รักหมดใจ ยัยหน้ารักของฉัน - ตอนที่ 218
บทที่ 218 สรุปแล้วคุณรักผมหรือเปล่า
หลินเวยมี่รู้ดีว่าฉู่เฉินซีมีวิธีมากมายในการทรมานเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
เธอกัดฟันแน่น ใบหน้าเล็กๆของเธอแดงระเรื่อ แววตาคู่นั้นดูอ่อนโยน อยากจะให้เวลาหยุดลงที่นี่จริงๆ อย่างน้อย พวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกัน
ค่ำคืนที่บ้าคลั่ง
เช้าตรู่ หลินเวยมี่ตื่นนอนแต่เช้า มือของเขายังคงทับหน้าอกของเธอเอาไว้ เธอค่อยๆยกแขนเขาออก จากนั้นหยิบเสื้อผ้าของตน
เดินไปนอกหน้าต่าง เปิดผ้าม่านขึ้นมองดูภาพทิวทัศน์ด้านนอก นี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเธออยากจะไปให้ถึงขีดสุด
ไม่มีคำถามใดๆ เธออยากจะอยู่กับฉู่เฉินซี เพราะหัวใจดวงนี้ของเธอมันอยู่ที่เขามานานแล้ว ไม่สามารถจะเอากลับมาได้อีก
เพียงแต่ระหว่างพวกเขามีอุปสรรคใหญ่ขวางเอาไว้ ทำให้เธอต้องยอมแพ้
หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการจุด
แผ่นหลังของเธออบอุ่นขึ้นมา เป็นกลิ่นพิเศษเฉพาะของหลินเวยมี่ เขาเอาคางมาเกยตรงหัวไหล่ของเธอ จากนั้นเอ่ยพูดเสียงพึมพำ “ทำไมตื่นเช้าจึงเลย?”
“ฉันควรจะไปแล้วค่ะ” เสียงของหลินเวยมี่ดังขึ้น คล้ายเป็นการตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ฉู่เฉินซีเล่นไรผมของเธอ แววตาของเขาเคล้าไปด้วยความเสียใจ ไม่ใช่ว่าเขาฟังน้ำเสียงของหลินเวยมี่ไม่ออก ยิ่งเธอเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ
คล้ายกับว่าหลินเวยมี่ตัดสินใจบางอย่าง เกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา และถึงขั้นว่าเธอจะไปจากเขา
เขากอดเธอเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ “ไม่ได้”
“ฉู่เฉินซี พอได้แล้วค่ะ ฉันต้องไปทำงานแล้ว” น้ำเสียงของหลินเวยมี่เคล้าด้วยความขอร้อง เธอจะต้องไปทำงานแล้วจริงๆ แต่ว่าเป็นการไปลาออกจากงาน
“วันนี้อย่าไปเลย”
“ฉู่เฉินซี!อย่ามาก้าวก่ายชีวิตของฉันได้ไหมคะ? การที่ฉันมาอยู่กับคุณแบบนี้มันทำให้ชีวิตของฉันวุ่นวายมากพอแล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก?” หลินเวยมี่ตะคอกด้วยความโมโห คล้ายกับว่ามีเพียงแค่การตะคอกเท่านั้น ถึงจะทำให้หัวใจที่ว้าวุ่นของเธอสงบลงได้
“ผมอยากจะอยู่กับคุณ!ง่ายแค่นี้เอง”
หลินเวยมี่นิ่งค้างจากนั้นหันหลังไปมองฉู่เฉินซี ความรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้นมันกลับมาอีกครั้ง มันทำให้เธอทรมานจนหายใจลำบาก โดยเฉพาะตอนที่มองดูแววตาคู่นั้นของฉู่เฉินซี
คล้ายกับมีเวทมนต์ ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่สามารถจะพูดอะไรได้อีก
ดวงตาของเธอแดงระเรื่อ คล้ายถูกทำร้ายมาอย่างหนัก นั่งอยู่ตรงหน้าของเขา แล้วกอดตัวเองแน่น
วินาทีต่อมา เธอถูกกระชากตัว เข้าไปในอ้อมกอดของเขา
เขากอดหลินเวยมี่แน่นๆ พูดปลอบโยน “อย่าร้องไห้นะ ผมไม่ดื้อกับคุณแล้ว”
เพียงแต่การปลอบโยนแบบนี้มันทำให้หัวใจของหลินเวยมี่เจ็บปวดมากกว่าเดิม เขาเป็นผู้ชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตน มีเพียงต่อหน้าเธอเท่านั้น เขาจึงจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา
