รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 177
บทที่ 177 รอยยิ้มของฉันเป็นของเธอเท่านั้น
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องมาในห้องรับแขกที่เงียบสงบ ฉู่เฉินซีมองออกไปด้านนอก บรรยากาศอันเยือกเย็นของคฤหาสน์สะท้อนเข้ามาในตาของเขา ทำให้ยิ่งดูลึกลับมากขึ้น สถานที่แห่งนี้อยู่ไกลจากตัวเมืองมาก แต่ก็เงียบสงบมากเช่นกัน ถือเป็นที่ที่เหมาะกับการรักษาตัว
เขาใช้นิ้วสะบัดลงไปเบาๆ เขม่าบุหรี่ตกลงบนพื้น แสงอาทิตย์สะท้อนนัยน์ตาอันดุดันของเขา
นาฬิกาโบราณที่ตั้งอยู่กลางบ้านดังขึ้นบอกเวลาด้วยเสียงก้องกังวาล แต่เสียงนี้เองยิ่งทำให้เขารู้สึกปวดใจมากขึ้น ทั้งกังวลและไม่สบายใจ
เขานั่งขดตัวอยู่บนโซฟา รั่วหรานไปนอนพักผ่อนแล้ว ภายในห้องรับแขกจึงดูสงบมากขึ้น ไม่มีเสียงอะไรดังแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เขาเลิกคิ้วขึ้นพลางกดรับสาย
“นายท่าน สายเรียกเข้าสุดท้ายของคุณหลินเป็นเบอร์ของป่ายห้าวจริงด้วยครับ”
“เข้าใจแล้ว” เขาตัดสายทิ้ง รีบเดินออกไปข้างนอกทันที
เขาเปิดประตูห้องรับแขกออก ลมหนาวพัดเข้ามา ทำให้เขายิ่งรู้สึกหนาวเย็นมากขึ้น ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีแสงสีเหลืองนวลสาดส่องเข้ามา
เขาหรี่ตาลงมอง และปิดประตูอีกครั้ง จากนั้นกลับไปรอภายในห้องรับแขกเช่นเดิม
ไม่นานนัก ลุงหลี่รีบผลักประตูออก หลีกทางรออยู่ด้านข้าง คุณท่านฉู่เดินถือไม้เท้าเข้ามา สายตาสะดุดไปเห็นใครบางคนนั่งอยู่ที่โซฟาแต่ดูเหมือนไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากนัก ราวกับคาดเดาได้ว่าเขาต้องมา
“น้าหรานนอนแล้วเหรอ?” คุณท่านฉู่พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา สีหน้าอารมณ์ดูไม่เหมือนกำลังคุยกับลูกชายตัวเอง แต่กลับดูเหมือนกำลังคุยกับคนแปลกหน้า
ฉู่เฉินซีกำหมัดแน่น “น้าหรานรอพ่อนานมากแล้ว เพิ่งขึ้นไปด้านบนไม่นานนี่เอง”
“น้าหรานของลูกมีนิสัยยังไงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? หล่อนก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าฉันจะอยู่หรือไม่ หล่อนก็จะเฝ้ารอจนถึงดึกดื่น”
ฉู่เฉินซีก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาล่องลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พ่อ ทำไมพ่อถึงไม่ขอน้าหรานแต่งงาน?”
คุณท่านฉู่เงยหน้าขึ้นทันที สายตามองฉู่เฉินซีด้วยความดุดัน ความเยือกเย็นแผ่ซ่านไปหมดทั้งตัว ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากขอ”
ฉู่เฉินซีเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ หรือว่าน้าหรานไม่ยอมแต่งงานกับเขา? น้าหรานดูรักคุณท่านฉู่ขนาดนั้น ทำไมจะไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กับเขาตลอดไปล่ะ?
