รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 135
บทที่ 135 เวยมี่ แต่งงานกับฉัน
กู้จุนเฟิงเงียบๆ ไม่พูดอะไร ถ้าจะให้เลือกระหว่างกุญแจกับหลินเวยมี่ เขาจะเลือกหลินเวยมี่โดยที่ไม่ลังเล แต่ตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก
“เธอคอยสังเกตให้หน่อยก็พอแล้ว”
หลินเวยมี่มองไปทางเขาและแอบสงสัยว่า กุญแจนั้นมีประโยชน์อะไร ตอนนั้นหลินจ่านหงบอกว่าจะมีคนมาหาเธอเอง แล้วคนคนนั้นคือใคร?
เดินอยู่บนทางเดิน ในใจคิดถึงเรื่องอะไรไม่รู้ ชีวิตเหมือนเป็นตาข่ายที่พันเป็นม้วนที่กำลังทรมานเธออยู่
เธอหาทางออกไม่เจอ สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือปล่อยตามธรรมชาติ
หน้าบ้านของเธอมีผู้ชายที่ใส่เสื้อสูทสีขาวยืนอยู่ ผู้ชายคนนั้นดูโดดเด่นมาก มีผมเป็นสีแดง บนใบหน้าที่ดูสดใสเต็มไปด้วยรอยยิ้มสายตาที่อ่อนโยนมองมาทางเธอ
รอบๆ เขาเริ่มมีผู้หญิงล้อมรอบ กรี๊ดเสียงดังและถ่ายรูปแล้ว
หลินเวยมี่ชักที่มุมปาก โจ่วชิงช๋วนคงจะเวอร์วังเกินไปละมั้ง? ทำให้หน้าบ้านเธอปิดมิดชิดไปหมด
ส่ายหัวเบาๆ แล้วก้มหน้าเดินเข้าไปในหมู่ผู้คนอยากจนหลบนี้เขา
เพิ่งเดินถึงครึ่งก็รู้สึกว่าคนรอบๆ เริ่มกระจาย เธอกำลังสงสัยอยู่ก็มีคนมาจับที่ข้อมือและข้างหูก็มีเสียงหัวเราะของโจ่วชิงช๋วนดังขึ้น
“อยากจะหนี?”
หลินเวยมี่มองไปรอบๆ แล้วดึงมือตัวเองกลับ เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก “โจ่วชิงช๋วน นายดูมีคนมาเยอะขนาดนี้นายจัดการเองเลย!”
โจ่วชิงช๋วน มองไปรอบๆ ดวงตามีแสงประกาย “ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ? ให้ทุกคนเห็นภาพที่พวกเราสวีทกันไง”
หลินเวยมี่จิกตาไปทางเขาและขู่เสียงเบาๆ ว่า “รักบ้านนายสิ! ฉันจะกลับบ้านแล้ว!”
มุมปากของโจ่วชิงช๋วนยิ้มกว้างกว่าเดิมและคนรอบๆ ก็เริ่มรู้แล้วว่าหลินเวยมี่คือคู่หมั้นของเขา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังกว่าเดิม
หลินเวยมี่มองดูสถานการณ์ที่เริ่มเสียการควบคุม เธอขมวดคิ้วแน่นและกระชากโจ่วชิงช๋วนเดินเข้าไปในวิลล่า จนกระทั่งปิดประตูเสร็จเธอถึงจะโล่งอก มองไปทางโจ่วชิงช๋วนด้วยสายตาที่ไม่พอใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปเทน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
“นายตั้งใจมาหาเรื่องใช่ไหม?” เธอไม่สนเลยว่าโจ่วชิงช๋วนจะยืนอยู่ที่ประตู ไปเทน้ำแล้วดื่มเอง
โจ่วชิงช๋วนไปนั่งข้างๆ เธอและแย่งแก้วน้ำที่เธอดื่มไปครึ่งหนึ่งมาดื่มต่อ จากนั้นก็พูดว่า “ก็ไม่ใช่อย่างงั้นได้ยินเย่หนิงพูดว่าเธอกลับมาแล้วก็เลยมาหาเธอ แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกคนมุงดูเยอะขนาดนี้”
“เฮ้ย นั่นคือน้ำที่ฉันเคยดื่ม!” หลินเวยมี่ชี้ไปทางแก้วที่อยู่ในมือเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ ดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับคนอื่นรู้สึกแปลกจริงๆ
“ฉันยังไม่แคร์เลยเธอจะแคร์อะไร?” เขายักคิ้ว ยิ้มอ่อนๆ แล้วพูด
หลินเวยมี่ เหลือกตาขาวให้เขา พิงอยู่ที่โซฟาและบ่นว่า “ใช่น่ะสิเธอยังไม่แคร์เลยที่ฉันเหมือนเป็นนกที่ถูกคนมุงดู ดื่มน้ำของฉันก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก”
โจ่วชิงช๋วนสีหน้าจริงจังทันที “เธอโกรธหรอ?”