เขารักเธอ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับไม่สามารถยอมรับความรักนี้ได้ เหมือนอย่างที่เย่หนิงพูด เธอจริงจังและระวังตัวมากเกินไป คอยกังวลกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้าและเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
แต่เธอไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจอะไรทั้งไม่ได้ เธอมีเสี่ยวหลง นั่นเป็นหน้าที่ของเธอ เธอไม่สามารถให้เสี่ยวหลงต้องเติบโตในสภาวะแวดล้อมที่กดดัน
เหมือนเธอในตอนเด็กๆ ที่ไม่เคยมีความสุข
“เวยมี่ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อผม? เรื่องทุกอย่าง คุณอย่าคิดมากจนเกินไป” ฉู่เฉินซีปลอบโยนเธอแล้วตบหลังของเธอเบาๆ “จำเอาไว้ คุณยังมีผม”
“ฉู่เฉินซี ฉันไปก่อนนะคะ” เธอเม้มปากกัดฟันแล้วพูด
สีหน้าของฉู่เฉินซีแลดูไม่พอใจ แต่เขาก็ยังคงปล่อยเธอไปอย่างว่าง่าย
“หลินเวยมี่ สรุปแล้วคุณรักผมหรือเปล่า”
หลังจากที่ฉู่เฉินซีถามคำถามนี้แล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจ เพราะคำถามนี้มีแค่คนอ่อนแอเท่านั้นที่จะถาม เพียงแต่ในใจของเขารู้สึกไม่แน่ใจจริงๆ ถ้าหากว่าหลินเวยมี่รักเขาจริงๆ ทำไมยังต้องแต่งงานแล้วมีลูกอีก?
“คุณไม่รู้หรอคะ?” เธอเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร เดินไปตรงเตียงขนาดใหญ่ จากนั้นเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายขึ้นมา
“ผมอยากได้ยินคุณพูด”
“ฉันจะบอกคุณพรุ่งนี้ค่ะ” หลินเวยมี่สวมเสื้อจนเรียบร้อย จากนั้นหันไปมองฉู่เฉินซี
เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดสาดส่งอมาบนตัวของเขาทำให้หลินเวยมี่มองเห็นใบหน้าเขาได้ไม่ชัดเจน แต่เธอกลับสามารถสัมผัสได้ ฉู่เฉินซีกำลังยิ้ม
สูดลมหายใจเข้า ความกดดันต่างๆโหมเข้ามาไม่หยุด ไม่สามารถทนต่อไปได้แล้ว จึงรีบเดินออกไป
ฉู่เฉินซีที่อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างนั้นก็ได้กลับไปที่บ้าน เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคุณท่านแก่ฉู่ คล้ายว่าเขาจงใจมารอตน
เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของคุณท่านแก่ฉู่ เพื่อรอให้เขาพูด แววตาของคุณท่านแก่ฉู่เคล้าไปด้วยความเสียใจ เขาดูดซิการ์เข้าไปฟอดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยพูด
“ไปเธอมาหรอ?”
ฉู่เฉินซีเงยหน้าขึ้น แต่กลับไม่ได้ตอบคำถาม คล้ายกับว่ากำลังคิดพิจารณาในสิ่งที่คุณท่านแก่ฉู่ต้องการ
“สัญญาในตอนนั้นลืมไปหมดแล้วหรอ?”
คำพูดที่ไม่รีบร้อน แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดัน ฉู่เฉินซีขมวดคิ้ว นิ้วมือทั้งสิบกำแน่น สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก
ตอนนั้นเขาเคยสัญญากับคุณท่านแก่ฉู่แล้วจริงๆ ว่าจะไปจากหลินเวยมี่แล้วจะไม่เจอเธออีก จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย
แต่หลังจากที่เขาได้เจอกับหลินเวยมี่แล้วนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าตนเองทำไม่ได้ เขาควบคุมตัวเองไม่ให้ไม่คิดถึงเธอไม่ได้ ไม่ให้รักเธอไม่ได้ และถึงขั้นไม่ให้ไปเจอเธอไม่ได้
“พ่อครับ พ่อรักน้าหรานไหมครับ?”