“ไม่ต้องถามแล้ว เรื่องพวกนี้นายไม่ควรถาม ฉันรู้ว่าครั้งนี้นายมาหาฉันทำไม” คุณท่านฉู่รับชาร้อนจากลุงหลี่ เม้มปากพูดขึ้น “ท่าทางหัวดื้อหัวรั้นของผู้หญิงคนนั้นช่างเหมือนรั่วหรานตอนเป็นวัยรุ่นเหลือเกิน”
“พ่อ หล่อนอยู่ที่ไหน?” ไม่ว่าฉู่เฉินซีจะเดือดเนื้อร้อนใจอยากรู้ว่าหล่อนอยู่ที่ใดมากแค่ไหนก็ไม่กล้าทำท่าทีไม่สบายใจออกมาให้เขาเห็น คุณท่านฉู่เป็นคนยังไง เขาเข้าใจดี ถ้าเขาทำตัวเป็นห่วงหลินเวยมี่มาก เกรงว่าจะเป็นผลร้ายต่อหล่อนมากกว่า
“นายเป็นห่วงหล่อนมากงั้นหรือ?” คุณท่านฉู่คาบซิกการ์ไว้ที่ปาก ลุงหลี่ช่วยจุดไฟให้ ถามขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามเข้าใกล้หล่อน”
ฉู่เฉินซีใจเต้นรัวขึ้นมาทันที ความหมายของคุณท่านฉู่คือไม่อยากให้เขากับหลินเวยมี่สนิทกันมากไปกว่านี้ แล้วคุณท่านฉู่ทำอะไรกับหล่อนกันแน่?
“เพียงเพราะหล่อนเป็นลูกสาวของน้าหราน?”
เสียงของฉู่เฉินซีดังขึ้นมาก น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวล จนลืมไปว่าที่นี่คือที่ไหน
สีหน้าของคุณท่านตึงเกร็งทันที จากนั้นรีบลุกขึ้นเดินปรี่ตรงไปตบหน้าของฉู่เฉินซีเข้าอย่างจัง เสียงตบดังขึ้น ฉู่เฉินซียังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้านิ่งเฉย ถามขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม “หล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่!”
“ไอ้ลูกเวร! อะไรควรพูดไม่ควรพูด นายลืมไปแล้วงั้นรึ?” คุณท่านฉู่สีหน้าเคร่งเครียด ตะโกนขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น “คุกเข่าลงไปเดี๋ยวนี้!”
“ผมอยากรู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน” เขายังคงยืนหยัดในจุดยืนของตน ไม่เกรงกลัวต่อความโกรธของท่านฉู่
“คุณชายฉู่ รีบคุกเข่าลงเถอะครับ” ลุงหลี่ช่วยพูด
“ปีกกล้าขาแข็งแล้วล่ะสิ! ไม่เชื่อฟังคำพูดของพ่อแล้ว?” เมื่อสีหน้าของคุณท่านฉู่เปลี่ยนไป ไม้เท้าของเขาก็ถูกโยนตามออกไป
ขณะที่ไม่เท้ากำลังจะหล่นใส่ กลับถูกหยุดอยู่กลางอากาศทันที ลุงหลี่มองท่านฉู่ด้วยสีหน้าลำบากใจ ในมือจับไม้เท้าไว้แน่น
“คุณท่าน คุณเฉินเพียงแค่แสร้งเป็นกังวล เดี๋ยวผมสั่งสอนเขาเอง”
“ออกไป!” คุณท่านฉู่ตวาดขึ้น ผลักลุงหลี่ไปอีกด้าน ลุงหลี่ฉวยโอกาสนี้ถีบไปที่เข่าของฉู่เฉินซีอย่างจัง
เขาล้มลงไปคุกเข่าบนพื้นทันที และไม้เท้าของคุณท่านฉู่ก็ตกหล่อนใส่หลังของเขาอย่างเต็มแรง
เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาขาดออกทันที เห็นได้ชัดว่าคุณท่านฉู่ออกแรงเยอะมาก
“ผมอยากรู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน!” ฉู่เฉินซีกัดฟันแน่น ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไอ้ลูกสารเลว!” ตาของคุณท่านฉู่แดงก่ำ เหยียบไปที่หลังของเขาซ้ำอีกหลายหน
ประตูด้านบนถูกเปิดออก เมื่อรั่วหรานได้ยินเสียงจึงรีบเข็นรถวิลแชร์ลงมาทันที “พี่ฉู่ พี่ทำอะไรน่ะ!”
