รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 176
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่176 เธอไม่สมควรได้เจอหล่อน
สิ่งที่คุณท่านฉู่โยนมาคือที่เขี่ยบุหรี่ เขาโยนมาโดนหน้าผากของหลินเวยมี่เสียก่อน เมื่อตกลงพื้นจึงไม่แตก หล่อนมองดูที่เขี่ยบุหรี่บนพื้นพลางยิ้มขึ้นด้วยความเยือกเย็น
“เวยมี่ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ท่านฉู่ เวยมี่เป็นแค่หญิงสาวตัวเล็ก คุณจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” ป่ายห้าวรีบประคองหล่อนขึ้นมา มองดูแผลที่เต็มไปด้วยเลือดสดบนหน้าผากของหล่อนด้วยความตื่นตกใจ
“ซวยแล้ว เลือดออกเยอะขนาดนี้ ฉันจะต้องอธิบายเฉินยังไงกัน”
หลินเวยมี่ยิ้มเย้ยจ้องไปที่เขา สิ่งที่เขาคิดอยู่ในตอนนี้คือจะอธิบายกับเฉินยังไง?
“ท่านฉู่ ขอพูดอะไรที่ฟังไม่เข้าหูหน่อยนะ คุณกับรั่วหรานเป็นอะไรกันเหรอคะ มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินแทนหล่อน? ฉันเป็นลูกสาวของเขา ฉันมีสิทธิ์เจอหล่อน” หลินเวยมี่พูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ
เลือดข้นเหนียวค่อยๆไหลลงมาจากหน้าผากของหล่อน ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วเริ่มซีดจนไม่มีสีมากขึ้น
ท่านฉู่หรี่ตาลง เหลือบมองหล่อน พูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ “หล่อนไม่มีทางเจอเธอ”
“หึ หล่อนไม่อยากเจอฉัน หรือคุณไม่ให้แม่ลูกได้เจอหน้ากันแน่?” หลินเวยมี่ยิ้มเย้ย จ้องมองคุณท่านเหล่า
สูดหายใจเข้าลึก พูดต่อ “คุณจะไม่อธิบายฉันสักคำหน่อยเหรอ ทำไมฉันถึงเจอหล่อนไม่ได้?”
สีหน้าท่านเหล่าเย็นชา เสมือนมีไอความเย็นแผ่ซ่านไปรอบตัว ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาเช่นนี้ หลินเวยมี่ช่างกล้าเหลือเกิน!
“เธอไม่เหมาะที่จะเจอหล่อน” คุณท่านฉู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
หลินเวยมี่ทำท่าทางเหนื่อยใจ หล่อนทำเรื่องอะไรที่ไร้เหตุผลขนาดนั้น ทำไมตัวเองถึงไม่มีสิทธิ์เจอแม่?
“ท่านฉู่ ขอเหตุผลให้ฉันสักข้อ ทำไมฉันไม่มีสิทธิ์เจอหล่อน? พ่อของฉันยังใช่หลินจ่านหงรึเปล่า?” หล่อนจ้องไปที่ท่านฉู่
ราวกับจะหาเบาะแสบางอย่างจากใบหน้าของเขาให้ได้ แต่เขากลับทำสีหน้าเย็นชาตลอด ไม่มีทีท่าเปลี่ยนสีหน้า
“นี่คงเป็นเหตุผลที่เธออยากเจอรั่วหรานสินะ?”
“ฉันอยากรู้” หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึก ทำสีหน้าจริงจัง
คุณท่านฉู่ยืนห่างออกไปเมตรกว่า หญิงสาวเลือดอาบหน้า รู้สึกสะเทือนใจ ก่อนหน้านี้เคยมีผู้หญิงที่เป็นแบบนี้เช่นกัน หล่อนโต้เถียงเขา ต่อปากต่อคำ โดยไม่ไว้หน้าเขาสักนิด
พวกหล่อนเหมือนกันมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือนิสัย
“หล่อนไม่มีทางบอกเธอ” ท่านฉู่เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้า
หลินเวยมี่เงยหน้ามองคุณท่านฉู่ สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขาอย่างแท้จริง เขาคงยังรักรั่วหรานอยู่ แต่คำพูดของเขาเหมือนกำลังสื่อว่าเขาไม่ใช่พ่อแท้ๆของหล่อนรึเปล่า?