“แน่นอน” คุณท่านแก่ฉู่ตอบโดยไม่ชักช้าลังเลแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่ตอบอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังพูดขึ้น “น้าหรานของแกคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน เธอเป็นที่หนึ่งในชีวิตของฉัน”
“หลินเวยมี่ก็เหมือนกันครับ พ่อครับ พ่อไม่สามารถขัดขวางความรักของผมกับเธอได้” ฉู่เฉินซีพูดด้วยความจริงจัง แววตาของเขาเคล้าไปด้วยความหนักแน่นยืนกราน “เธอเองก็เป็นที่หนึ่งในใจของผม ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมก็ไม่มีวันหยุดรักเธอ”
“หรือความหมายของแกคือต้องการจะทำร้ายน้าหราน?” คุณท่านแก่ฉู่พูดเสียงสูง ถลึงตาแล้วเอ่ยถามเขา
“บางทีน้าหรานอาจจะไม่ได้บอบบางอย่างที่เราคิด อีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เธอเองก็ลืมเรื่องนั้นไปนานแล้ว”
“ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ!แกอย่าให้เธอรู้เด็ดขาดว่าหลินเวยมี่ยังอยู่!นอกจากว่าแกอยากจะให้เราตายกันหมด!” คุณท่านแก่ฉู่ยืนขึ้นด้วยความโมโห จากนั้นเดินไปยังบันได
เขาเดินไปสองก้าวแล้วหยุดเดิน รั่วหรานมองดูเขาเงียบๆ ตาของเธอเคล้าไปด้วยน้ำตา
ฉู่เฉินซีเองก็ไม่คิดว่ารั่วหรานจะได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดกัน เขาเองก็กระวนกระวายทำตัวไม่ถูกขึ้นมา รีบลุกขึ้น แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะอธิบายยังไง
“พี่ฉู่คะ พี่จะปิดบังฉันไปถึงเมื่อไหร่?” รั่วหรานร้องไห้แล้วเอ่ยถาม แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ “หลินเวยมี่ เธอคือลูกสาวของฉันใช่ไหมคะ?”
สีหน้าของคุณท่านแก่ฉู่แข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง โดยเฉพาะตอนที่เห็นน้ำตาบนใบหน้าของรั่วหราน หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
“รั่วหราน เมื่อกี้พวกผมแค่……..”
“อย่าพูดให้ลูกสาวของฉันเป็นเหมือนคนไม่สำคัญ คุณปิดบังฉันมากี่ปีแล้วค่ะ คุณทิ้งเธอไว้ด้านนอกคนเดียวได้ยังไง? ไม่รู้ว่าลูกสาวของฉันต้องลำบากแค่ไหน”
รั่วหรานพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
คุณท่านแก่ฉู่มองดูท่าทีของเธอก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไง ทำได้เพียงยืนนิ่งๆไม่ขยับ
เขาไม่รู้ว่ารั่วหรานยังคงรักเด็กคนนั้น ทั้งๆที่ตอนนั้นหลังจากที่เธอคลอดเด็กคนนั้นแล้ว เธอก็เอาไปให้คนอื่นในทันที ท่าทีแบบนั้นของเธอมันหมายความว่าเธอไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ใช่หรอ?
ความคิดวุ่นวายอยู่เต็มหัวของคุณท่านแก่ฉู่ ทว่ากลับไม่รู้ว่าควรจะอธิบายการมีอยู่ของหลินเวยมี่ยังไง
“รั่วหราน…….”
“พี่ฉู่ ยังไงเธอก็คือลูกสาวของฉัน” รั่วหรานร้องไห้แล้วพูด
“เด็กคนนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่!ตอนนั้น…….” คุณท่านแก่ฉู่หยุดพูด ทว่ากลับยังเห็นความเศร้าในดวงตาของรั่วหราน
“รั่วหราน ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เรื่องในตอนนั้นพวกเราลืมไปหมดแล้วไม่ใช่หรอ? เด็กคนนั้นเราถือว่าไม่เคยมีอยู่ดีไหม?” คุณท่านแก่ฉู่พูดขอร้อง เขาไม่อยากเห็นรั่วหรานในสภาพที่คิดไม่ตกแล้วต้องทนทุกข์ทรมานแบบนั้น
รั่วหรานร้องไห้แล้วส่ายหน้า ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา “ถึงยังไงเธอก็เป็นเลือดในตัวของฉัน ฉันจะทำเป็นว่าเธอไม่มีอยู่จริงได้ยังไงคะ?”
