รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 132
บทที่ 132 ปล่อยเธอไป
ในห้องผู้ป่วยนั้นเงียบสงบ ที่ระเบียงหน้าต่างนั้นได้จัดวาง กระถางดอกไม้เล็กๆ และได้มีการเติมปุ๋ยเข้าไป
ฉู่เฉินซี นั่งลงอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบๆสีหน้านั้นหนักหน่วงคิ้วขมวด ผมหน้าม้าที่ยาวนั้น ก็บัง ลูกนัยน์ตาที่มีความสุขเศร้า
หลินเวยมี่ นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างสงบสีหน้านั้นเชียวไม่มีเลือดตาจ้องมองเพดาน
“มี่มี่ ขอโทษฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่า….”ฉู่เฉินซีเอ่ยปากพูดตำหนิตัวเอง ในเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หลินเวยมี่ ถอนหายใจออกคิดไม่ถึงจริงๆว่าเด็กคนนี้จะไม่อยู่แล้ว
ฉู่เฉินซี มองท่าทางของเธอในใจนั้นก็เจ็บแปลบมือนั้นกำแน่นเขาได้ทำอะไรลงไป!
หลินเวยมี่กลอกลูกตามองเพดานไปมา แล้วมองไปที่ฉู่เฉินซี มุมปากยิ้มด้วยความเจ็บปวด จริงๆแล้วระหว่างพวกเขานั้นมีปัญหาอยู่เยอะมากพวกเขานั้นไม่เข้ากันเลย
แต่เริ่มนั้นก็เป็นเพราะเรื่องธุรกิจถึงได้มาอยู่ด้วยกัน การเริ่มต้นอย่างนี้ยังจะคาดหวังตอนจบที่ดีได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้มันลิขิตไว้แล้วความรู้สึกไม่สามารถสื่อสารกันได้ แม้ว่าในหัวใจของเธอนั้นจะมีความรู้สึกอยากที่จะพึ่งพาหรือความเคยชินกับเขาอยู่ แต่ว่าฉู่เฉินซี ให้ความปลอดภัยแก่เธอไม่ได้เลย
“ฉู่เฉินซี ปล่อยฉันไปเถอะ”
ในเสียงนั้นเคยเห็นถึงความขอร้องวิงวอน ใบหน้าที่ซีดเซียวจ้องมองเขาเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร
ฉู่เฉินซีทั่วร่างแข็งทื่อ มุมปากมันยกขึ้นยิ้มในใจมันเจ็บปวด จะว่าไปเธอยังคงที่ไม่ปรารถนาจะอยู่ข้างกายของเขา
ยังคงมีความรู้สึกเกลียดเขาอยู่หรือเปล่า?
” แล้วถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ” เขาหรี่ตาจ้องมองเธอด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก มือที่กำแน่นนั้นกลับหมดกำลังอย่างเห็นได้ชัด
ก็เหมือนความรู้สึกที่ไร้กำลังต่อหลินเวยมี่ มักจะทำให้เขานั้นควบคุมไม่ได้เลย
ถึงตอนสุดท้ายคนที่ขาดความควบคุมนั้นก็มักจะเป็นเขา ความเป็นหนึ่งเดียวของเธอนั้น ทำให้สัมผัสถึงหัวใจของเขาทั้งหมดแต่ว่า ในตอนนี้เธอขอร้องเขาให้นั้นปล่อยเธอไป
คำพูดนี้เขานั้นได้ยินมาหลายรอบ แต่ว่าทุกครั้งเขาก็จะไม่เห็นด้วยแต่ว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกเหนื่อยแล้ว