หล่อนรู้สึกสบายใจขึ้นมา บางทีก่อนหน้านี้หล่อนอาจจะคิดมากไปก็เป็นได้ หล่อนจะเป็นลูกสาวของคุณท่านฉู่ได้อย่างไรกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นคงวุ่นวายมาก บางทีอาจเป็นได้ว่าฉู่หรานพูดกุเรื่องขึ้นมา
“คุณท่านฉู่ ไม่ว่ายังไงฉันจะเจอหล่อนให้ได้!” เมื่อพูดจบป่ายห้าวช่วยประครองหล่อนออกไปข้างนอก
บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ทำท่าทีราวกับไม่ยอมให้พวกเขาออกไป
“คุณท่านฉู่ นี่หมายความว่ายังไงกัน?” ป่ายห้าวทำขึ้นด้วยความแปลกใจ สายตาเป็นกังวล แผลบนหน้าผากของหลินเวยมี่ต้องรีบทำแผลใส่ยา แต่คุณท่านฉู่กลับไม่ให้พวกเขาออกไป
“พวกเธอห้ามไปไหน” คุณลุงผู้ดูแลบ้านที่ยืนอยู่ข้างคุณท่านฉู่พูดขึ้น
“คุณจะกักขังฉันเหรอ?” หลินเวยมี่ถามขึ้นพลางจ้องคุณท่านฉู่ตาเป็นเขม็ง
คุณท่านฉู่นั่งเงียบอยู่บนโซฟา ไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งสิ้น สงบเสงี่ยม นิ่งเฉย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเธอไม่ควรปรากฏตัวอยู่ที่นี่” คุณท่านฉู่พูดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น สายตาของเขาทวีคูณความเหี้ยมมากขึ้น
หลินเวยมี่สูดหายใจอันเยือกเย็นเข้าลึก หรือคุณท่านฉู่จะฆ่าหล่อน? จู่ๆก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว
“คุณท่านฉู่ หล่อนเป็นคนพิเศษสำหรับเฉินมาก ท่านทำแบบนี้ เฉินจะ…”
“ป่ายห้าว คุณชายเฉินเป็นลูกของคุณท่าน!” ลุงหลี่พูดแทรกขึ้นด้วยเสียงเย็นชา เขากำลังหมายความถึง แม้ว่าเฉินจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่ทีทางมีเรื่องกับคุณท่านฉู่ได้
“อารมณ์ของเฉินเป็นยังไงคุณไม่รู้งั้นเหรอ? คุณท่านฉู่…” ป่ายห้าวสีหน้าวิตกกังวล รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไปอย่างมาก รู้เช่นนี้ไม่เรียกหล่อนมาเสียดีกว่า
“ลากเขาออกไป!” ลุงหลี่พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา สายตาโหดเหี้ยม “พาเขาไปขัง”
“พวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้! เวยมี่…” ป่ายห้าวถูกบอดี้การ์ดลากออกไป ภายในห้องเหลือเพียงแค่พวกเขาสามคน
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึก สายตาเสียใจเศร้าหมอง ในหัวของหล่อนคิดถึงใบหน้าของฉู่เฉินซีแทบจะขาดใจ
คุณลุงหลี่หยิบปืนกระบอกเล็กขึ้นมาถืออย่างมืออาชีพ ค่อยๆเดินตรงไปที่หลินเวยมี่
หลินเวยมี่มองตรงไปที่คุณท่านฉู่ สายตาของหล่อนไม่มีท่าทีเกรงกลัวหรือร้องขอเลยสักนิด
หล่อนรู้สึกสับสนกระสับกระส่าย รู้สึกได้ว่าปืนของลุงหลี่จ่อตรงมาที่หัวของหล่อน แต่หล่อนกลับไม่กลัวเลยสักนิด เพียงแต่รู้สึกเสียใจ ฟ้าคงลิขิตให้หล่อนอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ไม่สมควรได้รับความรักจากใคร
ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยได้สัมผัสถึงความรักจากใคร สำหรับหล่อนแล้ว ความรักจากแม่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย หล่อนทั้งปรารถนาและเกลียดชัง ทำไมคนอื่นได้รับความรักจากแม่ แต่หล่อนกลับไม่มี
คิดว่าชีวิตคงต้องเป็นเช่นนี้ต่อไป แต่เมื่อหล่อนได้เจอฉู่เฉินซี คิดว่าได้รับความรักอย่างแท้จริง แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง
ดังนั้นรักกันมากแล้วยังไงล่ะ ไม่มีก็คือไม่มี
ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ รู้สึกตัวเบาจนแทบจะปลิวได้ หล่อนสั่นไปทั้งตัว ในความมึนงงนั้นเห็นปากของคุณท่านฉู่กำลังขยับ เสมือนกับกำลังพูดบางอย่างอยู่ แค่หล่อนกลับไม่ได้ยินอะไร มุมปากของหล่อนยิ้มเย้ยขึ้นมา จากนั้นหมดสติไป