คุณท่านแก่ฉู่เงียบ จ้องมองรั่วหรานเงียบๆ จากนั้นถอนหายใจยาวๆ
รั่วหรานเช็ดน้ำตา จากนั้นมองไปทางฉู่เฉินซีแล้วถามขึ้น “เฉิน พรุ่งนี้นายพาน้าไปหาเธอหน่อย”
ฉู่เฉินซีจ้องมองไปที่รั่วหราน จากนั้นรีบพยักหน้า
เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว สิ่งที่พวกเขากังวลและกลัวนั้นล้วนเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาคาดเดาเท่านั้น บางทีน้าหรานก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเขาคิด
ซึ่งก็หมายความว่า ในที่สุดเขาและหลินเวยมี่ก็สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของฉู่เฉินซีก็แต้มไปด้วยรอยยิ้ม เขาดูผ่อนคลายไร้ซึ่งความกดดัน
เวลาเพียงชั่วข้ามคืน ราวกับว่าเรื่องทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือไปหมด ฉู่เฉินซีนอนไม่หลับทั้งคืน เขาอยากจะบอกข่าวดีนี้กับหลินเวยมี่ แต่เธอกลับปิดเครื่องไปแล้ว
วันที่สองตอนที่เขาโทรไปอีกครั้งนั้น กลับยังคงปิดเครื่อง เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ สามารถพูดได้ว่าตั้งแต่ได้เจอกับหลินเวยมี่ ใจของเขาก็ไม่เคยหมดกังวล
ทุกเวลาทุกวินาทีล้วนเอาแต่กลัว กลัวว่าวินาทีต่อไปหลินเวยมี่ก็จะจบความสัมพันธ์กับเขา
ไม่ได้บอกกับรั่วหราน เช้าตรู่วันที่สอง เขารีบไปบ้านของหลินเวยมี่
ฉู่เฉินซีนั่งเงียบๆในรถ นี่เป็นครั้งแรกที่เขากระวนกระวายแบบนี้ เขาสูบบุหรี่หนึ่งหมวล เพื่อต้องการให้ความว้าวุ่นในใจของตนสงบลง
ป้าแม่บ้านที่มาทำความสะอาดนั้นบอกว่า คุณผู้หญิงของบ้านกลับบ้านของแม่เธอไปแล้ว
หลินเวยลี่มีบ้านของแม่เสียที่ไหน? เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังหลบหน้าเขา ภาพในหัวของเขาคิดถึงสีหน้าเสียใจของหลินเวยมี่เมื่อวาน เพียงชั่วพริบตาเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที เธอวางแผนมานานแล้วว่าจะไป
นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนได้มาแล้วเสียไป เขาไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน
ผู้หญิงของเขาหายไปจากชีวิตของเขาอีกครั้ง เขายังมีเวลาอีกกี่ปีในการรอเธอ? รอจนเหนื่อยมาก เหนื่อยมากๆ
เขาโทรไปหาใครบางคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อ้านเย่ ไปสืบเรื่องลูกชายของหลินเวยมี่ ฉันอยากจะได้ข้อมูลให้เร็วที่สุด!”
เขารู้ดีว่าสิ่งที่หลินเวยมี่แคร์ที่สุดก็คือครอบครัว เธอแคร์ลูกชายของเธอ บางทีเขาอาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างผ่านเรื่องนี้ก็ได้
ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง เขาเปิดดูข้อความด้วยความรวดเร็ว มองดูเด็กในรูป ในใจของเขารู้สึกเหมือนถูกบางอย่างพุ่งชน จากนั้นดึงหัวใจเขาขึ้นมา
เขาจำได้ว่าเคยเห็นเด็กในรูปนี้หนึ่งครั้ง อยู่ใต้ตึกนี้
ในใจของเขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง เลือดสูบฉีดขึ้นมาในทัน!”
หลังจากวางสายไปนั้น ฉู่เฉินซีจ้องมองดูรูปถ่ายของเสี่ยวหลงอีกครั้ง คิ้วของเขาเปี่ยมไปด้วยความดีใจ แทบจะไม่ต้องสืบ เขาก็สามารถแน่นใจว่า เด็กผู้ชายคนนี้ เป็นลูกของเขา!