“นายว่าล่ะ? ทำให้คนมาดูเยอะขนาดนี้ พรุ่งนี้คงจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกแล้ว!” หลินเวยมี่บ่น
โจ่วชิงช๋วนไม่ค่อยแคร์อะไรเยอะ ไปนวดที่คิ้วแล้วพูดว่า “เวยมี่ เธอไปจากฉู่เฉินซีแล้วหรอ?”
ม่านขอองเธอหดตัว ก้มหน้าลงสะบัดชายเสื้อ “ใช่น่ะสิ ฉันอิสระแล้ว”
“งั้นฉันก็จีบเธอได้อีกครั้งแล้วน่ะสิ? ดีจังเลย!” บนใบหน้าของโจ่วชิงช๋วนเต็มไปด้วยความดีใจ เวยมี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉู่เฉินซีแล้ว งั้นเขาก็มีโอกาสแล้วน่ะสิ
หลินเวยมี่ ยิ้มอย่างขมขื่นที่มุมปาก “การแถลงข่าวครั้งที่แล้วเป็นแค่แผนชั่วคราว ฉัน……”
“ชั่งเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร แต่เรื่องที่ฉันจะจีบเธอไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย” โจ่วชิงช๋วนพูดแทรก ยิ้มอ่อนแล้วพูด
หลินเวยมี่มองไปทางผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้พูดอะไรต่อ
ประตูถูกเปิด ฉู่หรานเดินเข้ามาและมองไปทางคนที่อยู่ในห้องโถง พูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชันว่า “ว้าว ที่แท้ก็เป็นเพราะว่า คนที่อยู่ด้านนอกถูกเธอหลอกล่อมานี่เอง!”
ฉู่หรานมองไปทางโจ่วชิงช๋วน มุมปากยิ้มกว้างกว่าเดิม “หลินเวยมี่ กลางวันแสกๆ เธอก็กล้าพามาผู้ชายเข้ามาในบ้านแล้วหรอ? เธอกล้ากว่าฉันจริงๆ เลย”
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไปทันที กำลังจะตอบโต้กลับก็ถูกโจ่วชิงช๋วนจับข้อมือไว้ บ่งบอกให้เธอไม่ต้องโมโห
“นี่คงจะเป็นน้าฉู่หรานมั้ง ผมคือคู่หมั้นของเวยมี่ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่คุณน้าได้พบผมใช่มั้ย? ก็ว่าทำไมถึงไม่รู้จักผมสีผิวของน้า ฉู่หราน ดีจังเลยเหมือนเป็น ผิวพรรณของสาวเลย”
คำพูดที่เต็มไปด้วยคำชมทำให้ฉู่หรานรู้สึกมีความสุขมาก ยิ่งชอบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไปใหญ่ “ผิวของฉันดีจริงๆ ฉันไม่ค่อยใช้เครื่องสำอาง”
“น้าฉู่หรานดูแล้วยังเป็นสาวอยู่เลย อายุประมาณ30ต้นๆ ใช่ไหมครับ?”
“พูดเก่งจริงๆ เลย รู้เรื่องกว่าอีเด็กนั่นมาก พรุ่งนี้คือวันเกิดฉันมาเช้าๆนะ” ฉู่หรานยิ้มแล้วไปตบที่ไหล่ของโจ่วชิงช๋วน จากนั้นก็ขึ้นห้องไป
หลินเวยมี่เหลือกตาขาวให้โจ่วชิงช๋วน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูถูกและพูดว่า “โถๆ หัวหน้าโจ่วชิงช๋วนชมคนเป็นด้วยหรอ?”