“คุณท่าน หล่อนเป็นลมไปแล้ว” ลุงหลี่เงยหน้ามองไปที่คุณท่านฉู่ด้วยความฉงนใจ
“พาหล่อนออกไป” คุณท่านฉู่ถอนหายใจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันเศร้าโศกของหล่อนเมื่อครู่ ทำให้เขาถึงกับสั่นไปทั้งตัว เหมือนกับรั่วหรานในตอนนั้นไม่มีผิด ความรู้สึกสิ้นหวังเช่นนี้ ชาตินี้เขาคงไม่มีทางลืมลง
ห้องวีไอพีภายในผับ มีเงาของใครบางคนในความมืดกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ ประตูห้องถูกเปิดออก มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา
“คุณชายต้องการพบฉันหรอคะ” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและกล้าหาญ
ใบหน้าของฝ่ายชายอยู่ในความมืด เห็นเพียงแค่เงาเลือนรางของเขา ภายใต้แสงสีนวล ส่องสว่างให้เห็นถึงปากอันเรียวบางของเขาอย่างชัดเจน ที่ยิ้มเย้ยขึ้น
“เธอคงรู้ว่าฉันนัดเจอเธอเรื่องอะไร” น้ำเสียงแหบแห้งที่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหดดังขึ้น มือของเขากำลังถือไฟแชคเล่น แม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูผ่อนคลาย แต่น้ำเสียงของเขากลับดุดันยิ่งนัก
สีหน้าของฝ่ายหญิงเปลี่ยนไปทันที สายตาของหล่อนเบี่ยงไปมองอีกทาง ทำให้เห็นถึงความกระวนกระวายใจอย่างชัดเจน
“ไม่ทราบว่าคุณชายกำลังพูดถึงอะไรอยู่คะ”
“ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งั้นรึ?” ฝ่ายชายเอียงตัวมา จับคางของหล่อนไว้แน่นด้วยแรงมหาศาล ฝ่ายหญิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“คุณชาย…”
“นึกออกแล้วยังว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
“ทราบแล้วค่ะ” หญิงสาวรีบตอบกลับทันที สีหน้าของหล่อนซีดเซียวเป็นอย่างมาก
“เธอลืมเรื่องที่ฉันเคยเตือนเธอแล้วใช่ไหม?” ฝ่ายชายสูบบุหรี่จากนั้นพ่นควันออกมารดบนใบหน้าหล่อน สายตาดุดัน
“ฉันแค่บังเอิญเจอหลินเวยมี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปหาหล่อน” หญิงสาวก้มหน้าลง สีหน้ากระวนกระวาย
“หลินซินหยาน เธอคิดว่ามีดเล่มนี้จะถูกกรีดบนใบหน้าเธอบ้างไหม?”
หลินซินหยานรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที หดคอลงไปด้วยความกลัว จ้องไปที่มีดในมือของเขา ตกใจจนแทบจะหยุดหายใจ
“คุณชาย ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่หาเรื่องหลินเวยมี่อีก” หลินซินหยานตกใจจนหน้าซีด รีบพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
“ถ้าให้ดี หากมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นอีก เธอก็ควรที่จะระวังใบหน้าของเธอไว้” ฝ่ายชายพูดขึ้นพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง จัดเสื้อด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเดินออกไปจากความมืด
ใบหน้าอันหล่อเท่ห์ของเขาปรากฏชัด มุมปากเขายิ้มเย้ยขึ้น เดินออกไปจากห้องวีไอพี
รีบเดินออกไปจากผับอันน่ารำคาญใจ ในหัวของเขาคิดถึงแต่ใบหน้าของฝ่ายหญิง รอยยิ้มของเขาละมุนมากขึ้น ตอนนี้เขาอดทนรอเจอหล่อนไม่ไหวแล้ว
เมื่อเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง อ้านเย่จ้องมองเขาไม่หยุด พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “นายท่าน คุณหลินหายตัวไปครับ”
“ว่าไงนะ?” สีหน้าของฉู่เฉินซีตะลึงไปทันที พูดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น “หายตัวไปเมื่อไหร่?”
