึกๆที่หางตานั้นมีน้ำตาออกมาแล้วถามด้วยความโกรธว่า”กู้จุนเฟิง ทำไมเธอถึงต้องการหย่ากับฉันเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในห้องใช่ไหม”
” ฉันเคยบอกแล้วไงว่าไม่อนุญาตให้ว่าเขา” สีหน้าของกู้จุนเฟิงนั้นเปลี่ยนเป็นดำขลับและคว้ามือของเธอและพูดด้วยเสียงเยือกเย็น
ในตาของโจ่วซินมีความเจ็บปวด ถอนหายใจแล้วถามขึ้นว่า”หลินเวยมี่ เป็นคนยังไงหรือว่าเธอ ยังเห็นไม่ชัดอีกหรอ เธอนั้นไม่ได้ใสสะอาดอีกแล้ว ไม่รู้ว่าถูกฉู่เฉินซีนอนด้วยกันมาเท่าไหร่ แบบนี้เธอยังต้องการอีกหรอ”
” จะว่าไปอีกอย่างเด็กที่อยู่ในท้องของมันนั้นน่าจะเป็นเด็กของฉู่เฉินซีหรือเปล่า? หรือว่าเธอยังอยากเป็นพ่อเลี้ยงราคาถูก”
“เพี๊ยะ”
เสียงตบได้ดังขึ้น สีหน้าของกู้จุนเฟิงมองโจ่วซินอย่างขรึม นัยน์ตานั้นมีความดูหมิ่น
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ว่าใครก็ห้ามว่าเขาแม้แต่นิด”
โจ่วซินหายใจเข้าลึกๆ พูดตะคอกว่า”ที่ฉันพูดมาเป็นความจริง มีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันพูด”
” ฉันจะร่างใบหย่าให้เสร็จ”กู้จุนเฟิงไม่อยากที่จะอยู่ใกล้กับ โจ่วซินอีกแล้ว เลยอยากที่จะผลักประตูเข้าไป ปลอกแขนเสื้อนั้นได้ถูกดึงไว้
“จุนเฟิง จุนเฟิง! เธอจะหย่ากับฉันจริงๆหรอ”โจ่วซินถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา” ฉันรักเธอมาตั้งหลายปีอย่างนี้ ก็สู้หลินเวยมี่ไม่ได้เลยหรอ”
“ในขณะเดียวกัน ฉันก็รักเขามาตั้งหลายปี พวกเรารู้จักกันมานานมากกว่าเธอ”กู้จุนเฟิงพูด
” แต่ว่ามันนั้นรักเธอไหม เธอรู้สึกว่ามันนั้นรักเธอหรอ จุนเฟิง อย่าทิ้งฉันไปให้ฉันได้อยู่ข้างกายเธอ ฉันไม่สนว่าเธอนั้นจะอยู่ด้วยกันกับมันหรือเปล่า เพียงแต่เธอไม่ทิ้งฉันไปจะได้ไหม อย่าหย่ากับฉันเลย”
” จะว่าไปการหย่านั้นก็ไม่ได้มีข้อดีให้กับเธอเลย ไม่มีการสนับสนุนของพ่อแม่ของฉันเธอคิดว่าธุรกิจของเธอนั้นยังคงไปต่อได้หรอ”
กู้จุนเฟิงฟังมาถึงตรงนี้สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู เลยเอาแขนของโจ่วซินสลัดทิ้ง”โจ่วซิน ฉันเกลียดคนที่ข่มขู่ฉันที่สุด”
โจ่วซินขดตัวลง รู้ตัวว่าจับหางเสือของกู้จุนเฟิงอยู่แล้วค่อยๆหายใจอยากที่จะพูดอะไรต่อ แต่เขากลับผลักประตูห้องผู้ป่วยเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่หวังอยากที่จะอยู่กับเธออีก เธอทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไม่มีแรง สายตานั้นมองพื้นอย่างเลื่อนลอย น้ำตาเหมือนไหลออกมาเหมือนสายน้ำ
เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอนั้นสู้หลินเวยมี่ไม่ได้ตรงไหน ทำไมกู้จุนเฟิงถึงได้เลือกเขา
หลินเวยมี่มองออกไปยังนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ามองอะไร แต่โจ่วชิงช๋วนนั่งอยู่อีกข้างนึงอย่างเงียบๆ กู้จุนเฟิงผลักประตูเข้ามา ทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาลง
โจ่วชิงช๋วนค่อยๆเงยหน้ามองกู้จุนเฟิงถามอย่างเมินเฉยว่า”พี่ ตกลงพี่วางแผนจะทำอะไร เมื่อวานพ่อก็ตัวร้อน”
นัยน์ตาของกู้จุนเฟิงนั้นดำขลับ มองหลินเวยมี่ปราดนึง เธอราวเหมือนกับว่าอยู่ในโลกของตัวเองตามลำพัง ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาพูดอะไร
“ไม่ได้วางแผนจะทำอะไร เพียงแค่อยากอยู่ด้วยกันกับคนที่ตัวเองรัก”
คำตอบของกู้จุนเฟิงนั้นทำให้สีหน้าของโจ่วชิงช๋วนนั้นแข็งทื่อ เขามองกู้จุนเฟิงอย่างลึกซึ้ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเขานั้นไม่ได้ล้อเล่นก็ถามต่อว่า” พี่เอาจริงหรอ”