“คนแบบนี้จะแข็งด้วยไม่ได้” โจ่วชิงช๋วนถอนหายใจแล้วไปนั่งข้างเธอ “ถ้าเธอยิ่งแข็งก็จะแข็งทั้งสองคน เผลอๆ วันไหนเธอก็จะไปหลงกลแผนของผู้หญิงคนนั้นเข้า”
หลินเวยมี่แอบเบะปาก ที่โจ่วชิงช๋วนพูดก็ถูก เมื่อวานก็เกือบจะไปหลงกลแผนของผู้หญิงคนนั้นแล้วไม่ใช่หรอ?
“แต่ฉันเกลียดเธอคนนั้น” เธอส่ายหัว ทำแบบที่โจ่วชิงช๋วนพูดไม่ได้ ใส่หน้ากากแล้วไปชมคนที่ตัวเองเกลียดนั้นเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก
“เวยมี่จะเป็นคนซื่อใสแบบนี้ไม่ดีนะ” เขามองไปทางผู้หญิงที่ก้มหน้า จากนั้นยิ้มที่มุมปาก ตอนที่เธอเผลอไม่ระวังตัวก็รีบไปหอมที่แก้มของเธอ
“โจ่วชิงช๋วน!” หลินเวยมี่ถอยหลังมองไปทางเขาอย่างระแวง เอามือไปเช็ดที่แก้ม นี่เขากล้าหอมแก้มเธอหรอ!
“ทำไม? ฉันคือคู่หมั้นของเธอนะ!” บนใบหน้าเขามีแต่รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ฉันไปก่อนแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะคู่หมั้นของฉัน”
หลินเวยมี่จ้องมองไปที่เขาและเหอะเบาๆ เรียกว่าคู่หมั้นแปลกจริงๆ เลย เธอจะต้องไปคุยกับโจ่วชิงช๋วนให้รู้เรื่อง ไม่อย่างงั้นคนอื่นเข้าใจผิดก็แย่แล้ว
วันที่สองช่วงเช้า เธอได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากห้องโถง พอลงไปชั้นล่างก็พบว่าในห้องโถงมีฉู่หรานกับผู้หญิงที่อายุคล้ายครึ่งกันนั่งอยู่ หลายคน ที่ห้องโถงถูกตกแต่งเมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังมีเบียร์และเค้กวางอยู่
เธอชักที่มุมปาก นึกถึงคำพูดที่ฉู่หรานคุยกับโจ่วชิงช๋วนเมื่อวานว่าฉลองวันเกิด แต่เธอไม่มีความสนใจอะไรเลย ส่ายหัวแล้วกลับเข้าไปในห้อง
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
หลินเวยมี่วางหนังสือที่อยู่ในมือลง ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ใคร?”
“พี่ ฉันเอง หัวหน้าโจ่วชิงช๋วนมาแล้ว” เสียงของหลินซินหยานที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังดังมาจากนอกประตู
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว เธอไม่คิดที่จะลงไป แต่ถ้าโจ่วชิงช๋วนมาแล้วเธอไม่ลงไปก็จะไม่ดี
เปลี่ยนเสื้อผ้าและกระโปรงสีขาวเปิดประตูแล้วไป
ที่ห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ดีและลูกสาวผู้ดีที่ฉู่หรานคบหา
ที่ประตู มีผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสีแดงดึงเสื้อของฉู่หรานเบาๆ สายตามองไปทางบันได “คนนั้นหล่อคือหลินเวยมี่?”
หลินเวยมี่ มองไปทางบันได “ก็ใช่น่ะสิ”
ในคำพูดเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดวงตามองไปทางหลินเวยมี่ที่ใส่เสื้อขาว มือของฉู่หรานเริ่มกำแน่น วันนี้คือวันเกิดของเธอแต่หลินเวยมี่กลับใส่เสื้อสีขาวที่ไม่เป็นมงคล ตั้งใจชัดๆ !