เสียงแผ่วเบาของรั่วหรานกลับทำให้เขาหยุดชะงักทันที แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่หลังของฉู่เฉินซีถูกเตะตีจนบวมแดง เสื้อเชิ้ตขาดหลุดลุ่ย จนเห็นผิวสีแดงราวกับอาบด้วยเลือดสด
“คุณชายเฉิน คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าคุณท่านสนใจเรื่องอะไร คุณยังจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก” ลุงหลี่ค่อยๆประคองเขาขึ้นมา
“พี่ฉู่ ทำไมพี่ถึงทำร้ายเขาจนเป็นแบบนี้?” รั่วหรานสีหน้าเป็นกังวล “ถึงแม้ว่าเขาจะทำอะไรไม่ถูกต้อง แต่พี่ก็ไม่ควรทำร้ายเขาเช่นนี้”
คุณท่านฉู่ปลอบใจพลางตบบ่าหล่อน “ไม่มีอะไร เธอไปพักผ่อนเถอะ พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เสียงอันดุดันของคุณท่านฉู่กลับอ่อนโยนลงทันที ค่อยๆเข็นรถพาหล่อนกลับขึ้นไปด้านบน
รั่วหรานจับมือเขาไว้ด้วยความกังวล เงยหน้ามองเขา “พี่ฉู่ พี่ควรจะปรับอารมณ์ของตัวเองบ้างนะ ไม่ควรทำกับลูกแบบนี้”
“โอเคๆ ฉันจะนอนเป็นเพื่อนเธอนะ เราไม่คุยเรื่องนี้กันแล้วนะ” คุณท่านฉู่เข็นรถหล่อนขึ้นไปด้วยท่าทีเหนื่อยใจ สายตาเต็มไปด้วยความอิ่มเอม
ลุงหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปที่แผลบนหลังของฉู่เฉินซี “โชคดีที่เรื่องเกิดขึ้นที่นี่ ไม่เช่นนั้นผมเกรงว่าคุณจะโดนเหมือนครั้งที่แล้ว ถูกคุณท่านตีจนมึนสลบไป”
“ลุงหลี่ ผมอยากรู้ว่าหล่อนถูกพ่อขังไว้ที่ไหน?” ฉู่เฉินซีฝืนความเจ็บปวดถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
“ผมบอกคุณไม่ได้หรอก ถ้าคุณท่านรู้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะลงโทษผมเช่นไร” ลุงหลี่รีบส่ายหน้า ราวกับเกรงกลัวอำนาจของคุณท่านมาก
สีหน้าของฉู่เฉินซีเต็มไปด้วยความผิดหวัง แผลที่หลังเจ็บปวดร้อนรน แต่ยังคงอดกลั้นความกังวลไว้ไม่ได้
“น้าหรานรู้เรื่องนี้รึเปล่า?” ผ่านไปสักพัก เขาถามขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม
สีหน้าของลุงหลี่ตะลึงไปทันที “คุณท่านจะบอกเรื่องนี้กับรั่วหรานได้ยังไงล่ะ? คุณชายเฉิน ให้ดีที่สุดคุณไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณหรอก”
“หลินเวยมี่เป็นผู้หญิงของผม ผมจะไม่ยุ่งได้ยังไง” ฉู่เฉินซีทำสีหน้าจริงจัง มองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน
“คุณชายเฉิน ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนนะ อย่าให้รั่วหรานได้ยินเรื่องนี้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้โดนลงโทษแค่ไม้เท้าธรรมดาเช่นนี้”
ลุงหลี่สีหน้าจริงจัง น้ำเสียงเด็ดขาด ไม่เหมือนกำลังพูดโกหก
ฉู่เฉินซีรู้นิสัยของคุณท่านฉู่ดี เขาเม้มปากแน่นไม่พูดจาอะไร แต่เมื่อคิดว่าหลินเวยมี่อยู่ในกำมือของคุณท่านฉู่ เขายิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
เช้าวันต่อมา คุณท่านฉู่เข็นรถของรั่วหรานออกมา สายตาหยุดมองไปที่โซฟา ฉู่เฉินซีนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ทั้งยังไม่ได้ทำแผลที่หลัง เสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยเห็นไปรอยบวมแดงขึ้นมา
รั่วหรานรู้สึกสงสารเขามาก เหลือบมองไปที่คุณท่านด้วยความแค้นใจ “ทำไมลูกน้องคุณมือหนักเช่นนั้น? คุณดูหลังเขาสิ เป็นแผลเหวอะขนาดนั้นแล้ว คุณทำแบบนั้นไปได้ยังไงกัน!”