” พี่เหมือนกำลังพูดเล่นหรือไง”กู้จุนเฟิงตอบ นัยน์ตาปรากฏความพอใจ
โจ่วชิงช๋วนเกาหัวอย่างกลัดกลุ้ม” แบบนี้จะไม่เหมาะหรือเปล่า อีกไม่กี่วันพี่ก็จะได้รับตำแหน่งแล้ว ถ้าพี่ยังล่าช้าอีก เกรงว่า……”
” นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่พี่ต้องการนั่นมันง่ายมาก คือได้อยู่กับคนที่พี่รักก็พอ” กู้จุนเฟิงพูดขัดคำพูดของเขา
โจ่วชิงช๋วนรู้ว่าไม่ว่าจะพูดหว่านล้อมยังไงก็ไม่ได้ช่วยทำให้อะไรมันดีขึ้นมา ก็เลยไม่พูดอะไรสายตาหันไปมองร่างของหลินเวยมี่
“มี่มี่ ขอให้พวกเธอมีความสุข”
ในคำพูดนี้แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดและความกลัดกลุ้ม แต่ในที่สุดเขาก็ยังพูดออกมาได้อย่างสงบ
หลังจากที่ทุกคนนั้นได้เดินออกไปหมดแล้ว กู้จุนเฟิงก็นั่งอยู่ข้างเตียง จับมือของเธอแน่นใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม”เสี่ยวชี ฉันไม่ได้เสแสร้งพูดออกมานะ ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฉันก็คือการได้อยู่ด้วยกันกับเธอ ต่อให้การใช้ชีวิตนั้นจะเงียบสงบ เพียงแค่พวกเราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว
หลินเวยมี่หันมามองเขา นัยน์ตาซาบซึ้ง” ฉันก็เหมือนกัน”
คนทั้งสองต่างมองกันและกันแล้วก็ยิ้มให้กัน ในหัวใจนั้นเป็นความรู้สึกที่มีความสุข
ในบ้านนั้นบรรยากาศเคร่งขรึม หยิ่งยืนตรงกลางสวน สีหน้ามองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างสงบ
ใบหน้าฉู่เฉินซีเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ใต้คางนั้นมีหนวดขึ้นมา ทั้งร่างนั้นผอมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่บนร่างกายนั้นก็ไม่ได้ดูสง่าเหมือนเมื่อก่อน
ทั้งร่างถูกความเหน็บหนาวปกคลุม มือถือปืนจ่อไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านตรงข้าม เอ่ยปากถามด้วยเสียงเฉยเมยว่า”หยิ่ง แกยังไม่พูดความจริงอีกหรอ”
หยิ่งมองเขาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ฉู่เฉินซีเป็นอย่างนี้ทำให้เขารู้สึกเห็นใจ แต่สำหรับเรื่องนั้นเขาไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
ผู้หญิงคนนั้นเป็นยาพิษ เพียงแค่เจ้านายของเขาได้ครอบครองสักนิดก็จะถึงแก่ชีวิต วิธีการของเขาอย่างนี้ก็เป็นการช่วยเจ้านาย ต่อให้ตายในมือของเจ้านายก็ไม่รู้สึกเสียดาย
“หยิ่ง นายไม่พูดจริงๆใช่ไหม” เขาเอ่ยปากถามด้วยเสียงเมินเฉย สายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นปืนนั้นจ่อไปที่เขา
” ฉันรู้สึกแปลกใจนักว่า ตกลงใครกันที่ให้ความกล้าหาญของนายให้นายทำอย่างนี้ นายคิดว่าฉันไม่กล้ายิงอย่างนั้นใช่ไหม”
ปั๊ง…
ฉู่เฉินซีเพิ่งพูดจบเสียงปืนก็ดังขึ้น
หยิ่งส่งเสียงอึก ทั่วร่างกายทรุดลงกับพื้น แล้วจับแขนตัวเองแน่น กัดฟันมองฉู่เฉินซีที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาไม่ปรากฏความกลัว
“หยิ่ง นายตามฉันมาตั้งหลายปี นิสัยของฉันนายยังเห็นไม่ชัดอีกหรอ ตอนที่ร่วมมือกับเฉินเห้าหมิงนายก็น่าจะคิดถึงจุดจบของวันนี้ ทางที่ดีนายขอร้องวิงวอนให้หลินเวยมี่ไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นแล้ว ฉันให้นายตายจริงๆ”
หยิ่งได้ฟังคำพูดของเขาสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว เดิมทีเขารู้ตั้งนานแล้ว…..