” สำหรับเธอ มีฉันไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแผลที่อยู่บนร่างกายของเธอนั้นก็มากเพียงพอแล้วอีกอย่างเธอก็ให้ในสิ่งที่ฉันต้องการไม่ได้” เธอก้มสายตาแล้วกัดฟันพูดหลังจากที่พูดจบคำนี้ในใจนั้นก็เจ็บปวด
” เธออยากได้อะไร” เขาสาวเท้าเดินมาที่หน้าของเธอในตานั้นปรากฏความจนใจตกลงว่าเธออยากได้อะไร เขานั้นให้เธอได้ทุกอย่างแล้ว
เพื่อเธอนั้นเขาพยายามที่จะระงับอารมณ์ นิสัยแย่ๆ
แต่ว่าเธอล่ะยอมเสียอะไรบ้าง เธอถอยหลังตลอดและทำให้เขาเจ็บทุกๆครั้ง รัศมีจะเข้าไปทุกๆครั้ง จะว่าไปแล้วเธอก็ยังคงไม่ได้รักเขา
พอคิดมาถึงจุดนี้ ฉู่เฉินซียิ้มอย่างขื่นขม นั่งลงตรงหน้าเธอยังเหี่ยว ความรู้สึกไม่มีกำลังได้ถาโถมเข้ามาทั่วร่างกาย
” ความรู้สึกปลอดภัยเธอให้ฉันไม่ได้ฉันแค่ต้องการชีวิตที่เรียบง่าย” เธอพยายามกัดฟันพูดทุกคำให้จบ
ทั่วร่างฉู่เฉินซี เยือกเย็น เธอนั้นต้องการความรู้สึกปลอดภัย ทำไมเขาจะไม่มีความรู้สึกปลอดภัย เขารักเธอเอาอกเอาใจเธอหรือว่ามันยังไม่พออีกหรอ
” ชีวิตที่เรียบง่าย อยู่ด้วยกันกับฉันลิขิตไว้ว่ามันไม่เรียบง่าย เธอต้องการอยู่ด้วยกันกับฉันตลอดไปหรอให้ฉันแต่งงานกับเธอ?” พูดมาถึงตอนสุดท้ายขนาดฉู่เฉินซีเอง ยังชะงักเพราะเขาไม่มีความคิดที่อยากจะแต่งงานเลยจริงๆ
ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตามเขานั้น จะไม่คิดถึงเรื่องแต่งงานก่อน จะว่าไปทางตระกูลของเขาก็คงไม่อนุญาตให้เขาแต่งงานแบบขอไปที ประเด็นสำคัญก็คือเขา ไม่เคยคิดว่าเจ้าสาวนั้นจะเป็นหลินเวยมี่
” เธอจะขอฉันแต่งงานไหม”
” ไม่”
เขาตอบอย่างแน่ชัดถึงขนาดไม่มีความลังเลใดๆ
” ฉันชอบเธอรักเธอ แต่ไม่อยากจะแต่งงานกับเธอ ตระกูลของฉัน….”
” อย่าพูดเลยฉู่เฉินซี พวกเรามันอยู่คนละโลกกัน” เธอมองเขาอย่างงอยไม่ใช่เรื่องที่จะแต่งหรือไม่แต่งงานแต่เป็นความคิดดั้งเดิมที่สุดของคนสองคนที่จะอยู่ด้วยกัน
ถ้าเขานั้นต้องการจะทำเป็นเล่นแน่นอนว่าจะไม่คิดถึงเรื่องแต่งงาน ดังนั้นความคิดของเขาก็ยังคงแค่อยากจะพิชิตใจเธอ นี่เป็นความรู้สึกปลอดภัยที่ว่ามาทั้งหมดและเขานั้นกลับไม่ได้เตรียมอะไรเลย
จะว่าไปแล้วเธอก็ยังอยู่ในช่วงที่รักและหลง ที่แท้ก็ให้ค่าตัวเองสูงไป
เธอยิ้มเยาะตัวเอง สายตานั้นจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง” ปล่อยฉันไปเถอะ”
ยังคงเป็นคำที่ว่าให้ปล่อยเธอไป ฉู่เฉินซีมองเธออย่างกระวนกระวาย รู้ว่าเธอนั้นอยากที่จะไปขนาดนั้นเลยหรอ
” ได้แล้วแต่เธอเลย”
เขาแผ่นเสียงแล้วเดินออกไปเสียงปิดประตูดังปั้ง
หลินเวยมี่ มองประตูห้องอย่างตะลึง ในใจให้รู้สึกหดหู่ เธอนั้นไปจากฉู่เฉินซีจริงๆแล้ว เขานั้นได้ปล่อยเธอไปแล้ว
แต่ว่าทำไมในใจรู้สึกหดหู่?