ผู้หญิงที่ข้างๆ เห็นสีหน้าของฉู่หรานแปลกๆ ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“เวยมี่” โจ่วชิงช๋วนใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าธรรมดา ทรงผมไม่ได้ตั้งขึ้น ทำให้เขาดูสดใสและร่าเริง
เขาเงยหน้ามองไปทางผู้หญิงที่อยู่ทางบันได สายตาของเขายิ่งอยู่ยิ่งดุจเดือน
หลินเวยมี่เดินลงบันไดช้าๆ ไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาและพูดด้วยความไม่พอใจว่า “ทำไมไม่ไปหาฉันที่ห้อง?”
เธอไม่อยากมาในที่แบบนี้จริงๆ อีกอย่างแถมยังเป็นงานเลี้ยงที่ฉู่หรานจัดขึ้น เธอยิ่งไม่อยากมาไปใหญ่
“วันนี้คนอยู่ที่นี่เยอะขนาดนี้ ถ้าฉันไปหาเธอที่ห้องคนอื่นคงจะเอาไปเม้าท์ ถ้าเธอไม่สนเดี๋ยววันหลังฉันไปหาเธอที่ห้องแล้วกัน” โจ่วชิงช๋วนยิ้มกว้าง
“ฉันสน!” หลินเวยมี่ เหลือกตาขาวใส่เขา
โจ่วชิงช๋วนยิ้มบานกว่าเดิม ไปจับที่มือของเธอแล้วเดินไปที่โต๊ะกลางห้องและเอาเค้กสตอเบอรี่ให้เธอ
“ฉันได้ยินหลินซินหยานบอกว่าเธอยังไม่ได้กินข้าวเช้า”
หลินเวยมี่มองไปทางเค้กที่อยู่ในมือเขาแล้วยิ้มอ่อน “ขอบคุณนายมาก”
เธอมองไปทางเค้กที่อยู่ในมือ บนเค้กมีเชอรี่แดงๆ ลูกหนึ่ง สีสวยมาก เธอเอาเชอรี่ป้อนเข้าปาก ในปากก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเค้ก
“ที่จริงวันนี้ยังมีธุระที่ต้องทำ” โจ่วชิงช๋วนพูดอย่างลึกลับ
“เรื่องอะไร?” หลินเวยมี่มองไปทางเขางงๆ พอเห็นสีหน้าเขาก็รู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ทันใดนั้นโจ่วชิงช๋วนคุกเข่าขาข้างเดียวลงตรงหน้าเธอ ในมือมีแหวนเพชรจับอยู่
แขกที่อยู่ในบ้านเงียบไปหมด มองไปทางทั้งสองคน
หลินเวยมี่รีบมองไปรอบๆ และพูดเสียงเบาๆ ว่า “นายทำอะไร! รีบลุกขึ้นมา!”
“เวยมี่ ที่ฉันมาวันนี้เพื่อมาขอเธอแต่งงาน แต่งงานกับฉันนะ”
นัยน์ตาของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เธอไม่รู้ควรจะทำยังไงต่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่รอบๆ ดังเข้าไปในสมองของเธอ
“ตอบตกลงฉัน” หน้าของเขาดูจริงจังมาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลินเวยมี่มองไปทางเขา สมองของเธอโล่งไปหมด เรื่องมากะทันหันเกินไป เธอไหวตัวไม่ทัน
“ฉัน……”
“เวยมี่ เธอจะให้ฉันขายขี้หน้าต่อคนมากมายขนาดนี้หรอ?” โจ่วชิงช๋วนพูดเสียงเบาๆ ไม่รอให้เธอตอบตกลงก็เอาแหวนสวมเข้าไปในนิ้วของเธอ
จากนั้นเธอก็ถูกโจ่วชิงช๋วนดึงเข้าไปในอ้อมกอด เวลาเพียงไม่กี่นาที ระหว่างนี้หลินเวยมี่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
“เหอะ ฉันมาถูกเวลาจริงๆ ……”
เสียงอันเย็นชาดังขึ้น ทำให้หลินเวยมี่ตัวแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ เขามาที่นี่ได้ยังไง!