ฉู่เฉินซีเงยหน้ามองคุณท่านฉู่ สีหน้านิ่งขรึม “ผมอยากรู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน”
“นายยังไม่ตายใจอีกรึ?” คุณท่านฉู่ย้อนถามขึ้นด้วยเสียงเย็นชา เข็นรถของรั่วหรานเข้าไปใกล้
รั่วหรานรีบบอกให้คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างไปหยิบกล่องยา ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เฉิน ลูกมานั่งตรงนี้ เดี๋ยวน้าหรานทำแผลให้”
ฉู่เฉินซีนั่งอยู่ด้านหน้าน้าหราน ค่อยๆถอดเสื้อออก เปิดหลังให้น้าหรานทำแผล รั่วหรานสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ หน้าถอดสีจนพูดอะไรไม่ออก
“พี่ฉู่ ยังไงเฉินก็เป็นลูกของพี่ พี่กล้าทำแบบนี้กับลูกได้ยังไง!”
คุณท่านฉู่นั่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชาในความสงบเงียบ “รั่วหราน เดี๋ยวฉันให้คนใช้ทายาให้เขา”
“ไม่ได้ นายไปนั่งตรงนู้น” รั่วหรานมองเขาด้วยความคับแค้นใจ ค่อยๆทายาให้ฉู่เฉินซีอย่างระมัดระวัง
ตาของฉู่เฉินซีเต็มไปด้วยเลือด เขาพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม “ พ่อ ถ้าพ่อไม่บอกผม อย่ามาโทษว่าผมพูดอะไรเกินไปนะ”
คุณท่านฉู่นั่งมองเขา ยิ้มเย้ยขึ้น เพียงแค่รอยยิ้มนั้นก็ทำให้คนที่ใกล้ชิดเขารู้ทันทีเลยว่า นี่คือสัญญาณของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
“พ่อมีสิ่งที่อยากปกป้อง ผมเองก็มีสิ่งที่ผมอยากปกป้องเช่นกัน” น้ำเสียงของฉู่เฉินซีเด็ดขาดมั่นใจ ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
คุณท่านฉู่หรี่ตาลงมองท่าทีของเขา ค่อยๆพูดขึ้น “ให้หล่อนอยู่คนเดียวเพียงลำพัง”
“เหอะๆ นี่คือเหตุผลของพ่องั้นเหรอ แล้วเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ?” ฉู่เฉินซียิ้ม น้ำเสียงเยาะเย้ยเขา แม้ว่าเรื่องตอนนั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย? มีสิทธิ์อะไรที่จะเอาเรื่องของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่มากีดกั้นพวกเขา?
รั่วหรานฟังพวกเขาพูดไม่รู้เรื่อง จึงมองพวกเขาด้วยความสงสัย “นี่พวกเธอคุยอะไรกันอยู่? ทำไมฉันถึงฟังอะไรไม่เข้าใจเลย?”
“เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใจ” คุณท่านฉู่หันกลับมายิ้มให้หล่อน รอยยิ้มของเขามีให้รั่วหรานเพียงคนเดียว
รั่วหรานถอนหายใจออกมาด้วยความลำบากใจ พูดตัดพ้อขึ้น “ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าใจ แต่พี่ต้องอธิบายให้ฉันฟังว่าทำไมต้องทำร้ายเฉินขนาดนี้?”
คุณท่านฉู่พูดไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้ารั่วหราน รั่วหรานพึมพำไม่พอใจ สีหน้าคับแค้นใจอย่างมาก
“พี่ฉู่ ห้ามมีครั้งต่อไปอีก! ลูกไม่ได้มีไว้ให้ตี!”
เมื่อฉู่เฉินซีได้ยิน รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกซาบซึ้ง ตั้งแต่เด็กจนโตเขาได้รับความรักไม่มากนัก แต่ตอนนั้นเขามีรั่วหราน แล้วหลินเวยมี่จะมีใครล่ะ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาทันที ไม่รู้หญิงสาวดื้อรั้นคนนั้น ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“พ่อ ถ้าพ่อไม่ปล่อยหล่อนไปจริงๆ อย่าหาว่าผมไม่เชื่อฟังล่ะ” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น สายตามุ่งมั่นจริงจัง
บรรยากาศเคร่งเครียดมากขึ้น จนสัมผัสได้ถึงไอของความเยือกเย็นรอบๆ สายตาของคุณท่านฉู่เต็มไปด้วยความดุดัน และรีบเบี่ยงกลับไปมองรั่วหราน จากนั้นสายตาของเขาก็หยุดนิ่งลง
ฉู่เฉินซีถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก เพราะรู้ว่าท่านฉู่ยอมอ่อนข้อให้แล้ว เขาไม่กล้าหืออือกับรั่วหราน อีกทั้งเขาปิดบังมานานขนาดนี้แล้ว คุณท่านฉู่จะพูดออกมาตามใจปากได้อย่างไร?