หลังจากที่อยู่ในโรงพยาบาลช่วงบ่ายแล้วหลินเวยมี่ก็โทรหา เย่หนิง ไม่นานเย่หนิงก็มา
“มี่มี่ เธอบอกมานะว่าเธอเป็นอะไรทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาล” พอเธอผลักประตูห้องมาก็รีบถามขึ้น
หล่นเวยมี่ ยิ้มไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรยิ้มโง่ๆให้เย่หนิง
เย่หนิง นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอมองเธอสีหน้าอย่างนี้ก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า” ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรไป เป็นไอทึ่มหรอ”
” เธอนั่นแหละไอ้ทึ่มเย่หนิง” มุมปากของเธอนั้นยกขึ้นจ้องมองเย่หนิง” หลังจากนี้ก็ไม่มีใครมาข้องเกี่ยวกับฉันแล้วฉันเป็นอิสระแล้วจริงๆ”
เย่หนิงมองเขาอย่างชะงักชั่วครู่ แล้วถึงจะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า” ทำไมฉันรู้สึกว่าอาการของเธอนั้นไม่ดีใจเลยล่ะแต่กลับเหมือนหดหู่ เหมือนหมาถูกทิ้ง”
รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของหลินเวยมี่นั้นแข็งทื่อ ไม่ได้พูดอะไรต่อมองเย่หนิงอย่างเงียบๆหางตาก็มีน้ำตาใสๆอยู่
ทั้งสองคนไม่ให้เสียเวลาก็ออกจากโรงพยาบาลเย่หนิงเอาหลินเวยมี่ มาส่งที่หน้าประตูบ้านมองเธออย่างใบหน้ากังวล”มี่มี่ เธออยู่กับฉันไม่ได้หรอทำไมถึงต้องกลับมาอยู่ที่นี่ น้าหรานของเธอแย่ขนาดนั้น”
” ที่นี่เป็นบ้านของฉัน” เธอพูดจบก็ลงรถโบกมือลาเย่หนิง” เธอกลับไปเถอะ”
หลินเวยมี่ มองบ้านที่คุ้นเคย ในใจนั้นก็มีความเศร้าโศกทะลักเข้ามา นี่เป็นที่ที่เคยอยู่มาหลายปี ยังคงมีความรู้สึกคิดถึงอยู่บ้าง
เปิดประตูออกมาข้างในนั้นเงียบสงบ มาที่เครื่องกดน้ำ แล้วกดน้ำดื่มจนหมด แล้วเดินขึ้นไปข้างบนอย่างค่อยๆ
เพิ่งจะเดินได้มาถึงครึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียง ในห้องชั้นบนที่ส่งเสียงไม่น่าฟังออกมา เธอขมวดคิ้วแล้วค่อยๆเดินขึ้นไป
เสียงนั้นดังขึ้นมาจากห้องเดิมที่หลินจ่านหงนั้นอยู่ ในตาของเธอนั้นก็ปรากฏความรำคาญแล้วสาวเท้าเดินเข้าไป
” พี่พี่กลับมาแล้วหรอ”หลินซินหราน ประตูมาเห็นเธอสีหน้าก็ดีใจ
” ถอยไป” เธอขมวดคิ้วด้วยความโกรธ” เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว”
หลินซินหรานนั้นก็ได้ยินเสียงที่อยู่ข้างในเหมือนกัน ใบหน้าน้อยๆนั้นแดงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าดูจากสีหน้าของเธอแล้ว ก็คงไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
หลินเวยมี่หายใจเข้าลึกๆ ยังคงเป็นตระกูลหยู่อยู่ อีกทั้งยังเป็นห้องนอนของหลินจ่านหง ฉู่หรานนั้นกำเริบเสิบสานเกินไป
“พี่ อย่าเข้าไป”หลินซินหรานมีสีหน้ากังวล จับมือของเธอแน่น
“ซินหราน ปล่อย”เธอพูดเสร็จก็สลัดมือของเธอแล้วผลักประตูเข้าไป
ในห้องรก เสื้อผ้านั้นวางกระจัดกระจายกับพื้น คนทั้งสอง แนบชิดติดกันกำลังฮึกเฮิม ถูกเธอทำให้ตกใจสีหน้าของคนทั้งสองนั้นก็มีสายตาหวาดกลัว
หลินเวยมี่ ไม่มองผู้ชายคนนั้นนาน ก็เดินมาข้างหน้าแล้วดึงแขนผู้ชายที่โป๊เปลือยแล้วลากเขาลงมา