“หลังจากที่คุณไปส่งหล่อนที่บ้านตอนบ่ายไม่นานนักหล่อนก็ออก
ไป” อ้านเย่พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม “คนใช้ในบ้านคิดว่าหล่อนออกไปเพราะมีธุระ แต่จนถึงตอนนี้หล่อนก็ยังไม่กลับมา พวกเขาจึงเพิ่งบอกผมครับ”
ฉู่เฉินซีนั่งอยู่บนที่นั่งด้วยสีหน้าตึงเครียด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ไม่นานนัก ดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรออก จากนั้นรีบพูดขึ้น “โทรหาป่ายห้าว”
อ้านเย่ไม่รอช้า รีบกดเบอร์โทรออกทันที “นายท่าน เขาปิดเครื่องครับ”
ฉู่เฉินซีหรี่ตาลง เก็บความร้อนใจไว้ พูดขึ้นด้วยความเย็นชา “ไปคฤหาสน์”
อ้านเย่มองฉู่เฉินซีด้วยสีหน้าตกใจตะลึง พูดขึ้นเบาๆ “ความหมายของท่านคือคุณท่าน…”
ฉู่เฉินซีสบตามอง อ้านเย่ไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบขับรถตรงไปที่คฤหาสน์ทันที
รถค่อยๆแล่นเข้าไปในคฤหาสน์ บรรยากาศทั้งสองฝั่งของคฤหาสน์เต็มไปด้วยต้นไม้ ใบไม้ค่อยๆปลิวหล่นลงมา รั้วกั้นถูกเปิดออก รถของเขาค่อยๆขับเข้าไป
มีบอดี้การ์ดสองคนเฝ้าอยู่หน้าประตู ฉู่เฉินซีลงจากรถ สายตากวาดมองไปรอบๆอย่างเยือกเย็นจนสัมผัสได้ว่าในที่ลับยังมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่
ยามค่ำคืนทำให้เฉินรู้สึกหนาว เขาติดกระดุมเสื้อแน่น รีบเดินเข้าไป
คฤหาสน์ทั้งใหญ่และเย็นมาก ด้านในเปิดไฟแสงสลัว ภายในห้องรับแขกมีแค่หนึ่งคน
เมื่อคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้า เขารีบหันหน้ามาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่เฉินซี รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที
“เฉิน ทำไมมาหาน้าหรานดึกขนาดนี้?”
ฉู่เฉินซีมองดูหญิงสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็น สูดหายใจเข้าลึก แม้ว่าหล่อนจะสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังคงเห็นได้ถึงความสวยของหล่อนครั้นเยาว์วัย หน้าตาของหล่อนมีความคล้ายกับหลินเวยมี่ยิ่งนัก
“น้าหราน ช่วงนี้พ่อมาที่นี่บ้างไหม?”
“พ่อนายมาเมื่อสองวันที่แล้ว วันนี้บอกว่าติดธุระ ก็เลยออกไปข้างนอก จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย” สายตาของรั่วหราน บ่งบอกถึงความเหนื่อยใจ “หรืออาจจะกลับไปแล้วก็เป็นได้”
“น้ารอพ่ออยู่เหรอ?” ฉู่เฉินซีคุกเข่าอยู่ด้านหน้าหล่อน มองหล่อนเหมือนเด็กที่ยังไม่โต
รั่วหรานไม่พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มเจื่อน “ไม่เชิงว่ารอเขา ฉันเพียงแค่นอนดึกจนชินแล้ว”
ฉู่เฉินซีมองรั่วหรานด้วยสายตาลึกซึ้ง แฝงไปด้วยความรู้สึกเสียใจ เดิมทีรั่วหรานเป็นพี่น้องที่ดีกับแม่ของเขา ต่อมาแม่ของเขาจากไป รั่วหรานเป็นคนที่ดูแลเขามาโดยตลอด ดังนั้นฉู่เฉินซีจึงผูกพันกับรั่วหรานมาก เหมือนกับเป็นแม่แท้ๆ