เธอมองฉู่หรานด้วยสายตาที่เยือกเย็นและพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า”ฉู่หราน ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะคะ คุณจะไปยั่วยวนผู้ชายข้างนอกฉันก็ไม่สนแต่ว่าที่นี่เป็นห้องนอนของพ่อฉัน ถ้าหลังจากนี้คุณเอาผู้ชายมาบ้านอีกถ้าฉันเห็นฉันก็จะจัดการครั้งต่อครั้งเลย”
ฉู่หราน มองเธออย่างขวัญหนีดีฝ่อ ทิ้งช่วงไว้อยู่นานแล้วถึงได้สติ เบิ่งตามองแล้วพูดด่าว่า” แกคิดว่าแกเป็นใคร ออก ไปจากบ้านหลายวันอย่างนี้ใครจะไปรู้ว่าไปทำอะไร”
สายตาของหลินเวยมี่เยือกเย็น มองเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม” อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยพาผู้ชายเข้าบ้าน ถ้าเธอทนความสงบไม่ได้ ก็ออกไปหาผู้ชายข้างนอกไป ครั้งหน้าฉันก็คงไม่พูดจาดีอย่างนี้อีกแล้ว”
พูดจบเธอก็เดินสาวเท้าออกไปและเข้าไปในห้องของตัวเอง และทิ้งตัวอยู่บนเตียงใหญ่ ที่หางตาก็มีน้ำตาไหลออกมา
“ก๊อกๆ”
เสียงประตูข้างนอกดังขึ้น เธอนั้นรีบลุกขึ้นนั่งทันที” เข้ามาเถอะ”หลินซินหราน ค่อยๆเปิดประตูเข้ามา ในมือนั้นก็ถือถาดผลไม้” พี่อย่าโกรธไปเลยกินผลไม้ก่อน”
“ซินหราน พี่ไม่เป็นอะไร”หลินเวยมี่พูด จริงๆก็รู้เรื่องของฉู่หรานมานานแล้ว เพียงแต่ว่าคำนี้ได้มาเจอจะๆดังนั้นเธอเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
” พี่อย่าโทษแม่เลยจริงๆแล้วพ่อเสียชีวิตไปแม่ก็เสียใจเหมือนกัน”หลินซินหราน นั่งลงที่เก้าอี้ ใบหน้าโศกเศร้า
” พี่ไม่พูดแล้ว” ตอนนี้เพียงแค่เธอคิดถึงชื่อนี้ก็รู้สึกละอายใจ
“พี่ ครั้งก่อนหลังจากที่ตามหาหนู น้าก็มาที่นี่ครั้งหนึ่ง”หลินซินหราน ก้มหน้าพูด น้ำเสียงไม่เห็นถึงอารมณ์หวั่นไหวหรือมีการเสาะหา
สีหน้าของหลินเวยมี่แข็งทื่อ แสร้งทำเป็นไม่ถือสาและพูดว่า” น้ามาที่นี่ทำไม”
” ไม่รู้ดูเหมือนว่าจะมาหาพี่”หลินซินหราน เงยหน้าขึ้นมองเธอ” เขาถามแค่ว่าพี่ได้กลับมาหรือเปล่าหลังจากนั้นก็กลับไป”
สายตาของหลินเวยมี่รัดแน่น เม้มปาก เหมือนไม่อยากพูดอะไรต่อ
หลินซินหราน เห็นอาการของเธออย่างนี้ก็ไม่กล้าซักไซ้คนทั้งสองนั่งลงบนเตียงอย่างเงียบๆไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
ประตูนั้นได้ถูกผลักออกอย่างแรง ฉู่หรานใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาอย่างโกรธๆ
” ฉันจะบอกอะไรแกให้เรื่องของฉัน แกไม่ต้องมาสนใจ”
” แม่ แม่จะทำอะไร”หลินซินหรานนั้นขวางฉู่หราน แล้วถามอย่างรีบร้อน
หลินเวยมี่มองฉู่หรานที่ใบหน้าโกรธอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า มุมปากยิ้มเยาะเย้ย”ฉู่หราน คุณเอาให้ชัดนะว่าบ้านหลังนี้เป็นนามสกุลของใคร”
“หึ จะนามสกุลใคร เธอก็ไม่มีสิทธิ์มา สาระแนเรื่องของฉัน แต่ก่อนแกมีพ่อคุ้มครอง แกเลยทำท่าองอาจตอนนี้พ่อแกไม่อยู่แล้ว ฉันก็จะดูซิว่าแกองอาจได้เท่าไหร่”
มุมปากของหลินเวยมี่ยกขึ้น คนที่วางอำนาจบาตรใหญ่ตกลงว่าเป็นใครกันแน่
“ฉู่หราน ตระกูลหยู่ของพวกเราไม่ได้มีพื้นที่ไว้ให้คุณ ถ้าคุณไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อก็ออกไปได้ทุกเมื่อ”